ด้วยเหตุใดหนอ..
#1
โพสต์เมื่อ 16 May 2010 - 05:41 PM
กรณี นักแสดงหญิง แต่งงานกับเจ้าของบริษัทผลิตสุรา, เบียร์ ขนาดใหญ่ และมีชื่อเสียงมากมายในประเทศไทยที่เป็นข่าวครึกโครมนี้
มันก็เกิดคำถามในใจว่า...การที่สาวเจ้าทำเช่นนั้น ถือว่าเป็นบาปหรือไม่
ทั้งๆ ที่ สาวเจ้าก็งามพร้อม เหมือนผู้มีบุญในกาลก่อน ทั้งสวยรูป พร้อมสรรพทั้งทรัพย์ สมบัติก็เยอะ งานที่ทำก็ทำรายได้ให้มิใช่น้อย
และเป็นที่นิยมชมชอบของคนทั่วไป
เหตุใด จึงแต่งงานกับผู้ที่ทำธุรกิจที่มัวเมาคนแบบนี้ แต่ก็นั่นแหละ แม้ทำธุรกิจนี้มาชั่วลูกชั่วหลาน แต่ทำไม รวยเอาๆ บาปไม่ส่งผลแต่อย่างใดหรือ หรือว่า จะส่งผลตอนตาย(แล้วรู้กัน)...
ที่ถาม เพราะว่าอยากให้ทุกท่านช่วยอธิบายและวิเคราะห์ถึงเคสนี้ ไว้เป็น case study ให้กับผู้คนทั่วไปที่ยังไม่รู้ว่า อย่าเห็นอบายเป็นสวรรค์ และอย่าทึกทักเอาว่าสวรรค์นั้นอยู่บนดิน...
เขาว่ามันคืออบาย...เจ้าว่า ไม่ใช่ มันคือสวรรค์
เขาว่า มันอันตราย...เจ้ากลับว่า ไม่ใช่ มันปลอดภัยดี
เขาว่า อย่าไปยุ่ง ให้ตัวเองมัวหมอง อย่าไปลองดีกับมารเขา...เจ้ากลับไม่ตรองให้ดี กลับวิ่งเข้าไปหา
เขาว่า ตายไปจะเดือดร้อน...เจ้ากลับยอกย้อน เรื่องอะไรจะแคร์
เขาว่าให้ทำบุญ ทำทาน รักษาศีล เกิดอีกทีจะได้มีพร้อม..เจ้าว่า ชาตินี้ชาติเดียว เที่ยวหน้าจะไม่เกิดแล้ว
เขาว่าเวรกรรมมันมีจริง...เจ้านั่งนิ่ง บอกไม่จริงหรอก ไม่เคยเห็น
เขาว่า เอาเถอะ เมื่อวันนั้นมาถึง เจ้าจะอึ้ง หากไม่คิดว่ามันมีกรรม...เจ้าไม่ฟัง เลยคิดจะเอาแต่สตางค์อย่างเดียว
#2
โพสต์เมื่อ 16 May 2010 - 07:12 PM
#3
โพสต์เมื่อ 16 May 2010 - 07:53 PM
#4
โพสต์เมื่อ 16 May 2010 - 07:59 PM
ฉนั้น จึงไม่แปลกใจหรอกครับ ที่เห็นใครบางคนจะมองเห็นกงจักรเป็นดอกบัว
เคยฟังพระอาจารย์สมชายท่านเล่าว่า " ตราบใดที่บาปยังไม่ส่งผล คนพาลย่อมเห็นสำคัญว่าบาปหวานปานน้ำผึ้ง "
นรกขุมหนึ่ง ที่สัตว์นรก แหวกว่ายอยู่ในทะเลน้ำกรดเป็นเวลานานหลายล้านปี เมื่อดำผุดลงไปแล้วก็โผล่พ้นน้ำขึ้นมาแต่ละที ใช้เวลานานเป็นพันๆปี โผล่มาก็พูดได้คำหนึ่ง อีกร้อยปีพันปี ก็โผล่มาพูดได้อีกคำหนึ่ง เอาคำมารวมเป็นประโยคได้ว่า " ไม่เอาอีกแล้ว ถ้ากลับไปเกิดเป็นมนุษย์ได้เมื่อไหร่ จะไม่ขอทำบาปแม้สักนิดเดียวเลย "
