ยัสสานุภาวะโต ยักขา , เนวะ ทัสเสนติ ภิงสะนัง /ยักษ์ทั้งหลายย่อมไม่แสดงอาการอันพิลึก เพราะอานุภาพแห่งพระปริตรใด/
ยัมหิ เจวานุยุญชันโต รัตตินทิวะมะตันทิโต /อนึ่ง บุคคลผู้ไม่เกียจคร้านแล้วทั้งกลางวันและกลางคืน ฝักใฝ่ในพระปริตรอันใด /
สุขัง สุปะติ สุตโต จะ, ปาปัง กิญจิ นะ ปัสสะติ /จะหลับ และหลับแล้วก้เป็นสุข ย่อมไม่เห็นสุบินอันลามกไรๆ /
เอวะมาทิคุณูเปตัง ปะริตตันตัมภะณามะ เห /เราทั้งหลาย จงสวดปริตรอันนั้นเพื่อประกอบด้วยคุณมีอย่างนี้เป็นต้นเทอญ
กรณียเมตตสูตร
กะระณียะมัตถะ กุสะเลนะ,ยันตัง สันตัง ปะทัง อะภิสะเมจจะ / กิจอันใด อันพระอริยเจ้าบบรลุบทอันระงับกระทำแล้ว กิจนั้นอันกุลบุตรผู้ฉลาดในประโยชน์พึงกระทำ /
สักโก อุชู จะ สุหุชู จะ / กุลบุตรนั้น พึงเป็นผู้อาจหาญและซื่อตรงดี /
สุวะโจ จัสสะ มุทุ อะนะติมานี / เป็นผู้ว่าง่ายอ่อนโยนไม่มี อติมานะ
/ สันตุสสะโก จะ สุภะโร จะ / เป็นผู้สันโดษเลี้ยงง่าย /
อัปปะกิจโจ จะ สัลละหุกะวุตติ / เป็นผู้มีกิจธุระน้อย ประพฤติเบากายจิต /
สันตินทะริโย จะ นิปะโก จะ / มีอินทรีย์อันระงับแล้ว มีปัญญา /
อัปปะคัพโภ กุเลสุ อะนะนุคิทโธ / เป็นผู้ไม่คะนองพัวพันในสกุลทั้งหลาย /
นะ จะ ขุททัง สะมาจะเรกิญจิ, เยนะ วิญญู ปะเร อุปะวะเทยยุง / วิญญูชนติเตียนชนทั้งหลายอื่นได้ด้วยกรรมอันใด ไม่พึงประพฤติกรรมอันนั้นเลย (พึงแผ่ไมตรีจิตไปในหมู่สัตว์ว่า)
สุขิโน วา เขมิโน โหนตุ , สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตา / ขอสัตว์ทั้งปวงจงเป็นผู้มีสุข มีความเกษม มีตนถึงความสุขเถิด /
เย เกจิ ปาณะภูตัตถิ / สัตว์ทั้งหลายเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีอยู่ /
ตะสา วา ถาวะรา วา อะนะวะเสสา / ยังเป็นผู้สะดุ้ง (คือมีตัณหา) หรือเป็นผู้มั่นคง (ไม่มีตัณหา)ทั้งหมดไม่มีเหลือ /
ทีฆา วา เย มหันตา วา , มัชญิมา รัสสะกา อะณุกะถูลา / เหล่าใดยาวหรือใหญ่ หรือปานกลาง หรือสั้น หรือผอมพี /
ทิฏฐา วา เย จะ อทิฏฐา / เหล่าใดที่เราเห็นแล้ว หรือมิได้เห็น /
เย จะ ทูเร วะสันติ อะวิทูเร / เหล่าใดอยู่ในที่ไกล หรือที่ไม่ไกล /
ภูตา วา สัมภะเวสี วา / ที่เกิดแล้ว หรือกำลังแสวงหาภพก็ดี (สังเกตคำว่า ภูต และสัมภเวสี จากวลีนี้ดีๆ) /
สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา / ขอสัตว์ทั้งปวงนั้น จงเป็นผู้มีตนถึงความสุขเถิด /
