ถ้าทานขนมเค้กที่มีส่วนผสมเป็นเหล้า จะบาปไหมค่ะ?
#1
โพสต์เมื่อ 25 May 2006 - 08:20 PM
เลยอยากรู้ว่าจะผิดศีลไหมค่ะ ถ้าเราทานเข้าไป
ทานเสร็จแล้วรู้สึกผิดคะ
รบกวนผู้รู้ช่วยชี้แนะด้วยนะคะ
#2
โพสต์เมื่อ 25 May 2006 - 08:57 PM
#3
โพสต์เมื่อ 25 May 2006 - 09:18 PM
ใช่แล้ว
บาปค่ะ
แต่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตในเคสของการเอาไปกระไสยยา เช่น ยาดองเหล้า ในสมัยก่อน
สมัยนี้เขาเอายามากระไสยเหล้าแล้ว กินแล้วเมา ไม่มีความเป็นยาอยู่แล้ว
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#4
โพสต์เมื่อ 25 May 2006 - 09:18 PM
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#5
โพสต์เมื่อ 25 May 2006 - 09:27 PM
ไอติมรสรัมลูกเกด ก็อร้อยอร่อย
ไก่ตุ๋นน้ำแดง(เข้าใจว่ามีเหล้าเป็นส่วนประกอบ)ก็สุดเด็ด
เค้กบัตเตอร์สก็อตก็อร่อย
ชอกโกแลตกลิ่นเชอรี่บรั่นดีก็มี
แต่ที่ผ่านมาก็กินเพราะเราคิดว่าไม่มีแอลกอฮอล์หลงเหลืออยู่แล้วหละ เพราะมันระเหยไปหมดแล้วหละ เพราะตอนยังสาว ๆ อยู่เคยกินตั้งเยอะแหนะก็ไม่เห็นเมาซะที (บางทีกินไอติมเป็นถัง ๆ เลยนะ ถึงได้อ้วนเป็นถังไอติมอยู่ทุกวันนี้ ไง)
น่าสงสัยจริง
#6
โพสต์เมื่อ 25 May 2006 - 09:49 PM
ย่อมมีแสงอรุณขึ้นก่อน
เป็นบุพนิมิตฉันใด
ความเป็นกัลยาณมิตรก็เป็นตัวนำ
เป็นบุพนิมิตแห่งการเกิดขึ้น
ของหนทางพระนิพพาน ฉันนั้น"
#7
โพสต์เมื่อ 25 May 2006 - 10:23 PM
"[๕๗๘] ภิกษุดื่มน้ำที่มีกลิ่นรสเหมือนน้ำเมา แต่ไม่ใช่น้ำเมา ๑
ภิกษุดื่มน้ำเมาที่เจือลงในแกง ๑ ... ที่เจือลงในเนื้อ ๑ ... ที่เจือลงในน้ำมัน ๑
... น้ำเมาในน้ำอ้อยที่ดองมะขามป้อม ๑ ภิกษุดื่มยาดองอริฏฐะซึ่งไม่ใช่ของ
เมา ๑ ภิกษุวิกลจริต ๑ ภิกษุอาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล."
ที่มา พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏ เล่มที่ 4 หน้า 634
#8
โพสต์เมื่อ 25 May 2006 - 10:28 PM
#9
โพสต์เมื่อ 26 May 2006 - 12:37 AM
ภิกษุดื่มน้ำเมาที่เจือลงในแกง ๑ ... ที่เจือลงในเนื้อ ๑ ... ที่เจือลงในน้ำมัน ๑
... น้ำเมาในน้ำอ้อยที่ดองมะขามป้อม ๑ ภิกษุดื่มยาดองอริฏฐะซึ่งไม่ใช่ของ
เมา ๑ ภิกษุวิกลจริต ๑ ภิกษุอาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล."
