จริยวัตร
#1
โพสต์เมื่อ 10 September 2006 - 01:02 PM
ตั้งแต่ตื่นนอน จนเข้านอนเพราะ เห็นว่างานท่านมากมาย เหลือเกิน อยากทราบว่าท่านแบ่งเวลาอย่างไร
ก็ไม่ทราบว่าเปิดเผยได้หรือไม่ เพราะนับเป็นตัวอย่างที่ดีมาก ๆ
#2
โพสต์เมื่อ 10 September 2006 - 01:50 PM
--------------------------------
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#3
โพสต์เมื่อ 10 September 2006 - 02:09 PM
ทั้งงาน ที่เป็นงานสร้างวัด - งานวัดเรื่องต่างๆ
และงานทำละเอียด (สมาธิ)
แล้วตอนค่ำ ปกติท่านยังเมตตามาลงฝันในฝัน สอนเรื่องราวความจริงของชีวิตให้ลูกๆ ทั่วโลก ผ่านDMC ด้วย
และวันอาทิตย์ด้วย
#4
โพสต์เมื่อ 10 September 2006 - 02:36 PM
แค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะไปปราบมารได้ไง
#5
โพสต์เมื่อ 10 September 2006 - 02:57 PM
หลวงพ่อของเราลงทุกวัน แม้วันที่ไม่สบาย เป็นหวัด ไม่เจ็บป่วยมากนัก ท่านก็จะลง วันหนึ่งหลวงพ่อไปที่อาศรมบัณฑิต ท่านพูดกับหลวงพ่อทัตตะว่า ถ้าไม่เจ็บป่วยใกล้ตาย ก็จะลงเทศน์สอนทุกวัน จะทำให้คนในรุ่นหลังได้รู้ว่า ถ้าเป็นงานพระศาสนาแล้วอะไรก็ได้ คำว่า “อะไรก็ได้” ในความหมายของท่านก็คือ แม้ชีวิตก็สละได้ เพราะฉะนั้นเราจะเห็นว่า หลวงพ่อทุ่มเทกับโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันเป็นอย่างมาก
ทุกวัน กิจวัตร กิจกรรม ของหลวงพ่อเป็นไปเพื่องานเผยแผ่อนุบาลฝันในฝัน ท่านเคยพูดในตอนฉันเช้าว่า จะทำไว้ให้เป็นมรดกกับคนในรุ่นหลังๆ หลวงพ่องดรับแขก ไม่มีการรับเจ้าภาพเป็นพิเศษเหมือนสมัยก่อน สิ่งที่ได้รับเป็นพิเศษสำหรับเจ้าภาพในขณะนี้ก็คือ การได้มาถวายปัจจัยที่ข้างรถ (ปัจจุบันก็ไม่มีแล้ว) ก่อนที่ท่านจะเดินทางกลับจากบ้านยาย หลังการสอนในโรงเรียนอนุบาลแล้วเท่านั้น นี้เป็นความพิเศษที่ถือว่า พิเศษสุดๆแล้ว นอกนั้นก็เป็นการถวายปัจจัยในงานบุญวันอาทิตย์ตามปกติ
