ใครเคยทำบุญแบบปิดบัญชีบ้างคะ
#1
โพสต์เมื่อ 09 September 2010 - 02:07 PM
#2
โพสต์เมื่อ 09 September 2010 - 02:15 PM
#3
โพสต์เมื่อ 09 September 2010 - 05:01 PM
และค่าอาหาร(ว่าที่ไก่วันละ4ตัว)
ส่วนที่เหลือคือบุญครับ
ยกเว้นงานบุญสำคัญ จะเบี้ยวค่าโทรศัพท์บ้าง
งานยกยอดวิห
ารหลวงปู่แผ่นดินดอกบัว
มีทรัพย์อยู่ ถ้าเก็บไว้อีกสองปี อาจมีมูลค่าถึง10ล้าน++
แต่ยอมแลกเอาเงิน2000เพื่อให้ได้มาร่วมงานหลวงปู่
#4
โพสต์เมื่อ 09 September 2010 - 05:20 PM
ต่อมา ก็ทำยิ่งกว่าปิดบัญชีเรื่อยๆ มา โดยไม่ลืมที่จะแบ่งทรัพย์ส่วนหนึ่งไปให้บิดามารดาผู้พระคุณ จนกระทั่งบัดนี้ครับ แน่นอนว่า
หากถามความในใจที่แท้จริง ใครๆ (รวมทั้งผมด้วย) ก็ย่อมอยากให้บุญส่งผลให้
1) ร่ำรวยเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐีโดยไม่ต้องทำการทำงาน เอาเวลาไปสร้างบุญอย่างเดียว
2) มีชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบายไร้แรงกดดันต่างๆ นานาๆ ไร้อุปสรรคขวากหนามใดๆ ทั้งสิ้น
เพียงแต่ ผมไม่ได้คิดว่า บุญจะต้องช่วยให้ผมได้ดังข้างต้นภายในไม่กี่วันนี้ หากไม่ได้ ถือว่า บุญไม่ช่วยผม
ผมไม่ได้คิดเช่นนั้นครับ แต่ผมคิดว่า
1) ผมได้โอกาสในการสร้างบุญบารมีกับหมู่คณะอย่างต่อเนื่อง ไม่มีเหตุให้ต้องย้ายไปทำงานต่างถิ่น เป็นเวลานานๆ
2) ผมมีกินมีใช้ไม่อดอยาก ถึงคราวขัดสนอัปจนจริงๆ ก็จะมีเหตุให้ได้ทรัพย์มาต่อเวลาแห่งชีวิตต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง
3) แม้มีอุปสรรคข้อติดขัดมากมายในชีวิต แต่ผมก็ฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านั้นมาได้จนบัดนี้ แม้จะฝ่าไปได้อย่างทุลักทุเล แต่อุปสรรคเหล่านั้นก็ไม่อาจตัดรอนชีวิตของผมลงได้ ผมยังมีชีวิตอยู่สร้างบุญสร้างบารมีกับหมู่คณะ ทำให้มีบุญบารมีเพิ่มขึ้นทุกวัน
ผมคิดว่า การที่ผมได้โอกาสเช่นนี้ แม้นั่นจะยังไม่ถึงโอกาสสูงสุดที่ผมอยากได้ แต่ผมก็ยิ่มอย่างปีติใจที่บุญพยายามช่วยผมตลอดเวลาครับ
#5
โพสต์เมื่อ 09 September 2010 - 06:05 PM
#6
โพสต์เมื่อ 09 September 2010 - 07:19 PM
แม้บางครั้งจะทำตามใจ บางครั้งทำตามกำลัง และบางครั้งทำเต็มกำลัง และก็มีมากกว่าหนึ่งครั้ง ที่ทำเกินกำลัง เกินกำลังในขอบเขตที่รู้ว่าสามารถควบคุมได้น่ะค่ะ
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#7
โพสต์เมื่อ 09 September 2010 - 08:46 PM
#8
โพสต์เมื่อ 09 September 2010 - 11:17 PM
#9
โพสต์เมื่อ 10 September 2010 - 09:30 AM
#10
โพสต์เมื่อ 10 September 2010 - 11:07 AM
ถ้าตามรอยมหาปูชนียาจารย์ ยังไม่ได้หล่อองค์สุดท้ายนิครับ เพิ่งหล่อไปสามองตค์เอง องค์ล่าสุดคือองค์ที่จะประดิษฐานที่มหาธรรมกายเจดีย์ ท่านผู้รู้ขอข้อมูลด้วยนะครับ
1) ผมได้โอกาสในการสร้างบุญบารมีกับหมู่คณะอย่างต่อเนื่อง ไม่มีเหตุให้ต้องย้ายไปทำงานต่างถิ่น เป็นเวลานานๆ
2) ผมมีกินมีใช้ไม่อดอยาก ถึงคราวขัดสนอัปจนจริงๆ ก็จะมีเหตุให้ได้ทรัพย์มาต่อเวลาแห่งชีวิตต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง
3) แม้มีอุปสรรคข้อติดขัดมากมายในชีวิต แต่ผมก็ฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านั้นมาได้จนบัดนี้ แม้จะฝ่าไปได้อย่างทุลักทุเล แต่อุปสรรคเหล่านั้นก็ไม่อาจตัดรอนชีวิตของผมลงได้ ผมยังมีชีวิตอยู่สร้างบุญสร้างบารมีกับหมู่คณะ ทำให้มีบุญบารมีเพิ่มขึ้นทุกวัน
ขอเอาไปใช้บ้างครับ อยากตามติดติดตามหลวงพ่อไปตลอดชีวิต
#11
โพสต์เมื่อ 10 September 2010 - 11:31 AM
เพียงรำพึงกับพี่ว่าอยากสร้างพระให้พ่อ กับแม่มาก แต่ไม่มีเงิน หลังจากนั้นประมาณ 2 เดือนก็ได้ค่าคอมมิชชั่นค่าขายบ้านถึง 120,000.-
สามารถสร้างพระให้พ่อกับแม่ได้ แถมยังมีเงินเหลืออีกต่างหาก
#12
โพสต์เมื่อ 10 September 2010 - 09:39 PM
#13
โพสต์เมื่อ 11 September 2010 - 01:51 AM
ปลื้มครับ แม้เงินจะแค่หลักหมื่นที่ได้ทำ....
แต่ครบองค์ประกอบ ทานบริสุทธิ์ คนให้และ ผู้รับ บริสุทธิ์ ที่สำคัญ ทำกับหมู่คณะเรา หลวงปู่ หลวงพ่อ คุณยาย......
เราจึงใช้คำว่าเอาชีวิตเป็นเดิมพันไงครับ....
กราบอนุโมทนากับทุก ๆท่านด้วยนะครับ
#14
โพสต์เมื่อ 11 September 2010 - 01:52 AM
#15
โพสต์เมื่อ 11 September 2010 - 03:46 PM
ที่สำคัญ ปิดบัญชีไปแล้ว ห้ามเด็ดขาด คือ ห้ามนึกเสียดาย หรือวิตกกังวลว่าพรุ่งนี้จะกินอะไร (อันนี้เป็นเรื่องของฝ่าย "เขา" ที่จะทำให้บุญเราหกหล่น ทำให้บุญไม่ได้ช่องส่งผล) ให้นึกปลื้มปิติใจบ่อยๆ นะคะ แล้วสิ่งอัศจรรย์จะเกิดขึ้นจริงๆค่ะ CONFIRM !!!
อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ ชิตังเม !!!