โมทนาสาธุการด้วยครับ แหมะค้นคว้ามาละเอียดเลยครับ
แบบนี้สิครับถึงจะเรียกว่าลูกพระธรรมครับ สาธุด้วยครับ
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#10
โพสต์เมื่อ 26 May 2006 - 01:22 AM
พ่อ...คือเมฆขาวบนผืนฟ้าใส
พ่อ...คือริ้วคลื่นโถมซบทราย
พ่อ...คือร่มไม้บนทางฝัน
พ่อ...คือสายลมเย็นในวันร้อน
พ่อ...คือบทกลอนปลุกปลอบขวัญ
พ่อ...คือความงดงามของคืนวัน
พ่อ...คือความภาคภูมิใจของฉันทั้งชีวิต
Add มาสนทนาธรรมกันได้นะคร้าบ :--> [email protected]
#11
โพสต์เมื่อ 26 May 2006 - 07:21 AM
อัพโพหาริก คือ กล่าวไม่ได้ว่ามี, มีแต่ไม่ปรากฏ จึงไม่ได้โวหารว่ามี, มีเหมือนไม่มี เช่น สุราที่เขาใส่ในอาหารบางอย่างเพื่อฆ่าคาวหรือชูรส และเจตนาที่มีในเวลาหลับ เป็นต้น
#12
โพสต์เมื่อ 26 May 2006 - 08:41 AM
เลยอยากรู้ว่าจะผิดศีลไหมค่ะ ถ้าเราทานเข้าไป
ทานเสร็จแล้วรู้สึกผิดคะ
รบกวนผู้รู้ช่วยชี้แนะด้วยนะคะ
ไม่บาปค่ะเห็นด้วยกับคุณ nemo แล้วข้าวหมากล่ะคะ !!!!!!!!!! ทานแล้วผิดศีลไหมค่ะ
#13
โพสต์เมื่อ 26 May 2006 - 11:42 AM
ภิกษุดื่มน้ำเมาที่เจือลงในแกง ๑ ... ที่เจือลงในเนื้อ ๑ ... ที่เจือลงในน้ำมัน ๑
... น้ำเมาในน้ำอ้อยที่ดองมะขามป้อม ๑ ภิกษุดื่มยาดองอริฏฐะซึ่งไม่ใช่ของ
เมา ๑ ภิกษุวิกลจริต ๑ ภิกษุอาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล."
จากท่อนนี้ มีคำว่า "เจือ" ปรากฎอยู่นะครับ คำว่าเจือแปลว่า "เอาส่วนน้อยประสมลงไปในส่วนมากให้ระคนปนกัน" ดูความหมายได้จาก พจนานุกรม ราชบัณฑิตยสถาน นะครับ
ทีนี้ที่คุณ JOYSA ถามมาว่ากินข้าวหมาก ผิดศีลไหม ผมขอตอบตามความเห็นของผมนะครับ ข้าวหมากไม่ได้เกิดจากการเจือครับ มันเกิดจากการหมัก ดังนั้น น่าจะผิดศีลครับ
#14
โพสต์เมื่อ 26 May 2006 - 02:28 PM
ของหมักดองที่ทำให้เกิดน้ำเมาแต่ทำให้เกิดปริมาณของแอลกอฮอล์ไม่มากพอจะทำให้เมาได้
ก็ไม่ถือว่าเป็นอาบัติครับ
เอมีใครในโลกนี้กินข้าวหมากแล้วเมาหลับบ้างครับเนี่ย 5555+
ถ้ามีผมจะได้ตั้งหน้าตั้งตากินข้าวหมากเลยเอ้า 555+
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#15
โพสต์เมื่อ 26 May 2006 - 02:50 PM
#16
โพสต์เมื่อ 26 May 2006 - 06:32 PM
เลยอยากรู้ว่าจะผิดศีลไหมค่ะ ถ้าเราทานเข้าไป
ทานเสร็จแล้วรู้สึกผิดคะ
รบกวนผู้รู้ช่วยชี้แนะด้วยนะคะ
ของที่ควร แต่หากไปเข้ากันกับสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงตรัสห้าม ของนั้นก็เป็นของไม่ควรนะครับ เพราะฉะนั้น เมื่อรับประทานไปแล้วรู้สึกไม่สบายใจแล้วล่ะก็ ทีหลังก็อย่าไปรับประทานอีกเลยครับ แหนงใจเปล่าๆ
ภิกษุดื่มน้ำเมาที่เจือลงในแกง ๑ ... ที่เจือลงในเนื้อ ๑ ... ที่เจือลงในน้ำมัน ๑
... น้ำเมาในน้ำอ้อยที่ดองมะขามป้อม ๑ ภิกษุดื่มยาดองอริฏฐะซึ่งไม่ใช่ของ
เมา ๑ ภิกษุวิกลจริต ๑ ภิกษุอาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล."