นะ ปะโร ปะรัง นิกุพเพถะ / สัตว์อื่นอย่าพึงข่มเหงสัตว์อื่น /
นาติมัญเญถะ กัตถะจิ นัง กิญจิ / อย่างพึงดูหมิ่นอะไรๆ เขา ในที่ไรๆเลย /
พยาโรสะนา ปะฏีฆะสัญญา, นาญญะมัญญัสสะ ทุกขะมิจเฉยยะ / ไม่ควรปรารถนาทุกข์แก่กันและกันเพราะความกริ้วโกรธและความคุมแค้น
/ มาตา ยะถา นิยัง ปุตตัง, อายุสา เอกะปุตตะมะนุรักเข / มารดาถนอมลูกคนเดียว ผู้เกิดในตนด้วยยอมพร่าชีวิตได้ฉันใด /
เอวัมปิ สัพพะภูเตสุ, มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง / พึงเจริญเมตามีในใจ ไม่มีประมาณ ในสัตว์ทั้งปวง ได้ฉันนั้น /
เมตัญญจะ สัพพะโลกัสมิง, มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง / บุคคลพึงเจริญเมตตา มีในใจ ไม่มีประมาณไปในโลกทั้งสิ้น /
อุทธัง อะโธ จะ ติริยัญจะ / ทั้งเบื้องบน เบื้องต่ำ เบื้องเฉียง /
อะสัมพาธัง อะเวรัง อะสะปัตตัง / เป็นธรรมอันไม่คับแคบ ไม่มีเวร ไม่มีศัตรู /
ติฏฐัญจะรัง นิสินโน วา / ผู้เจริญเมตตาจิตนั้นยืนอยู่ก็ดี เดินไปก็ดี นั่งแล้วก็ดี /
สะยาโน วา ยาวะตัสสะ วิคตะมิทโธ / นอนแล้วก็ดี เป็นผู้ปราศจากความง่วงนอนเพียงใด /
เอตัง สะติง อธิฏเฐยยะ / ก็ตั้งสติไว้เพียงนั้น /
พรัหมะเมตัง วิหารัง อิธะมาหุ / บัณฑิตทั้งหลายกล่าวกริยาอันนี้ว่าเป็นพรหมวิหาร ในพระศาสนานี้ /
ทิฏฐิญจะ อะนุปะคัมมะ สีละวา / บุคคลผู้ที่เมตา ไม่เข้าถึงทิฏฐิ เป็นผู้มีศีล /
ทัสสะเนนะ สัมปันโน / ถึงพร้อมด้วยทัศนะ (คือโสตาปัตติมรรค) /
กาเมสุ วิเนยยะ เคธัง/นำความหมกมุ่นในกามทั้งหลายออก /
นะ หิ ชาตุ คัพภะเสยยัง ปุนะเรตีติ / ย่อมไม่ถึงความนอน(เกิด)ในครรภ์อีกโดยแท้ทีเดียวแล ฯ
ชีวิตทั้งหลาย แสวงหาพลัง อำนาจ อันยิ่งใหญ่ เพื่ออำนวย
ประโยชน์สุขอันไม่จีรัง ซึ่งหนทางได้มานั้น มักจะต้องก่อเวร
อันเป็นลูกโช่ไม่จบสิ้น
เหล่าพระอริยเจ้า และผู้มีปัญญา
เข้าถึงแหล่งพลังอันไพศาล พ้นทางแห่งเวรภัยได้ที่สุด
ด้วย เนื้อแท้แห่ง" กรณียเมตตสูตร "
บทที่หนึ่งแห่งคัมภีร์ไร้อักษร
เมื่อพลังเมตตา รวมตัวถึงจุด
จักรสำคัญ จะเปิดออกอัตโนมัติเอง
การดูดซับพลังจากภายนอก จะปลอดภัยยิ่งขึ้น
พลังด้านลบที่พยายามโจมตี และแทรกแซง จะถูกสะเทินหรือตีกลับ
จักระที่เป็นศูนย์รวมพลัง ที่ถูกเปิดออกด้วยอำนาจแห่งเมตตาอันสูงส่ง
จะไม่ย้อนมาทำลายตัวเอง
( ตอนนี้ผมอาจจะหายไปบ้างนะครับ แต่เดียวอีกไม่นาน ผมจะมาบ่อยๆนะครับ ครั้งหน้า ผมจะ เอาสิ่งดีๆ ดีที่สุด มาฝากนะครับ ต้องขอเวลาสักพัก เพราะ ว่าต้องใช้ ความคิดและความรอบคอบ ในการนำเสนอในครั้งนี้มาก ผมจะพยายามทำออกมาให้ดีที่สุดนะครับ ถ้าผมไม่โดนเล่นงาน หรือ โดนเก็บไปสะก่อน ก็คงจะได้เอามาให้อ่านกัน นะครับ ตอนนี้ ทำไปได้ 50% ละครับ เพราะถ้าสิ่งนี้นำออกมาเสนอ และเป็นที่ยอมรับ ผมคิดว่าจะสามารถ สร้างสิ่งดีๆให้เกิดขึ้นกับตัวเราและคนรุ่นต่อๆไป ตราบนานเท่านาน แต่สิ่งนี้ผมทำคนเดียวอาจจะออกมาไม่ดีที่สุด อาจจะมีข้อผิดพลาดอยู่บ้าง คงอาจจะต้องให้เพื่อนๆ พี่ๆ ช้วยดู ช้วยบอกด้วยนะครับ เพื่อให้มันออกมาดีที่สุดจริงๆ ) ๙ ตาล ๙
ปฐมบทแห่งพลัง
เริ่มโดย ตาล, Jun 05 2006 11:59 PM
มี 5 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 05 June 2006 - 11:59 PM
#2
โพสต์เมื่อ 06 June 2006 - 10:26 AM
QUOTE
ถ้าผมไม่โดนเล่นงาน หรือ โดนเก็บไปสะก่อน ก็คงจะได้เอามาให้อ่านกัน นะครับ ตอนนี้ ทำไปได้ 50% ละครับ เพราะถ้าสิ่งนี้นำออกมาเสนอ และเป็นที่ยอมรับ ผมคิดว่าจะสามารถ สร้างสิ่งดีๆให้เกิดขึ้นกับตัวเราและคนรุ่นต่อๆไป ตราบนานเท่านาน แต่สิ่งนี้ผมทำคนเดียวอาจจะออกมาไม่ดีที่สุด อาจจะมีข้อผิดพลาดอยู่บ้าง คงอาจจะต้องให้เพื่อนๆ พี่ๆ ช้วยดู ช้วยบอกด้วยนะครับ เพื่อให้มันออกมาดีที่สุดจริงๆ ) ๙ ตาล ๙
....................
สาธุ อนุโมทนาบุญกับความตั้งใจอันดีงามครับ...
ถ้าโดนเล่นงาน หรือโดนเก็บ ก็แสดงว่าเป็นวิบากกรรมเก่า ก็อย่าไปพยาบาท เวรและกรรมจะได้ยุติลงในชาตินี้ครับ ทุกอย่างจะยุติ+ธรรม ถ้าเข้าถึงธรรมทุกอย่างจะยุติธรรมครับ..ภพหน้าชาติหน้า ได้อธิฐานจิตติดตามหลวงปู่หลวงพ่อ คุณยายมาสร้างบารมีด้วยกัน รับรองไม่มีพลัดพรากกันแน่นอน ครับ....
.......................
ผมมีข้อคิดประจำตัวอยู่ประการหนึ่งครับ...
ปกติเวลาเราทำการใหญ่ ทำงานใหญ่ ก็เปรียบเสมือนภูเขาสูงใหญ่ เราต้องยอมให้นก กา พวกสัตว์ที่อาศัยในเขาลูกนั้นมันถ่ายมูลใส่บ้าง อย่าไปโกรธ อย่าไปรำคาญ นก กา พวกนั้น แล้วเปลี่ยนมูลพวกนั้นเป็นปุ๋ยบำรุงพืชพรรณในเขาลูกนั้น ใหปกป้องหน้าดิน ป้องกันพายุ จิปาถะของภัยธรรมชาติ และเป็นที่ร่มรื่นให้กับผู้มาอาศัย ก็จะเป็นประโยชน์ครับ...