ตารางเวลากิจกรรมของหลวงพ่อจะลงตัวทุกวัน หลังฉันเช้าก็จะเดินออกกำลังกาย แล้วให้เวลากับการรักษาขาของท่าน หลังจากนั้นก็นั่งธรรมะไปถึงเพล หลังฉันเพลเสร็จ ก็ไปที่พุทธศิลป์ตรวจงานที่จะใช้ในการสอนในโรงเรียนฝันในฝัน กลับมานั่งธรรมะค้น case study แล้วนำมาเรียบเรียงเรื่องราวต่างๆ ด้วยตัวของท่านเอง คิดดูว่า ผู้มีอายุวัย ๖๐ ต้องเตรียมการสอนทุกวัน เรียบเรียงเรื่องราวทุกวัน คุณครูที่ต้องเตรียมการสอนจะเข้าใจดีว่า การเตรียมการสอนสำหรับการสอนวันละ ๒ ชั่วโมง ทุกวัน โดยให้มีเนื้อหาเป็นที่น่าสนใจ นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ โดยเฉพาะในวัย ๖๐ ที่สายตาท่านก็ไม่ได้ดีเหมือนในวัยหนุ่ม สุขภาพขาก็ไม่แข็งแรง ถ้าได้มาเห็นก็จะซาบซึ้งในความเมตตาที่ท่านมีต่อลูกๆ ทุกคน
หลังจากนั่งธรรมะไปถึง ห้าโมงครึ่ง ท่านก็ไปพุทธศิลป์ตรวจดูงานที่จะใช้ในโรงเรียนอีกครั้ง ๑ ทุ่ม ก็เดินทางไปถึงโรงเรียน กว่าจะเสร็จจากการสอนแล้วกลับของที่พักในอาคารภาวนาก็เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มทุกวัน เมื่อกลับมาถึงยังต้องให้การรักษาขา ควบคู่ไปกับการติดตามผลการรับฟังจากศูนย์ต่างๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศทั่วโลกว่า สิ่งที่หลวงพ่อสอนนั้นเป็นที่เข้าใจกับผู้ฟังมากน้อยเพียงใด มีสิ่งใดต้องปรับปรุง มีเรื่องใดที่ฟังแล้วไม่เข้าใจบ้าง บรรยากาศแต่ละที่ชอบฟังเรื่องอะไร เจ้าของเคสฟังแล้วรู้สึกอย่างไร มีสิ่งใดที่ยังสงสัยอยู่ ก็จะได้นำไปเล่าเพิ่มเติมในวันต่อไป หลวงพ่อรักษาขา พร้อมกับฟังผลการรับฟังอยู่ถึงเกือบห้าทุ่ม แล้วนั่งธรรมะต่อ กว่าจะได้จำวัตร(นอน) ก็ตีหนึ่ง"ทุกวัน"
สังขารของหลวงพ่อคงอยู่กับเราได้อีกไม่นาน เหมือนสังขารของคุณยายเช่นกัน ในช่วงเวลานี้อยากจะใช้คำพูดที่ยายเคยพูดไว้ว่า ใครอยากจะเอาบุญกับยายก็เอานะ มาใช้ว่า ใครอยากจะเอาบุญกับหลวงพ่อก็เอานะ แม้สังขารร่างกายของหลวงพ่อจะร่วงโรยไป แต่การทำงานสร้างบารมีของท่านตรงกันข้ามกับสุขภาพร่างกาย ยิ่งรู้ว่าร่างกายจะใช้ได้อีกไม่นาน ท่านยิ่งโหมงานแข่งกันเวลาชีวิตที่เหลืออยู่อีกไม่มาก
อยากจะบอกกับทุกๆ คนว่าโค้งสุดท้ายของชีวิตท่านมีอยู่อีกไม่นาน แม้ว่าเราอยากจะให้ท่านอยู่ถึงสองร้อยซาวปีก็ตาม หกสิบเป็นชีวิตที่เริ่มนับถอยหลัง เป็นเวลาของชีวิตที่ท่านจะสปีดทุกอย่าง ทั้งงานเผยแผ่และงานทำวิชชา ในช่วงเวลาเช่นนี้ถ้าใครกระพริบตา หย่อนการสร้างบารมีแม้เพียงชั่วคราว ...