ที่มา พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏ เล่มที่ 4 หน้า 634
เมื่อพิจารณาจากสิ่งที่คุณ nemo ได้นำมาแสดง ผมเห็นด้วยนะครับ และเข้าใจว่าแอลกอฮอล์จะระเหยออกไปกับความร้อนตามกรรมวิธีที่พี่ xlmen ได้บอกไว้แล้วน่ะครับ ทำผมให้นึกถึงสินค้าตัวหนึ่งของบริษัทคังเซ็นเค็นโกะ (ถังหลง) น่ะครับ ซึ่งกรรมวิธีในการรับประทานโดยที่เราไม่ต้องบริโภคแอลกอฮอล์เข้าไปก็คือ ให้นำไปผ่านความร้อนด้วยไมโครเวฟเสียก่อน แอลกอฮอล์ก็จะระเหยไป จากนั้น เราก็จะสามารถรับประทานได้โดยไม่มีอาการเมามายพ่วงมา และไม่ทำให้ผิดศีลอีกด้วยครับ
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#17
โพสต์เมื่อ 26 May 2006 - 09:08 PM
#18
โพสต์เมื่อ 26 May 2006 - 09:36 PM
ตอบ อย่าคิดมากครับ ผมเจตนาแซวเล่นเฉยๆ ครับ ความจริงแล้วการทำข้าวหมากนั้นเขาจะมีระยะเวลาการหมักว่าควรจะใช้ระยะเวลาเท่าไหร่แล้วจึงจะนำมากิน ยกเว้นข้าวหมักที่ใช้เวลานานเกินในกระบวนการหมักจนกลายสภาพจากข้ามหมากกลายไปเป็นกระแช่ สาโท อุ สาเก ถ้าแบบนั้นก็ศีลขาดเห็นๆ เลยครับเพราะน้ำเมาไม่ใช่แค่เจืออ่อนๆ แล้วครับแต่กลายเป็นน้ำเมาหรือแอลกอฮอล์ดีกรีแรงไปแล้วครับ
ดังนั้นถ้าถามว่ากินข้ามหมากผิดศีลไหมต้องถามก่อนว่าเขาหมักแอลกอฮอล์แรงแค่ไหนถ้าแรงกว่าปกติก็ศีลขาดชัวร์ครับ เพราะเหล้าสาเกของญี่ปุ่นก็ทำมาจากข้าวหมักนี่แหละครับ
ดังนั้น ถ้าหากใครไม่แน่ใจว่าข้าวหมากห่อนี้กินไปแล้วจะเมาไหมก็น่าจะเลี่ยงไม่กิน หรือไม่ก็นำข้าวหมากไปเข้าไมโครเวพก่อนให้แอลกอฮอล์ระเหยไปให้หมดก่อนค่อยกินก็ได้ครับจะได้ไม่ผิดศีลครับ
ปล.ข้าวหมากหนะของโปรดผมเลยครับ 555+
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#19
โพสต์เมื่อ 27 May 2006 - 04:10 PM
ประมาณประถม 5 ประถม 6 ได้มั่งค่ะ เคยลองแตะ ๆ ดู แล้วรู้สึกเหมือนทานเหล้า ต้องใช้คำว่
ว่า ทาน เพราะมันเป็นข้าวหมาก
แต่หากยกมาเป็นแก้ว ๆ เป็นเหยือก ๆ นี่ไม่ไหวค่ะ...
แต่แอลกฮอล์โดนความร้อนมันจะหายไปหมด (ตามหลักวิชา) ที่เค้าว่ากันมา
แล้วก็เห็นพ่อครัวแม่ครัวใส่แค่ช้อนสองช้อน มันไม่ให้เมาได้แน่ ๆ อยู่แล้ว
แต่หากคิดในแง่ที่ละเอียดมาก ๆ คงผิดแน่ ๆ
แต่ไอติมนี่มันไม่หายนะ ต้องคิดดูดีให้ดี
เคยทานรัมลูกเกดที่มติชน(น้องสาวไปขอมาทาน)
พอทานลงไป รู้เลยว่ามีแอลกฮอล์แน่ ๆ เพราะกลิ่นมันคงอยู่
และคิดว่า ตัวแอลกฮอล์ก็ยังน่าอยู่ อร่อยก็อร่อยนะ แต่บางทีต้องตัดใจไม่ทานนะค่ะ
#20
โพสต์เมื่อ 27 May 2006 - 06:41 PM
แล้วมันจะระเหยหมดเหรอคะ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#21
