ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ฝันเห็นตัวเองอยู่นอกกายบ่อยๆ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 2 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

แบบสำรวจ: เหมือนคนสองคนมองดูกัน (0 สมาชิก ได้เข้าร่วมลงคะแนน)

ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นจะแก้ไขอย่างไรดีครับ

ลงคะแนน ผู้มาเยือนไม่มีสิทธิ์ลงคะแนน

#1 คนไร้ค่า

คนไร้ค่า
  • Members
  • 21 โพสต์

โพสต์เมื่อ 01 April 2010 - 05:03 PM

กระผมมีเรื่องสงสัยมากเกิดขึ้นหลายครั้ง คือเมื่อหลับก่อนหลับก็จะภาวนาจนหลับไป ไม่รู้ว่าหลับไปนานแค่ไหน แล้วก็ฝันเห็นตัวเองไม่รู้ไปไหนมากำลังเดินขึ้นบรรไดกลับเข้ามายังห้องพัก แล้วแลเห็นศาลพระภูมิเจ้าที่ หลังจากนั้น ก็มารู้สึกตัวว่าเราไม่ได้ไปไหนเลยก็นอนอยู่นี่
ส่วนครั้งนี้ ก่อนนอนก็สวดมนต์ และนั่งภาวนา แล้วก็เข้านอนก่อนหลับก็ภาวนาไปจนหลับ ไม่รู้ว่าหลับไปนานแค่ไหน มารู้สึกตัวว่าหนาวแล้วสังเกตว่าวันนี้บริเวณหน้าต่างด้านนอกห้องมีลมพัดแรงมากเหมือนมีลมพายุ ตัวเองก็มาหลบอยู่ที่ประตู ใกล้กับโต๊ะอ่านหนังสือ แล้วมารู้สึกตัวเองว่าเราไม่ได้ลุกไปไหนนี่ก็นอนอยู่ที่เดิม


#2 พลูด่างกระถางเขียว

พลูด่างกระถางเขียว
  • Members
  • 9 โพสต์

โพสต์เมื่อ 01 April 2010 - 07:36 PM

พลูด่างเอง ก็เคยเป็นค่ะ นอนแบบฝัน ๆ ชอบมองเห็นว่าตัวเอง นอนอยู่บนที่นอน พลูด่าง มองเห้นมาจากมุมห้องด้านบนน่ะค่ะ ก็เคยสงสัยเหมือน

คุณ คนไร้ค่า แต่ก็ไม่กล้า ถามใคร ค่ะ พลูด่าง มารออ่านคำตอบด้วยคนนะคะ


#3 ณ ๐๗๒

ณ ๐๗๒
  • Members
  • 1340 โพสต์
  • Location:Ladkrabang

โพสต์เมื่อ 02 April 2010 - 11:47 PM

เห็นไม่มีคนมาตอบ
ก็ขอตอบว่า ไม่ทราบค่ะ ผู้ที่นั่งสมาธิแล้วยังไม่เห็นกายในกาย และเห็นพระธรรมกายในตัว คงไม่มีใครกล้าฟันธงว่าคืออะไร คงได้แต่เพียงคาดเดาเท่านั้น และอาจไม่กล้าเดา..เพราะกลัวว่าอาจเดาผิดแล้วจะเป็นวิบากรรมติดตัว

บางครั้งเราอาจเพียงแค่ฝันไปเท่านั้น แล้วความฝันนั้นสมจริงเสียจนเราไขว้เขว
เหมือนตอนที่เราเด็ก ฝันว่าปวดฉี่ พอฉี่ใส่ที่นอนหลายครั้งเข้า เพราะกลัวกว่ากำลังฝันอยู่ ถึงขนาดตรวจสอบดูว่านี่เป็นห้องน้ำจริงหรือไม่ หันซ้ายขวาดูให้แน่ใจ แต่จนสุดท้าย..ห้องน้ำที่เห็นนั่นก็เป็นความฝันอยู่ดี แต่กลับมีความจริงที่ว่าเราฉี่ใส่ที่นอนอีกแล้ว

เรื่องที่ค้นหาคำตอบแล้ว ไม่ได้ทำให้นั่งสมาธิได้ดีขึ้น ทำใจให้ปล่อยวางได้ง่ายขึ้น ก็อย่าได้ใส่ใจมาก และเอามาเป็นอารมณ์เลยค่ะ บางครั้งที่อยากรู้ ก็เป็นเพียงแค่การตอบสนองตัณหา(คือความอยากรู้) แค่นั้นเอง

ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)

ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี  ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ  ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป