บารมีมากหรือน้อยวัดกันอย่างไร?
#1
โพสต์เมื่อ 01 February 2010 - 02:46 PM
#2
โพสต์เมื่อ 01 February 2010 - 04:35 PM
หุหุ
#3
โพสต์เมื่อ 01 February 2010 - 05:42 PM
จะบอกว่า ยากจนข้นแค้น รึก็ไม่ใช่ เพราะนายติณบาลที่เคยยากจนอย่างมาก จนต้องเอาผ้านุ่งไปขาย แล้วนำมาซื้อเข็มเป็นบริวารกฐิน จนต้องไปนุ่งใบไม้แทน แต่กลับมีปัญญาสอนตัวเองได้ไม่ธรรมดา ต่อมาก็ร่ำรวยมหาศาล
จะบอกว่า ขี้เหร่ รึก็ไม่ใช่ ดังเช่น พระลกุณกภัททิยเถระ ผู้มีร่างเตี้ยแคระเหมือนเด็กๆ แต่มีใบหน้าอาุยุมาก(แก่) ยังบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ได้
จะบอกว่า นิสัยดี หรือ ไม่ดี รึก็ไม่ใช่ เพราะพระพุทธเจ้าของเรา ชาติที่เคยเกิดเป็นหัตถิปาละ ก็เกเรเกตุงไปทั่ว จนพอเห็นนักบวช ถึงอยากจะออกบวช
#4
โพสต์เมื่อ 01 February 2010 - 06:59 PM
#5
โพสต์เมื่อ 01 February 2010 - 07:53 PM
คนมีบุญมากเข้าวัดเราได้
คนมีบุญน้อยมักมาไม่ถึงวัด หรือเชื่อสื่อหลุดโลกไปเลย
คิดก็แปลก
ไม่คิดก็ไม่แปลกนะ
ตอบตรงคำถามหรือเปล่าหว่า 5555
ถ้าไม่ตรงก็ถือซะว่าร่วมสนุกในคำถามด้วยละกันนะคะ
(นาน ๆ มาตอบทีไงล่ะ)
#6
โพสต์เมื่อ 01 February 2010 - 08:27 PM
#7
โพสต์เมื่อ 01 February 2010 - 08:43 PM
คงไม่ใช้มิเตอร์มาวัดกันหรอกนะครับ
1.ตอนเกิดน่ะเกิดเป็นอะไร
2.เมื่อเกิดเป็นมนุษย์ มีร่างกายสมบูรณ์มั๊ย
3.เกิดในดินแดนพุทธศาสนา หรือเปล่า
4.เกิดช่วงไหนของพระพุทธศาสนา ต้น,กลาง,ปลาย หรือเกิดมาเจอพระพุทธเจ้าเลย
อย่างพวกเรานี่ ก็ถือว่าเกิดช่วงกลาง คิดไปนี่ก็รุ่นสร้างวัดธรรมกายเลยนะครับ(รุ่นลุยโคลน) ไม่ธรรมดา
4.เกิดในตระกลูใด มั่งคั่ง ปานกลาง ยากจน
5.เกิดเป็นหญิงหรือชาย
6.หากเป็นชาย เป็นชายแท้ หรือเทียม
7.เป็นชายแท้ แล้วแล้วคิดอยากบวชมั๊ย
7.1อยากบวชแต่ไม่ได้บวช
7.2อยากบวชแล้วก็ได้บวช
8.บวชแล้วจะลาสิกขาหรือตลอดชีวิต
ทั้ง 8 ข้อข้างบนที่พอจะนึกออกตอนนี้ครับเป็นสิ่งที่เห็นด้วยตาเนื้อ
ส่วนถ้าจะให้ดูให้ละเอียดของคนๆนั้น คงต้องใช้วิชชาธรรมกายตรวจดูกันหล่ะครับ
......หยุดเป็นตัวสำเร็จ.....