....................................
ธรรมชาติของคนก็เหมือนกันครับ ...
ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
อาจเป็นเรื่องที่แตกต่างหรือเกี่ยวข้องกับ วิทยาศาสตร์ หรือ วิศวกรรมศาสตร์
ดังนั้นเรื่องที่ข้าพเจ้าเขียนถ้าไม่ตรงกับความคิดเห็นของท่านใด ขออย่าได้มีอคติก่อน
แต่ถ้าตรงกับความคิดเห็นของท่านผู้ใด ขออย่าได้เชื่อไปก่อน
ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าเรื่องที่แสดงความเห็นเป็นแนวคิดของข้าพเจ้า
และข้อมูลที่ค้นคว้าเพื่อเสริมสร้างศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้มั่นคง
ซึ่งอาจจะถูกบ้างผิดบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็จะเป็นประโยชน์ เป็นข้อมูลหนึ่ง กับท่านที่ศึกษาทางพุทธศาสตร์
ข้าพเจ้ามีความเชื่อว่า แต่ละคนก็มีกรรมเป็นของตนเอง เราเป็นทายาทแห่งกรรม
ทำดีตามครูไม่ใหญ่ ต้องได้ดีแน่นอน
และสรุปได้ว่า การเอาธรรมในพุทธศาสนามาใช้ในการดำรงชีวิตไม่เคยล้าสมัย สามารถใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม
#3
โพสต์เมื่อ 06 June 2006 - 03:40 PM
ขออนุโมทนาบุญกับคุณตาลค่ะ
หยุด เป็น ตัวสำเร็จ
หยุด เป็น ตัวสำเร็จ
ขออนุโมทนาบุญนะคะ สาธุ
#4
โพสต์เมื่อ 06 June 2006 - 09:00 PM
QUOTE
ผมมีข้อคิดประจำตัวอยู่ประการหนึ่งครับ...
ปกติเวลาเราทำการใหญ่ ทำงานใหญ่ ก็เปรียบเสมือนภูเขาสูงใหญ่ เราต้องยอมให้นก กา พวกสัตว์ที่อาศัยในเขาลูกนั้นมันถ่ายมูลใส่บ้าง อย่าไปโกรธ อย่าไปรำคาญ นก กา พวกนั้น แล้วเปลี่ยนมูลพวกนั้นเป็นปุ๋ยบำรุงพืชพรรณในเขาลูกนั้น ใหปกป้องหน้าดิน ป้องกันพายุ จิปาถะของภัยธรรมชาติ และเป็นที่ร่มรื่นให้กับผู้มาอาศัย ก็จะเป็นประโยชน์ครับ...
ปกติเวลาเราทำการใหญ่ ทำงานใหญ่ ก็เปรียบเสมือนภูเขาสูงใหญ่ เราต้องยอมให้นก กา พวกสัตว์ที่อาศัยในเขาลูกนั้นมันถ่ายมูลใส่บ้าง อย่าไปโกรธ อย่าไปรำคาญ นก กา พวกนั้น แล้วเปลี่ยนมูลพวกนั้นเป็นปุ๋ยบำรุงพืชพรรณในเขาลูกนั้น ใหปกป้องหน้าดิน ป้องกันพายุ จิปาถะของภัยธรรมชาติ และเป็นที่ร่มรื่นให้กับผู้มาอาศัย ก็จะเป็นประโยชน์ครับ...
ชอบประโยคนี้จังค่ะ ขออนุญาติเอาไปจดไว้ในไดอารี่นะคะ
จะมารออ่านอีกนะคะ คุณ ตาล อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
คนดีชอบแก้ไข คนจัญไรชอบแก้ตัว คนชั่วชอบทำลาย คนมักง่ายชอบทิ้ง คนจริงชอบทำ คนระยำชอบติ !!!!
#5
โพสต์เมื่อ 21 September 2006 - 10:35 PM
อนุโมทนาด้วย
กายธรรมควรเทิดไว้ ในใจ
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
#6
โพสต์เมื่อ 20 March 2007 - 11:21 AM
สาธุ