ก็คิดเอาเองครับ ว่าบุญ บารมีจะต่างกันขนาดไหน จะตกรถด่วนขบวนสุดท้ายหรือไม่ ผมพิจารณาลงตามความเหมาุะสมครับ เนื่องจากที่นี่เป็นที่สาธารณะครับ (แต่ฉบับจริงอ่านแล้วผมร้องเลยครับ )
แค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะไปปราบมารได้ไง
#6
โพสต์เมื่อ 10 September 2006 - 03:25 PM
----------------
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#7
โพสต์เมื่อ 10 September 2006 - 03:31 PM
ช่วยปลดกังวล
ให้ฉันพ้นพันธนาการ
ฉันเหนื่อยล้ามานาน
ในงานที่ฉันไม่จัดเจน
เธอก็รู้ใช่ใหม
หน้าที่นี้ควรเป็นของใคร
แล้วทำไมจึงไม่ยอมเข้าใจ
ปล่อยให้ฉันจำต้องทนฝืนทำ
เธอรู้บ้างไหม
กาลเวลาได้ดื่มกิน
ความแข็งแรงจนหมดสิ้นจากฉันไป
ฉันจะมีเวลาอีกสักเท่าไหร่
ที่จะเหลือไว้ให้ทำงานที่แท้จริง
เป็นงานที่สำคัญยิ่ง
เพื่อมวลมนุษย์ชาติและธาตุธรรม
เวลาของฉันเหลือน้อยเต็มที
กำลังริบหรี่
เหมือนอาทิตย์ใกล้อัสดง
ชีวิตฉันคงไม่ยั่งยืนยง
มั่นคงเป็นหมื่นปี
โปรดเถิดท่านผู้มีบารมี
ให้โอกาสแก่ฉันเสียที
ได้ทำงานที่แท้จริง
แค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะไปปราบมารได้ไง
#8
โพสต์เมื่อ 10 September 2006 - 03:50 PM
สาธุ กับคุณหยุดอะตอมใจ สำหรับคำตอบสังฆจริยาวัตรนี้
เราว่างานทางโลกที่ทำอยู่นี้ก็หนักมากแล้วนะ แต่พอมาเทียบกับงานของพระเดชพระคุณแล้วฯ งานเรานี่ระดับอนุบาลจริงๆ
#9
โพสต์เมื่อ 10 September 2006 - 05:29 PM
ที่นี้ทุกท่านคงรุ้แล้วนะคะว่าหลวงพ่อท่านทำเพื่อเราขนาดไหน
#10
โพสต์เมื่อ 10 September 2006 - 08:39 PM
โอ ซาบซึ้งมากครับ ไม่น่าเชื่อท่านทำงานหนักถึงขนาดนี้
คุณงามความดีของท่าน ดูที่การปฏิบัติ เหนือกว่าคำพูดใด ๆ จริง
#11
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 03:56 AM
ลูกคนไหน นอนก่อนพ่อ แต่ตื่นทีหลังบ้างเอ่ย?
แค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะไปปราบมารได้ไง
#12
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 08:40 AM
สาธุค่ะคุณหยุดอะตอมใจ....เช่นกันค่ะ
ถ้าไม่มีครูไม่ใหญ่...ก็ไม่รู้จะไปมืดอยู่ที่ไหนหนอเรา
#13
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 09:49 AM
05.00-06.00น.ช่วงเช้า.............และอะไรอีกนั้นหาเองนะครับบอกไม่ได้
03.00หลังจากท่านก็ไปพุทธศิลป์ตรวจดูงาน เพื่อจะมาฝันในฝันช่วงนี้ท่านจะคุมบุญทุกอย่าง (ใครอยากนี้จะนั่งสมาธิดีแนะนำช่วงนี้ดีที่สุด)
ขอบอกว่าหลวงพ่อท่านจำวันแค่2-4 ชั่วโมงแค่นั้นเอง ถ้าใครอยากที่จะนั่งสมาธิดีนะครับหลวงพ่อท่านให้ข้อคิดไว้ว่า การบ้าน10ข้อที่ท่านให้ไว้นั้นแหละครับจะสามารถที่จะให้เราเข้าถึงธรรมได้ง่ายขึ้น ขอแค่นี้แล้วกันนะครับไม่ขอแนะนำมากกว่านี้ดีกว่า ขออนุโมทนาทุกบุญนะครับ
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
#14
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 10:38 AM
#15
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 10:56 AM
สำหรับคำถามและคำตอบครับ
#16
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 11:56 AM
#17
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 12:46 PM
#18
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 02:02 PM
ถ้าลูกๆ เข้าถึงธรรมกันยิ่งมากเท่าไหร่ หลวงพ่อก็จะเหนื่อยน้อยลง (หน่อยนึง)
พ่อสอนทุกวัน ลูกก็ยังแอบขี้เกียจ(ได้ยังไง)
ถ้าลูกๆ ขี้เกียจนั่งสมาธิกัน ทำให้พ่อต้องมาเหน็ดเหนื่อย... ท่านอายุมากแล้วนะ
#19
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 02:04 PM
โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน
นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ . . . ฯ ๑๖๐ ฯ
เราต้องพึ่งตัวเราเอง
คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
บุคคลผู้ฝึกตนดีแล้ว
ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้แสนยาก
Oneself indeed is master of oneself,
Who else could other master be?