#5
โพสต์เมื่อ 16 May 2010 - 08:06 PM
ให้บอกนุ่นไปชวนต็อดมาบวชแสนรูป ดีไหม
#6
โพสต์เมื่อ 16 May 2010 - 08:18 PM
#7
โพสต์เมื่อ 16 May 2010 - 08:27 PM
#9
โพสต์เมื่อ 16 May 2010 - 09:11 PM
ซึ่งไม่ว่าจะประกอบอาชีพอะไร ก็รวยได้
เนื่องจากผลของทานที่ได้ทำมาดีแล้วนั้น
แต่น่าเสียดาย ที่ไปเลือกประกอบอาชีพ
ที่จัดอยู่ในมิจฉาอาชีวะ สร้างบาปกรรม
ที่เห็นว่ายังร่ำรวย อยู่อย่างสุขสบาย
เพราะผลจากทานที่ทำมาดีแล้วนั้น ยังไม่หมดไป
เมื่อใดที่ผลจากทานหมดลง
บาปกรรมที่เกิดจากการประกอบมิจฉาอาชีวะให้ผล
เมื่อนั้น ย่อมประสบความทุกข์แน่นอน
#10
โพสต์เมื่อ 16 May 2010 - 09:35 PM
ในอดีตก็มีพระโสดาบันแตงงานกับนายพราน แต่ไม่บาปเลยครับ เพราะใจของท่านนั้นบริสุทธิ์ คิดแต่จะทำหน้าที่ของภรรยาให้ดีที่สุด นอกจากนั้นไม่เคยคิดคำนึง เมื่อคิดเช่นนี้ย่อมไม่บาปครับ
แต่ยากอย่างยิ่งที่ ปุถุชน (คนที่ยังมีกิเลสมากอยู่) จะคิดได้เช่นพระโสดาบัน ดังนั้น ส่วนใหญ่ก็จะมีส่วนร่วมอนุโมทนาบาปน่ะครับ
#11
โพสต์เมื่อ 16 May 2010 - 11:26 PM
#12
โพสต์เมื่อ 17 May 2010 - 12:28 AM
ในอดีตก็มีพระโสดาบันแตงงานกับนายพราน แต่ไม่บาปเลยครับ เพราะใจของท่านนั้นบริสุทธิ์ คิดแต่จะทำหน้าที่ของภรรยาให้ดีที่สุด นอกจากนั้นไม่เคยคิดคำนึง เมื่อคิดเช่นนี้ย่อมไม่บาปครับ
แต่ยากอย่างยิ่งที่ ปุถุชน (คนที่ยังมีกิเลสมากอยู่) จะคิดได้เช่นพระโสดาบัน ดังนั้น ส่วนใหญ่ก็จะมีส่วนร่วมอนุโมทนาบาปน่ะครับ
เอ๋...ถ้าอย่างนั้น หากเรานำเงินที่ได้มาจากการค้าที่พระพุทธองค์ทรงห้ามไว้ เราก็ติดบาปด้วยหรือไม่ แม้ว่าจะเอามาทำบุญ และสงเคราะห์โลกก็ตาม
มันจะเป็นไปได้หรือไม่ ว่า...สามี เป็นผู้ทุศีล และไม่มีคุณธรรม แต่ภรรยานั้นกลับตรงกันข้าม ได้สามีรวยมาก แต่ความร่ำรวยมาจากความเดือดร้อนของมนุษยชาติ เรียกว่า "บุญ" ได้ไหมคะ
#13
โพสต์เมื่อ 17 May 2010 - 12:46 AM
หากเราต้องการทำบุญมาก เลยไปขโมยเงินมา แล้วนำไปทำบุญ ก็แยกวิเคราะห์ได้ ๒ กรณีคือ
๑. ขโมยเงินมา --> ได้บาป
๒. ทำบุญ --> ได้บุญ
สรุปคือ ทำบุญปนบาป ไม่ถูกหลักวิชา
การได้สามีรวย แต่สามีไม่ได้มีสัมมาอาชีวะ