โพสต์เมื่อ 28 May 2006 - 10:11 PM
หมดสิครับ ถ้าน้องวิวไม่แน่ใจว่าแอลกอฮอล์จะหมดหรือไม่
ก็ลองส่งมาให้พี่ชิมทดสอบดูก่อนก็ได้ครับ 555
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#22
โพสต์เมื่อ 28 May 2006 - 10:50 PM
ผมคิดว่าทุกอย่างมีกรรมของมัน บาปไม่บาปแล้วแต่จะเรียก
ตามปกติแล้ว บาปคือการที่เราทำแล้วผลของกรรมเกิดความทุกข์ให้แก่เรา เราก็เลยเรียกว่าบาป ถ้าเกิดความสุข ก็เรียกว่าบุญ ดังนั้น
กรรมที่กินข้าวหมากเป็นต้น ก็อาจจะมีกรรมว่าชาติหน้ามีแฟนชอบกินข้าวหมาก ซึ่งก็อย่างว่าหล่ะครับ เราชอบมั้ยหล่ะครับ ถ้าชอบแฟนแบบนี้ก็ถือว่าเป็นบุญ ถ้าไม่ชอบก็ถือว่าเป็นบาป หรือเฉยๆ ก็ไม่ทั้งบาปทั้งบุญ
ดังนั้น คำถามที่ถามว่าดื่มเหล้าที่ผสมลงในอาหารแล้วเป็นบาปมั้ย
ผมคิดว่า มันไม่น่าจะมีผลอะไรกับผลของกรรม เช่น กรรมอาจจะทำให้ชาติหน้า หน้ามืดเท่าจำนวนครั้งที่กิน อะไรประมาณนี้หรือว่าครับ 555+ คิดได้ยังไง 555
ถ้าคิดว่าการหน้ามืดเล็กๆน้อยๆเป็นเรื่องปกติ มันก็ไม่เดือดร้อนอะไร มันก็ไม่เป็นบาปหรอกครับ หรืออาจจะเป็นบาปที่เรารับได้ ก็โอเค เพื่อความอยากกินในชีวิต ยอมมั้ยหล่ะครับ ถ้าได้กินของอร่อย แต่โดนตบหัวทีนึง บางทีมันก็แรกกันนะครับ 5555+
เอาครับ สรุปแล้ว ผมไม่ชอบกินของพวกที่ใส่เหล้าหรอกครับ เพราะว่ามันไม่อร่อยครับ ผมเลยไม่คิดจะแลกพวกนี้
ขอบคุณครับ
#23
โพสต์เมื่อ 29 May 2006 - 07:43 PM
#24
โพสต์เมื่อ 29 May 2006 - 08:38 PM
เคยได้ยินว่ายาแก้ไอบางตัว มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ค่ะ เพราะเคยทราบมาตอนอยู่ที่ต่างประเทศว่าบางคนที่แพ้แอลกอฮอล์ ต้องระวังอย่างมากเวลาจะซื้อยาแก้ไอทานเองเพราะบางตัวมีแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะแบบที่เป็นน้ำค่ะ
#25
โพสต์เมื่อ 29 May 2006 - 08:42 PM
ผมคิดว่าวัตถุประสงค์ของการผสมแอลกอฮอล์ลงไป ก็เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการเสื่อมสภาพของยาน่ะครับ
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#26
โพสต์เมื่อ 11 July 2006 - 02:10 AM
รสชาติมัน ก็ขม ผมก็ไม่ยุ่งเกี่ยวอีกแล้ว และรู้ว่ามันไม่ดี ก็ไม่ยุ่งด้วย
ก็คือ ผมสงสัย ว่า รสชาติมันขม ขนาดนี้ ทำไมคนมันกินเสพกันเข้าไปได้อย่างไงกัน
#27
โพสต์เมื่อ 11 July 2006 - 05:01 PM
๑๑. ดื่มเหล้าแก้หนาว
ในประเทศแถบยุโรป อากาศหนาวจัด มีความจำเป็นต้องดื่ม
เหล้า หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพื่อเพิ่มความอบอุ่น
ให้ร่างกาย ที่เรียกว่าดื่มเหล้าแก.หนาว อย่างนี้ถือว่า
ผิดศีลข้อ ๕ หรือเปล่าครับ ?