เราให้กำลังใจใคร กำลังใจนั้นจะบังเกิดขึ้นในตัวของเรา
มันจะขยายเป็นพลังอนันต์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด และจะยิ่งสูงส่งขึ้นไปอีก
#16
โพสต์เมื่อ 11 September 2010 - 07:41 PM
#17
โพสต์เมื่อ 06 September 2011 - 02:50 AM
พระวัดพระธรรมกายสอนอย่างนี้ รับไม่ได้จริงๆ
คือเมื่อวันที่ 3-6 เดือนนี้ ญาติผู้ใหญ่ที่มาฐานะร่ำรวยมากอายุ 80 ปีแล้วผู้เป็นศิษย์วัดพระธรรมกายมา 30 ปีแล้ว ได้ขอร้องให้ดิฉันไปเป็นเพื่อนปฏิบัติธรรมร่วมกับคนวัดอีก 24 คนที่รีสอร์ทหรูแห่งหนึ่งที่เขาใหญ่โดยเขาออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ดิฉันขับรถไปกัน 2 คนป้าหลาน บรรยากาศที่นั่นแสนสบายอากาศดี ห้องพักหรู บุฟเฟต์อย่างดี 2 เวลา เช้า-กลางวัน คนวัดก็อัธยาศัยดี
มีการทำสมาธิทำใจใสๆให้เห็นดวงแก้วกลางท้องให้ได้และมีพระ 3-4 รูปผลัดกันเทศน์โน้มน้าวจิตใจคนวัดให้เลื่อมใสในวิชาธรรมกายเกิดความฮึกเหิมในการทำทานบารมีชนิดทุ่มสุดฤทธิปิดบัญชีธนาคารวันละ 3 เวลา อะไรๆดิฉันก็พอทนได้เพราะคิดว่าการมาครั้งนี้มาฟรี และได้สงเคราะห์ญาติผู้ใหญ่ให้ได้มีโอกาสมาปฏิบัติธรรมตามที่ใจเขาปรารถนา แต่ที่ดิฉันทนไม่ได้อย่างมากก็คือคำสอนของพระแต่ละรูป ดิฉันไม่รู้ว่าทานสอนไปได้อย่างไร
อย่างเช่นว่า ท่านสอนว่า ระหว่างความสุข ความทุกข์ ความไม่สุขไม่ทุกข์ พวกเราควรจะเลือกอะไร ในเมื่อพระพุทธเจ้าตรัสว่า นิพพานัง ปรมัง สุขขัง นิพพานเป็นบรมสุข แสดงว่าความสุขเป็นของดี ดังนั้นพวกเราควรเลือกเอาความสุข พระยังสอนอีกว่า ระหว่างรวย จน ไม่รวยไม่จน เราก็ต้องเลือกรวยเอาไว้ก่อน เพราะรวยทำให้เราสามารถทำทานบารมีไปจนถึงที่สุดแห่งธรรมได้
คำสอนของพระแต่ละรูปไม่ได้สอนให้คนซาบซึ้งถึงความจริงของชีวิตคืออริยสัจ 4 หรือสอนให้เห็นไตรลักษณ์ ว่าทุกสิ่งมันไม่เที่ยง มันแปรเปลี่ยนได้ตลอดเวลา เป็นอนิจังจัง ทุกขัง อนัตตา แต่ท่านกลับสอนให้ใจไปยึดติดแต่ความสุขจอมปลอม สอนให้ยึดความรวยเป็นเป้าหมาย คำสอนเน้นๆแต่เรื่องให้ทำทานยิ่งมากยิ่งบุญเยอะ ให้จิตเกิดปิติแล้วอธิษฐานจิตให้รวย ทุกคนมีเป้าหมายในชีวิตคือต้องรวยมากๆจะได้สามารถทำทานบารมีให้เต็มที่ ตายไปต้องได้ไปอยู่ดุสิตบุรีแน่นอน ถ้าไปเกิดอีกก็จะได้เป็นคนรวย
แต่ที่รับไม่ได้จริงๆก็คือ พระถามว่าใครคือผู้ยิ่งใหญ่ใน 3 ภพ ลูกศิษย์ทุกคนตอบพร้อมเพรียงกันว่า หลวงพ่อพระธัมมชโยเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในสามภพ ดิฉันฟังแล้วสลดใจและรับไม่ได้จริงๆ
ดิฉันมีเรื่องต้องเล่าเยอะมากๆ แต่ตอนนี้เวลาจำกัด ต้องออกไปข้างนอกแล้วกลับมาค่อยเล่าต่อ เพื่อนๆคิดอย่างไรกันบ้างคะ
จากคุณ : จิตพุทธ
เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 09:08:07