ก็เป็นบุญของภรรยา ที่ได้สามีรวย แต่อาจได้บาปไปกับอาชีพของสามี ถ้าเห็นชอบและสนับสนุนกับอาชีพที่สามีทำ
ที่เป็นเช่นนี้ อาจะเกิดจากการทำบุญแล้วอธิษฐานจิตไม่ครอบคลุม คือทำบุญแล้วอธิษฐานจิตให้รวยอย่างเดียว แต่ไม่ได้อธิษฐานล้อมคอกว่าให้มีอาชีพสุจริต หรือมีสัมมาอาชีวะ ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญมากที่ต้องศึกษา ซึ่งก็สามารถศึกษาได้จากเรื่องราวใน case study
คำอธิษฐานง่ายๆ ที่ช่วยล้อมคอกไว้ ให้คำอธิษฐานจิตครอบคลุม คือ "ให้ถึงพร้อมด้วยมงคลทั้ง 38 ประการ" ค่ะ รับรองว่าชีวิตในภายภาคหน้าปลอดภัยมากขึ้นด้วยคำอธิษฐานจิตนี้ค่ะ
ถ้ายังคิดอะไรไม่ออก ก็ให้อธิษฐานแบบนี้ไปก่อนค่ะ
จะอธิษฐานจิตอย่างไร ก็ให้สังเกตุว่าในชาตินี้เราบกพร่องในเรื่องอะไรบ้าง เราอยากแก้ไขในเรื่องอะไรบ้าง
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#14
โพสต์เมื่อ 17 May 2010 - 10:06 AM
#15
โพสต์เมื่อ 17 May 2010 - 11:21 AM
#16
โพสต์เมื่อ 17 May 2010 - 03:14 PM
เรื่องนี้เคยมี Case Study ไปแล้วครับ คือ ถ้าหากเราไม่รู้ว่า ญาติมิตรได้เงินมาจากการทำบาป แล้วนำเงินนั้นมาให้เรา จากนั้น เราก็นำเงินนั้นไปทำบุญ เราจะได้บุญหรือได้บาป คำตอบคือ ได้บุญเต็มที่เต็มกำลังครับ เพราะเราได้เงินนั้นมาอย่างบริสุทธิ์ (ญาติให้เรามา เราไม่ได้ขโมยญาติมาน่ะครับ)
อ้าว แล้วถ้ารู้ล่ะ อ๋อ ถ้ารู้ก็ต้องทำใจให้บริสุทธิ์ได้อย่างพระโสดาบัน ที่ส่งหน้าไม้ให้นายพรานสามีไปล่าสัตว์ทุกวัน ใจของท่านแช่อิ่มอยู่ในพระรัตนตรัยภายในตัวตลอด จึงตัดวงจรความคิดที่จะคิดต่อว่า สามีเอาหน้าไม้ไปทำอะไรที่ไหนอย่างไร
แต่ปุถุชนคนทั่วไป ยากแสนยากมากที่จะคิดได้อย่างพระโสดาบัน เพราะฉะนั้น คุณเปรมอย่าเสี่ยงไปทำอาชีพที่อันตรายดีกว่านะครับ
#17
โพสต์เมื่อ 17 May 2010 - 07:14 PM
คนไม่รู้ ไม่เชื่อ บาปบุญ ชาตินี้ชาติหน้า
เขาจะทำชั่วแบบไม่ยั้งมือ
#18
โพสต์เมื่อ 17 May 2010 - 08:23 PM
กำลังนั่งฟังหลวงพ่อจากอนุบาลฯ พอดีค่ะ และคิดว่าอยากจะลงเรียน DOU แต่อย่างเปรมอยู่ต่างประเทศโซนยุโรป จะจัดการยังไงดีคะ
ขอให้กัลฯ ท่านใดที่ทราบข้อมูลแนะนำด้วยค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ
#19