#8
โพสต์เมื่อ 01 February 2010 - 09:25 PM
เป็นเอาชีวิตเป็นเดิมพันเลยทีเดียว
#9
โพสต์เมื่อ 01 February 2010 - 09:45 PM
แสดงว่า kissy มีบารมีน้อยซิ
ไม่ได้แล้ว ต้องเร่งทำซะแล้ว
#10
โพสต์เมื่อ 01 February 2010 - 11:20 PM
หลวงพ่อทัตตชีโว ท่านบอกว่า หลักการศีล คือ ความสะอาดกายวาจาใจ หลักการสมาธิ คือ ความสว่าง หลักการปัญญาคือ ความสงบ
เมื่อศีล สะอาด ความสว่างจะสว่างเหมื่อนดวงอาทิตย์เรียงเต็มท้องฟ้า ความสว่างที่สว่างได้มากขนาดนั้นจะเห็นกิเลสได้อย่างชัดเจน
เมื่อมีความสว่างมาก ใจสงบมาก ปัญญาจะเกิดขึ้น จะเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนมากขึ้น เรื่องอะไรก็จะรู้จะเห็นจะได้คำตอบทุกเรื่อง
เมื่อใจสว่าง องค์พระจะขยายใหญ่มากขึ้น
ถ้าองค์พระหน้าตักกว้างขนาด 5 วา เท่ากับ ระดับ พระโสดาบัน
ถ้าองค์พระหน้าตักกว้างขนาด 10 วา เท่ากับ ระดับ พระสกิทาคามี
ถ้าองค์พระหน้าตักกว้างขนาด 15 วา เท่ากับ ระดับ พระอนาคามี
ถ้าองค์พระหน้าตักกว้างขนาด 20 วา เท่ากับ ระดับ พระอรหันต์
สิ่งที่จะทำให้ระดับบารมีมากหรือน้อย จึงดู ที่ความสะอาดของศีล ดวงศีล ที่ใสสว่างมากแค่ไหน ใหญ่แค่ไหน
และ ระดับสมาธิ ที่ใจสว่าง สว่างมากขนาดดวงอาทิตย์ เรียงแบบไม่มีอนูว่าง เต็มท้องฟ้า สว่างขนาดไหนก็คิดดูน่ะค่ะ
เมื่อ สอง อย่าง อยู่ในระดับที่ ใสสะอาด ใสสว่าง มากเท่าไหร่ องค์พระขยายมากเท่าไหร่ บารมีก็มากเท่านั้น
คุณยายบอกว่า ถึงแม้เป็นพระอรหันต์ปราบกิเลส ได้หมดแล้ว แต่ มารยังอยู่ ยังไม่หมดไป ยายจะไปปราบมารต้นตอของมาร
คุณคิดว่า จะทำระดับคุณยายได้ บารมีต้องมากขนาดไหนค่ะ ขนาดที่เราต้องสุด สุดทุกอย่าง ที่สุดของศีล ที่สุดของสมาธิ
ที่สุดของปัญญา
ก่อนที่ทุกคนมาหาคำตอบ น่ะค่ะ เราเองก็ไม่ทราบเหมือนกันเขียนมาถูกต้องทั้งหมดไหม เพราะในหนังสือ คุณยายไม่ได้บอกวิธีวัดไว้
แต่เรานำคำอธิบายของหลวงพ่อทัตตชีโว มาตอบ
แต่หลักการพระพุทะศาสนา คือ ทาน ศีล สมาธิ
อยากให้ทุกท่าน มานั่งสมาธิกันดีกว่าค่ะ อย่าเพิ่งคิด ที่จะรู้ว่าจะมากหรือน้อย มาตั้งใจนั่งสมาธิ ให้ใจใสสว่าง กันดีกว่า
อนุโมทนาบุญ กับ ทุกท่านน่ะค่ะ
ถ้าท่านใดรู้คำตอบ ก็ กรุณาตอบมาด้วยค่ะ
#11
โพสต์เมื่อ 02 February 2010 - 12:49 AM