With oneself perfectly trained,
One obtains a refuge hard to gain
#20
โพสต์เมื่อ 11 September 2006 - 06:13 PM
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต้ อุกาสะ ขะมามิ ภันเตฯ
หากข้าพระพุทธเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ในชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ด้วยกายก็ดี วาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ด้วยเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี
ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย และผู้มีพระคุณทุกท่าน ได้โปรดยกโทษให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ
#21
โพสต์เมื่อ 12 September 2006 - 06:04 AM
05.00-06.00น.ช่วงเช้า.............และอะไรอีกนั้นหาเองนะครับบอกไม่ได้
03.00หลังจากท่านก็ไปพุทธศิลป์ตรวจดูงาน เพื่อจะมาฝันในฝันช่วงนี้ท่านจะคุมบุญทุกอย่าง (ใครอยากนี้จะนั่งสมาธิดีแนะนำช่วงนี้ดีที่สุด)
ขอถามคำถามบื้อๆหน่อยนะคะ
03.00 นี่บ่ายสามที่เมืองไทยใช่ไหมคะ จะตรงกับตีสี่ที่เมกานี่ จะได้ขึ้นมานั่งสมาธิถูก
ขอบคุณค่ะ
ก่อนจะเกิดว่าจะสู้ไม่ถอยหนี
จะร่วมแรงร่วมใจปราบไพรี
คอยตรงนี้มานานแล้วแก้วกลอยใจ
#22
โพสต์เมื่อ 12 September 2006 - 10:23 AM
2549 วันนั้นผมก็ได้เข้าฟังด้วยครับ และได้รับหนังสือที่มีคุณค่ามา หนึ่งเล่ม เนื้อหา
ในหนังสือนั้นมีข้อความดีๆที่จะทำให้ลูกพระธัมฯ ทั่วโลกมีกำลังใจในการนั่งปฏิบัติธรรม
ให้ยิ่งยวดขึ้นไป ขออนุญาตคัดลอกนำมาให้อ่านบางส่วนนะครับ
จะเห็นว่าท่านทุ่มเทอย่างอุทิศชีวิตจริงๆ ทั้งหยาบและละเอียดซึ่งหนักและเหนื่อยมาก
การปฏิบัติธรรมของท่าน แม้มีภารกิจบริหารวัดมากมายแต่ท่านไม่เคยทิ้งการปฏิบัติธรรมเลย
หลวงพี่ลองคำนวณดูว่าวันหนึ่งๆ ท่านนั่งธรรมะประมาณ 5-6 ชั่วโมง เป็นอย่างน้อยถ้าเราอยู่
ใกล้ๆ ท่าน จะเห็นว่าท่านตื่นจำวัดเวลา 5.00 น. นั่งธรรมะตั้งแต่เช้ามืดเป็นต้นไป หลังฉัน
เช้าเสร็จ จะมีลูกๆ มาปรึกษางานท่านจะจำกัดเวลาไม่เกิน 09.00-09.30 น. และเข้าไป
ฉีดยารักษาสุขภาพนิดหน่อย แล้วจะนั่งธรรมะประมาณเวลา 9.30-11.30 น. ช่วงบ่าย
รับแขกเสร็จ จะมาให้กำลังใจลูกๆ ที่สำนักงานจนถึงเวลา 15.00 น. ท่านจะกลับไปนั่ง
ธรรมะเกีอบถึง 18.00 น. เพื่อเตรียมจะมาลงสอนในโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาให้
พวกเรา ท่านนั่งธรรมะก่อนนะ ไม่ใช่อยู่ดีๆ มาลุยสอนเลย ท่านบอกว่า ท่านสอนตัวเอง
มากกว่าสอนคนอื่นจึงต้องนั่งธรรมะเยอะๆ
เมื่อท่านกลับจากโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาแล้ว ท่านกลับไปนวดขานิดหน่อย แล้วก็