ในกรณีนี้ขอให้มองให้ดี ในวงการแพทย์เรายังมีปัญหาถก เถียง
กันพอสมควรว่า ทำไมต้องใช้ฝิ่น จะกำจัดฝิ่นให้หมดไปจากโลกเสียไม่
ได้หรือ จริงอยู่ว่าฝิ่นมีสารเสพติดที่เป็นอันตรายต่อผู้เสพ แค่เมื่อ
ถึงคราวจำเป็น ฝิ่นก็มีประโยชน์มาก เพราะสามารถเอาไปทำเป็นยาได้
โดยเฉพาะยาระงับประสาท ระงับอาการเจ็บปวดยามฉุกเฉิน
เพราะฉะนั้นจึงมีข้อพิจารณากันว่าสิ่งเสพติดเหล่านี้เราจะใช้
มันเพื่อประโยชน์อะไร เราใช้ฝิ่น เพื่อการรักษาโรค คือทำเป็น ยา หรือ
ใช้เพื่อการเสพติด ประเด็นสำคัญอยู่ตรงนี้
แอลกอฮอล์ ก็ทำนองเดียวกัน พูดง่ายๆ คือเลิกผลิตไม่ได้
เพราะในวงการแพทย์ยังจำเป็นต้องใช้ อย่าว่าแต่ใช้ดื่มกินเลย
แม้แต่ใช้เป็นแอลกอฮอล์ล้างแผลเช็ดแผล ก็ยังต้องใช้อยู่จนทุกวันนี้
เพราะฉะนั้นถ้าจะตัดสินก็ต้องดูวัตถุประสงค์ในการใช้เป็นหลัก เหล้า
หรือแอลกอฮอล์ขวดเดียวกัน ถ้าใช้ทางการแพทย์ก็ไม่ว่ากัน เพราะ
มันคือยา แต่ถ้าใช้เพื่อการมึนเมานั้นผิด เพราะมันเป็นสิ่งเสพติด
ในกรณีของคนป่วย มีความจำเป็นต้องดื่มเหล้า
หรือแอลกอฮอล์ เพื่อแก้หนาวหรือเพื่ออะไรก็ตามที
หรือการรักษาอาการป่วยนั้นจำเป็นต้องกินยาที่ผสมเหล้า
ถ้าจำเป็นอย่างนั้นก็ไม่ว่ากัน แต่ถ้าไม่ได้ป่วย หนาวอย่างไรก็ทนหนาวเอาเถอะ
อย่าไปดื่มเหล้าแก้หนาวเลย
เพราะถ้าดื่มเข้าไปก็เท่ากับเดินอยู่บนทางแห่งความพินาศฉิบหาย
เข้าไปแล้ว ต้องรู้ไว้นะว่า เมื่อดื่มเหล้า ล้วงเข้าลำคอไป สติของ
เราก็เริ่มจะขาด แล้วอย่าไปคิดว่า แหม...ถ้าเราดื่มเหล้าเข้าไปสักหน่อย
ดื่มเข้า ไปสักอึก อึกนี้แหละจะทำให้เรารู้สึกอุ่นขึ้น ระวังนะอึกแรกที่ทำให้
อุ่นขึ้นนี่แหละที่ทำให้สติของเราเริ่มขาด แล้วอึกที่สองจะตามมา
จนกระทั่งกลายเป็นสาม สี่ ฯลฯ คิดดูนะว่าอึกแรกนี่มันคุ้มไหม?
ประเด็นนี้ขอฝากไว้ ถ้าใครเห็นว่ากินเหล้าแก้หนาวไม่เสีย หาย
อะไร ไม่ผิด แล้วกินไปเรื่อยๆ วันหนึ่งเกิดเสียหายขึ้นมา วันนั้นแหละ
จะเสียใจ แก้ไข อะไรก็ไม่ได้แล้ว ถ้าตัดไฟเสียแต่ต้นลม ไม่ยอม
แตะต้อง คิดอยู่เสมอว่าศีลจะขาดความฉิบหายก็จะไม่มาเยือน เรา
ก็จะปลอดภัย
คนส่วนมากชอบคิดว่าดื่มเหล้าอึกเดียว หรือลองครั้งนี้ครั้ง
เดียวคงไม่เป็นไรหรอก ขอเตือนว่า คนที่เสียหายมาแล้ว เมื่อก่อน
เขาก็คิดอย่างนี้แหละ
คนเราเวลาดื่มเหล้าดื่มเบียร์ ไม่มีใครหรอกที่ดื่มทีละขวด มัน
ดื่มทีละอึกกันทั้งนั้น แค่ว่ามันหลายอึก ทีแรกก็ดื่มทีละอึกทีละจิบ แต่
พอหลายอึกเข้า สติก็เริ่มหย่อนไปตามลำดับ หนักเข้าๆ ที่เคยดื่มวันละ
๒-๓ อึก ก็กลายเป็นวันละขวด แล้วก็เพิ่มขึ้นเป็นลายๆ ขวดตามมา
ในที่สุดความพินาศฉิบหายมันก็มาเยือน
การดื่มเหล้า เสพของมึนเมาเป็นอบายมุข เป็นทางมาของ
ความพินาศฉิบหาย
เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ควรประมาท ควรเว้นเสียให้ขาดทุก
กรณี อย่าพยายามไปหาเหตุผลมาอธิบาย เพื่อให้ได้ดื่มได้เสพอยู่
เลย
...........อ่านแล้วคงหายสงสัยนะครับ
สาธุ ๆ ๆ
อุดรแก้ว