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคนที่ไม่มีบารมี ก็จะไม่มีโจทย์ชีวิตหรือเป้าหมายชีวิตของตัวเอง ก็จะทำงานไปวันๆ ชิวชิวเรื่อยๆ ถ้ามีคนมาถามว่า
(ยกตัวอย่าง)เป้าหมายชีวิตของคุณคืออะไร คนที่ไม่มีบารมีจะตอบว่า "ไม่รู้สิ เรื่อยๆ ชิวชิว ขอแค่ไม่ทำความเดือดร้อนให้ใครก็พอ"
แล้วเราจะให้เค้าเปลี่ยนจากการที่ไม่มีเป้าหมายชีวิตมาเป็นมีเป้าหมายชีวิตที่ดีก็ยากซะด้วยเพราะสิ่งเหล่านี้มันเป็นสันดานซึ่งต้องสั่งสม
มาจากนิสัย (สันดานเปลี่ยนยากกว่านิสัย)
สรุป บารมีคือสันดานดีหรือกำลังใจมหาศาลที่จะทำดีต่อตัวเองและ/หรือสังคม
#12
โพสต์เมื่อ 02 February 2010 - 08:37 AM
#13
โพสต์เมื่อ 02 February 2010 - 09:21 AM
บารมี 10 ทัศ ใครมากใครน้อยคงพิจารณาไปแต่ละเรื่อง เช่นสมัยพระเจ้า 10 ชาติ ท่านก็จะสร้างบารมีให้เต็มเปี่ยมในแต่ละด้าน จึงเป็นที่มาของพระเจ้า 10 ชาติดังที่ได้ฟังในโรงเรียนอนุบาลฝันในฝัน
บุคคลซึ่งมีดวงบารมีเด่นในแต่ละด้าน แต่ก็อาจจะด้อยในบางเรื่องทำให้มีวิบากกรรมมาส่งผลได้ เช่นพระเถระผู้ซึ่งไม่มีทานบารมีในอดีตแม้นบรรลุเป็นพระอรหันแล้ว ก็หาได้มีภัตตาหารฉันได้ไม่ เพราะทานที่ทำมาน้อยในอดีต
ทีนี้ดวงบุญ เข้าใจว่าเห็นได้อยู่แล้ว ในพระไตรปิฎกพระพุทธองค์ก็จะตรวจข่ายพระญาณทุกวัน ว่าใครมีดวงบุญที่สว่างไสว เหมาะแก่การไปโปรดเพื่อจะได้บรรลุธรรม
ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆ ท่านครับ
#14
โพสต์เมื่อ 02 February 2010 - 03:08 PM
#15
โพสต์เมื่อ 03 February 2010 - 01:16 AM
ถ้าคนนั้นเป็นคนที่มีบารมี คนนั้นจะเป็นคนมีบุญเสมอ
ถ้าคนนั้นเป็นคนที่มีบุญ คนนั้นอาจจะไม่มีบารมีก็ได้
บารมีได้ยากกว่าบุญ
#16
โพสต์เมื่อ 03 February 2010 - 06:53 PM
ผู้ที่มีบุญมากคือผู้ที่สามารถหักห้ามใจไม่ให้ทำความชั่วได้อย่างง่ายๆ สอนตนเองให้หลุดพ้นจากภาวะที่จิตถูกมารครอบงำให้ทำชั่วได้ สาธุ สาธุ
ส่วนคนที่มีบารมีมาก คือ คนที่สั่งสมบุญมากถึงระดับที่ ความบริสุทธิ์ของดวงบุญสามารถทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จได้ง่ายกว่าคนอื่นๆในทุกๆเรื่องค่ะ สาธุ
#17
โพสต์เมื่อ 04 February 2010 - 01:34 PM