มานั่งธรรมะต่อถึงเวลา 24.00 น. ลองคำนวณดูวันหนึ่งๆ แม้มีโครงงานต่างๆ มากมาย
ท่านก็แบ่งเวลานั่งธรรมะมากด้วย
ท่านอยากให้ลูกๆ นั่งธรรมะมากๆ อย่าขี้เกียจนั่ง ท่านลุยขนาดนี้ ไม่เคยท้อ หลวงพ่อของเรา
ท่านเป็น SuperMonk จริงๆ ท่านเป็นสุดยอดผู้นำ ทุ่มเทในการสร้างบุญ มีแรงใจมหาศาล
เรามาเจอครูบาอาจารย์ที่เป็นต้นแบบ แม้มีเรื่องหยาบๆ แต่ท่านไม่เคยทิ้งการปฏิบัติธรรมเลย
ท่านเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของพวกเรา เพราะฉะนั้น ฝนตกรถติด เศรษฐกิจตกต่ำอย่าไปท้อ
ปัญหาทุกอย่างแก้ไขได้
Thanks in advance:) ผมจะรอคอยด้วยใจใสๆครับ
#23
โพสต์เมื่อ 13 September 2006 - 10:14 PM
ลองอ่าี่นกันนะครับ
หลวงพ่อเองโชคดี ที่ได้โยมพ่อ โยมแม่ ที่คอยดูแล เอาใจใส่เรื่องการนอนของลูก ตั้งแต่ ตามมาดูว่านอนห่มผ้า ? ดิ้นมาก ? ก่อนนอน โยมพ่อจะมาเคาะท้องดูเสมอว่า มีลม ? ถ้ามี แสดงว่าไปกินอะไรผิดปกติมา แล้วจะหายามาให้ทาน
ท่านสอนแม้กระทั่งการพับผ้า เก็บที่นอนทันทีทุกครั้งที่ตื่นนอน จะไม่ยอมปล่อยผ่านเด็ดขาด เดี๋ยวจะติดนิสัย บิดขี้เกียจ ยืดยาด
นอกจากนี้ ๐๔.๐๐ น. โยมพ่อจะสอนให้ดูดินฟ้าอากาศ ดูเมฆ ดูฝน ทำให้สามารถพยากรณ์อากาศล่วงหน้าได้ และถ้าคืนไหน ไม่มีเสียงจิ้งหรีด ในป่าทั้งป่าเงียบหมด ให้เตรียมเก็บข้าวของหลบฝนได้เลย เพราะจิ้งหรีดมันรู้เรื่องฝนดี เนื่องจากมันอาศัยอยู่ในดิน พอดินร้อนระอุ มันจะรีบกลบหลุมของมันป้องกันไม่ให้น้ำท่วม
โยมพ่อ จะสอนให้หัดสังเกตสิ่งแวดล้อม และธรรมชาติรอบตัวอยู่เสมอ สอนแม้กระทั่งการเลี้ยงจิ้งหรีด จนหลวงพ่อเชี่ยวชาญในการแข่งจิ้งหรีด ชนะทุกครั้งที่ลงแข่งทีเดียว
พอสาย โยมพ่อจะให้เรียน - เขียนหนังสือ ตามแบบที่ท่านเตรียมไว้ไห้ ตั้งแต่ ๘.00 - ๑๐.๐๐ น. รางวัลคือ ขนมที่มีแม่ค้าหาบมาขายในช่วงนั้น เป็นรางวัลแห่งความสำเร็จที่เขียนตามกำหนดได้
ในเรื่องของความซน โยมพ่อไม่ชอบคนอืดอาด ยืดยาด ท่านจะสอนลูกให้เป็นคนกระฉับกระเฉง กระตือรือร้น โยมพ่อไม่เคยดุเรื่องความซน ยกเว้น ถ้ารู้ว่าไปรังแกใคร หรือไปชกต่อยกับใครมาก็ตามละก็ โยมพ่อจะทำโทษ หรือถ้ารู้ว่า ถูกรังแกมา ท่านจะตีซ้ำเพราะท่านไม่เคยสอนให้รังแกใคร
เพราะฉะนั้น ความคิดสร้างสรรค์ของหลวงพ่อจึงเหลือเฟือ จากความซนที่วิ่งเล่นไปตามท้องทุ่งนาเป็นประจำนั่นเอง
ตกกลางคืน โยมพ่อจะพาไปดูจิ้งหรีด สอนให้หัดสังเกตลักษณะของมัน จนหลวงพ่อเป็นแชมป์กัดจิ้งหรีด ที่ไม่มีใครกล้าท้าพิสูจน์
ถ้าช่วงอายุ ๕ - ๖ ปี ไม่ได้รับการเลี้ยงดูที่ดี ใครที่เฉื่อยแฉะ แล้วไม่แก้ไข จะเป็นนิสัยติดตัวไปตลอดชีวิต
คืนไหนยังไม่ได้สวดมนต์ เจริญสมาธิภาวนา คืนนั้นอย่าเพิ่งนอน
เป็นไงครับ อื้งในพ่อของพวกเรา