โพสต์เมื่อ 17 May 2010 - 09:02 PM
http://main.dou.us/index.php
นี่เป็นตัวอย่างของการเรียนผ่านระบบ e-learning ครับ สรุปเรียนผ่านเว็บได้ครับ
http://master.dou.us/login/index.php
#20
โพสต์เมื่อ 17 May 2010 - 09:35 PM
ถ้าเขาไม่ยินดีในบาปที่สามีทำ ก็คงไม่เท่าไรนะครับ ก็ขอให้เขาทำใจได้เช่นนั้น แอบเอาใจช่วย
มีทัศนะเพิ่มเติมครับ
อีกกรณีที่อยากให้สำเนียกกันไว้ อย่ามองข้าม
อาชีพ ที่เป็นมิจฉาวณิชฌะ มีอาชีพเกี่ยวกับการฆ่าสัตว์ด้วย
ดังนั้น อย่ามองข้ามธุรกิจ ที่ร่ำรวยมาจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตนะครับ ในประเทศไทยมีอยู่ สองตระกูลใหญ่ครับ ร่ำรวยติดอันดับโลก คงทราบนะครับ
หลายท่านมองข้าม เพราะธุรกิจนี้ไม่เป็น โลกวัชชะ แต่ผมว่า นับๆกัน บาปต่อบาป ตัวต่อตัวแล้ว บาปหนักกว่าเหล้าอีกนะครับ หลายเท่าตัวเลยทีเดียว เช่นฆ่าไก่เพื่อการส่งออกปีละสิบล้านตัว โอ้วววว ไม่ต้องคิดกันเลยครับว่าขุมไหน !!!
ในบางบริบท ผิดศีลข้อ 5 ก็อาจทำให้เสียสติสัมปะชัญญะ และผิดศีลข้ออื่นๆตามมาได้ทั้งหมด
การทำมาค้าขายเหล้าก็เสมือนไปสร้างให้คนอื่นมีนิสัยบาปต่อๆไปมากมายมหาศาล กรรมอาจจะไม่ทันตาเห็นแต่ก็ยั่งยืน
แต่ถ้าเจตนาฆ่าเป็นอาชีพนี่สิครับ บาปหนักนับประมาณไม่ได้เลย กรรมสำเร็จทันตาเห็น เพียงแต่จะมีเวรกรรมแต่ผู้สั่ง ผู้ฆ่า ผู้ถูกฆ่า
(แต่กลับเป็นอาชีพที่ไม่เป็นโลกวัชชะ ชาวโลกมองข้าม ไม่ค่อยตำหนิกัน ไม่เหมือนกับเหล้าเบียร์ ที่ถูกประณามสารพัด ++สมควรถูกประณามทั้งนั้นครับ++)
เคยมีนักการเมืองท่านหนึ่ง ก็ร่ำรวยระดับต้นๆของประเทศ ด้วยธุรกิจที่มาจากการส่งเสริมการฆ่าสัตว์ แต่สุดท้าย มีหิริ โอตตัปปะครับ กลับใจเปลี่ยนมาทำธุรกิจอื่นๆแทน (เกี่ยวกับปูนซีเมนต์) ปัจจุบันก็ยังร่ำรวยอยู่ ถึงแม้จะอนุบาลทางการเมืองก็ตามเถอะ
ก็หวังว่าตระกูลของสามีดาราสุดสวยคนนี้ ที่ร่ำรวยมาจากเหล้าเบียร์ จะกลับตัวกลับใจได้นะครับ
ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ
ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ
เราตถาคต คือธรรมกาย
#21
โพสต์เมื่อ 18 May 2010 - 11:13 AM
#22
โพสต์เมื่อ 29 May 2010 - 12:15 AM
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป