1.อยากทราบว่า โมทนา กับ อนุโมทนา ต่างกันอย่างไรครับ
2.ถ้าเราทำบุญแล้วมีคนมา อนุโมทนาบุญเรา เราควรตอบกลับไปว่าอะไรครับ
มารยาทในการรับอนุโมทนาบุญ
เริ่มโดย Pro, Dec 26 2005 01:31 PM
มี 10 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 26 December 2005 - 01:31 PM
#2
โพสต์เมื่อ 26 December 2005 - 02:47 PM
เหมือนกันค่ะ "แบบว่า ประหยัดเวลาน่ะ"
ไหว้สวยๆ + ยิ้ม ด้วยใจที่แช่มชื่นในบุญที่ตนได้กระทำ แล้วกล่าวว่า
"สาธุ ขอให้ได้บุญไปเท่าๆ กันเลยนะคะ/ครับ"
เพราะเวลามี ผู้มาอนุโมทนาบุญกับเรา แสดงว่าเราได้กระทำความดีบางอย่างใน บุญกิริยาวัตถุ10"
เมื่อเราทำบุญ เราก็ได้บุญ เน็ทๆ
ผู้มาอนุโมทนาบุญ ก็ได้บุญแบบ
"น้ำหยดทีละติ๋ง อีกหน่อยก็เต็มตุ่ม(บุญ) ค่า+++++
และมีผู้เห็น และอยากจะแสดงความชื่มชม ในสิ่งที่เรากระทำ
ไหว้สวยๆ + ยิ้ม ด้วยใจที่แช่มชื่นในบุญที่ตนได้กระทำ แล้วกล่าวว่า
"สาธุ ขอให้ได้บุญไปเท่าๆ กันเลยนะคะ/ครับ"
เพราะเวลามี ผู้มาอนุโมทนาบุญกับเรา แสดงว่าเราได้กระทำความดีบางอย่างใน บุญกิริยาวัตถุ10"
เมื่อเราทำบุญ เราก็ได้บุญ เน็ทๆ
ผู้มาอนุโมทนาบุญ ก็ได้บุญแบบ
"น้ำหยดทีละติ๋ง อีกหน่อยก็เต็มตุ่ม(บุญ) ค่า+++++
และมีผู้เห็น และอยากจะแสดงความชื่มชม ในสิ่งที่เรากระทำ
#3 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 26 December 2005 - 02:53 PM
โมทนาบุญ ย่อ มาจาก อนุโมทนาบุญ นะครับ พูดกันในกลุ่มคนที่สนิทคุ้นเคยกันแล้ว
เช่น วันดีเห็นสมศรีทำบุญตักบาตร ก็เดินเข้าไป แล้วพูดว่า "โมทนาบุญด้วยนะ" ซึ่งแสดงว่า วันดีกับสมศรีมีความสนิทกันพอสมควร แต่ที่จริงแล้ว ก็ไม่ควรจะพูดว่า โมทนาบุญเท่าไร มันดูเหมือนไม่ค่อยเต็มใจ ในเมื่ออยากยินดีและอยากมีส่วนร่วมในบุญกับเค้าแล้วก็น่าจะพูดเต็ม
เช่น วันดีเห็นสมศรีทำบุญตักบาตร ก็เดินเข้าไป แล้วพูดว่า "โมทนาบุญด้วยนะ" ซึ่งแสดงว่า วันดีกับสมศรีมีความสนิทกันพอสมควร แต่ที่จริงแล้ว ก็ไม่ควรจะพูดว่า โมทนาบุญเท่าไร มันดูเหมือนไม่ค่อยเต็มใจ ในเมื่ออยากยินดีและอยากมีส่วนร่วมในบุญกับเค้าแล้วก็น่าจะพูดเต็ม
#4 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 26 December 2005 - 03:13 PM
ต่อจากข้างบน นะครับ
น่าจะพูดเต็มว่า ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ/คะ ส่วนผู้ที่เป็นฝ่ายตอบรับการอนุโมทนาบุญ ก็ควรตอบกลับไปด้วยใจที่ปิติเบิกบานด้วยความที่อยากให้เขามีส่วนร่วมในบุญกับเราจริงๆ ไม่ใช่เพราะเป็นการทำแบบเสียมิได้ ว่า สาธุครับ/คะ
หรือถ้าต่างฝ่ายต่างทำบุญมาด้วยกัน เมื่อเสร็จงานบุญนั้นแล้วก็อาจจะพูดว่า อนุโมทนาบุญร่วมกันนะครับ/คะ
ที่สำคัญการอนุโมทนาบุญนั้นเป็นบุญกิริยาวัตถุ 10 ประการ ที่พระพุทธเจ้าทรงเทศนาเอาไว้ คือทำแล้วได้บุญ อานิสงค์ก็คือ เราจะมีเพื่อนที่เป็นคนดีเป็นกัลยาณมิตรไปทุกชาติ นั้นคือการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี ซึ่งเป็นการดี เพราะเป็นการฝึกให้ใจของเราไม่มีปกติขี้อิจฉา แต่มีปกติมุทิตา ซึ่งแปลว่า การพลอยยินดีในความดี หรือการประสบความสำเร็จของคนอื่นๆ เพราะคนที่ขี้อิจฉานั้นมักจะเป็นทุกข์และเดือดร้อนด้วยประการทั้งปวง นอกจากนี้การที่เราแสดงความยินดีกับคนอื่น ที่ไม่ใช่คนวัดในการที่เขาไปทำบุญหรือไปทำความดีอะไรมา ก็ถือเป็นการอนุโมทนาบุญด้วยเช่นกัน อาจจะกล่าวเป็นคำในลักษณะอื่นๆ ที่ทำให้คนฟังมีความปลื้มใจ ชื่นใจ เบิกบานใจ สาระสำคัญอยู่ทีความจริงใจเป็นหลัก เมื่อทำบ่อยๆ เข้า คนที่จะมาคิดอิจฉาริษยาเราก็ไม่มีเพราะเราได้สั่งสมบุญ ที่เรียกเป็นทางการ ว่าปัตตานุโมทนามัย คือ บุญสำเร็จด้วยการอนุโมทนาส่วนบุญ ซึ่งถูกสรุปลงในหมวดการทำบุญกิริยาวัตถุ 3 ประการ คือ เรื่องของ ทาน นั่นคือเป็นการฆ่าความอิจฉาริษยา ความตระหนี่ออกจากใจ เพราะถ้าเรามีจิตยินดีในบุญหรือความดีของคนอื่นแล้ว ความโลภ ความตระหนึ่ ความอิจฉาริษยาใครมันก็จะลดลงไปเรื่อยๆ
พวกเรามีบุญมาก ที่เข้าวัดพระธรรมกาย หมายถึง เข้าวัดทุกวัดก็มีบุญมาก ส่วนนี้ในทัศนะของผมนะ เพราะว่า หลวงพ่อและหมู่คณะอบรม ทำเป็นต้นแบบ และเชิญชวน พวกเราให้เรียนรู้การอนุโมทนาบุญ ร่วมทั้งยังฟื้นฟูแบบแผนดั้งเดิมของการอนุโมทนาบุญให้กลับมาเหมือนในกาลก่อนของบรรบุรุษไทย จนพวกเราทำกันคุ้นเคย สร้างทั้งความประหลาดใจและประทับใจ และแปลกใจ จนทำให้เกิดการสนทนาธรรมเกิดขึ้น ว่าทำไมต้องทำแบบนี้ แล้วก็เกิดปัญญาบารมี แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ทำให้เกิดความปลื้มใจนั่นเอง
พวกเราทำกันจนชินตา และชินมือ แต่อย่าลืมทำให้ชินใจด้วยนะครับ คือ การที่เราจะยกมือของเราไปอนุโมทนาใครได้นั้น แสดงว่าเราก็กำลังฝึกลดทิฐิในใจของเราด้วย ดังนั้น ไหนๆ จะยกมือแล้วก็ยกใจให้สูงขึ้นด้วย การทำใจใสๆ ในเวลาก่อน, ระหว่าง หลัง การอนุโมทนาบุญ ก็จะได้บุญครบทั้ง 3 วาระ ครับ ถึงแม้การอนุโมทนาบุญจะมีอานิสงค์ไม่เหมือนการทำบุญด้วยตัวเองแต่เราก็ได้ทรัพย์ที่ดีในการเกื้อหนุนการสร้างบารมีอที่สำคัญอย่างหนึ่งนั่นคือ บริวารสมบัติ หรือ การมีเพื่อนที่ดีไปทุกชาตินั่นเองครับ
ถ้าสงสัยอะไรเพิ่มเติมก็สามารถ เมลล์ มาได้ที่ [email protected] ครับ อนุโมทนาบุญครับ (บุญจาการสนทนาธรรม)
น่าจะพูดเต็มว่า ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ/คะ ส่วนผู้ที่เป็นฝ่ายตอบรับการอนุโมทนาบุญ ก็ควรตอบกลับไปด้วยใจที่ปิติเบิกบานด้วยความที่อยากให้เขามีส่วนร่วมในบุญกับเราจริงๆ ไม่ใช่เพราะเป็นการทำแบบเสียมิได้ ว่า สาธุครับ/คะ
หรือถ้าต่างฝ่ายต่างทำบุญมาด้วยกัน เมื่อเสร็จงานบุญนั้นแล้วก็อาจจะพูดว่า อนุโมทนาบุญร่วมกันนะครับ/คะ
ที่สำคัญการอนุโมทนาบุญนั้นเป็นบุญกิริยาวัตถุ 10 ประการ ที่พระพุทธเจ้าทรงเทศนาเอาไว้ คือทำแล้วได้บุญ อานิสงค์ก็คือ เราจะมีเพื่อนที่เป็นคนดีเป็นกัลยาณมิตรไปทุกชาติ นั้นคือการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี ซึ่งเป็นการดี เพราะเป็นการฝึกให้ใจของเราไม่มีปกติขี้อิจฉา แต่มีปกติมุทิตา ซึ่งแปลว่า การพลอยยินดีในความดี หรือการประสบความสำเร็จของคนอื่นๆ เพราะคนที่ขี้อิจฉานั้นมักจะเป็นทุกข์และเดือดร้อนด้วยประการทั้งปวง นอกจากนี้การที่เราแสดงความยินดีกับคนอื่น ที่ไม่ใช่คนวัดในการที่เขาไปทำบุญหรือไปทำความดีอะไรมา ก็ถือเป็นการอนุโมทนาบุญด้วยเช่นกัน อาจจะกล่าวเป็นคำในลักษณะอื่นๆ ที่ทำให้คนฟังมีความปลื้มใจ ชื่นใจ เบิกบานใจ สาระสำคัญอยู่ทีความจริงใจเป็นหลัก เมื่อทำบ่อยๆ เข้า คนที่จะมาคิดอิจฉาริษยาเราก็ไม่มีเพราะเราได้สั่งสมบุญ ที่เรียกเป็นทางการ ว่าปัตตานุโมทนามัย คือ บุญสำเร็จด้วยการอนุโมทนาส่วนบุญ ซึ่งถูกสรุปลงในหมวดการทำบุญกิริยาวัตถุ 3 ประการ คือ เรื่องของ ทาน นั่นคือเป็นการฆ่าความอิจฉาริษยา ความตระหนี่ออกจากใจ เพราะถ้าเรามีจิตยินดีในบุญหรือความดีของคนอื่นแล้ว ความโลภ ความตระหนึ่ ความอิจฉาริษยาใครมันก็จะลดลงไปเรื่อยๆ
พวกเรามีบุญมาก ที่เข้าวัดพระธรรมกาย หมายถึง เข้าวัดทุกวัดก็มีบุญมาก ส่วนนี้ในทัศนะของผมนะ เพราะว่า หลวงพ่อและหมู่คณะอบรม ทำเป็นต้นแบบ และเชิญชวน พวกเราให้เรียนรู้การอนุโมทนาบุญ ร่วมทั้งยังฟื้นฟูแบบแผนดั้งเดิมของการอนุโมทนาบุญให้กลับมาเหมือนในกาลก่อนของบรรบุรุษไทย จนพวกเราทำกันคุ้นเคย สร้างทั้งความประหลาดใจและประทับใจ และแปลกใจ จนทำให้เกิดการสนทนาธรรมเกิดขึ้น ว่าทำไมต้องทำแบบนี้ แล้วก็เกิดปัญญาบารมี แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ทำให้เกิดความปลื้มใจนั่นเอง
พวกเราทำกันจนชินตา และชินมือ แต่อย่าลืมทำให้ชินใจด้วยนะครับ คือ การที่เราจะยกมือของเราไปอนุโมทนาใครได้นั้น แสดงว่าเราก็กำลังฝึกลดทิฐิในใจของเราด้วย ดังนั้น ไหนๆ จะยกมือแล้วก็ยกใจให้สูงขึ้นด้วย การทำใจใสๆ ในเวลาก่อน, ระหว่าง หลัง การอนุโมทนาบุญ ก็จะได้บุญครบทั้ง 3 วาระ ครับ ถึงแม้การอนุโมทนาบุญจะมีอานิสงค์ไม่เหมือนการทำบุญด้วยตัวเองแต่เราก็ได้ทรัพย์ที่ดีในการเกื้อหนุนการสร้างบารมีอที่สำคัญอย่างหนึ่งนั่นคือ บริวารสมบัติ หรือ การมีเพื่อนที่ดีไปทุกชาตินั่นเองครับ
ถ้าสงสัยอะไรเพิ่มเติมก็สามารถ เมลล์ มาได้ที่ [email protected] ครับ อนุโมทนาบุญครับ (บุญจาการสนทนาธรรม)
#5
โพสต์เมื่อ 26 December 2005 - 04:16 PM
เหมือนกับ "หวัดดี" กับ "สวัสดี" นั่นแหละครับ
"มหาวิทยาลัย" กลายเป็น "มหาลัย" นั่นแหละครับ จริงๆ "มหาลัย" นี่ยังพอฟังไหว แต่บางที เพี้ยนไป เป็น "หมาลัย" เลยนี่ ทำใจยากเหมือนกัน
"มหาวิทยาลัย" กลายเป็น "มหาลัย" นั่นแหละครับ จริงๆ "มหาลัย" นี่ยังพอฟังไหว แต่บางที เพี้ยนไป เป็น "หมาลัย" เลยนี่ ทำใจยากเหมือนกัน
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#6
โพสต์เมื่อ 26 December 2005 - 05:34 PM
คำถามดีจังครับ....ปกติผมก็ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าโมทนา กับอนุโมทนามันต่างกันยังงัย
ถือเป็นคำถามที่ดีมากครับ
ถ้าถอดความหมายของภาษาไทย อนุโมทนามาจากคำ 2 คำครับ คือคำว่า อนุ + โมทนา
แปลตรงตัวตามพจนานุกรม
อนุ แปลว่า เล็กๆ เช่น อนุชา(น้อง),อนุชาต(เกิดมาไม่ดีกว่าหรือเลวกว่าพ่อแม่)
โมทนา แปลว่า บันเทิง,ยินดี,พลอยยินดี
รวมความหมาย อนุโมทนา จึงหมายถึง การเริ่มยินดี,การยินดีเล็กๆ
เมื่อยินดีหนักเข้าพ้นความเล็กๆๆ อนุจึงหายไปครับ กลายเป็น โมทนา คือ ยินดีจังเลย,ยินดีมากกว่าตอนแรก
แถมเพิ่มครับ ถ้ายินดีสุดๆๆ น่าใช้คำว่า มหาโมทนา อภิมหาโมทนาบุญครับทุกๆๆ ท่านสาธุ
ถือเป็นคำถามที่ดีมากครับ
ถ้าถอดความหมายของภาษาไทย อนุโมทนามาจากคำ 2 คำครับ คือคำว่า อนุ + โมทนา
แปลตรงตัวตามพจนานุกรม
อนุ แปลว่า เล็กๆ เช่น อนุชา(น้อง),อนุชาต(เกิดมาไม่ดีกว่าหรือเลวกว่าพ่อแม่)
โมทนา แปลว่า บันเทิง,ยินดี,พลอยยินดี
รวมความหมาย อนุโมทนา จึงหมายถึง การเริ่มยินดี,การยินดีเล็กๆ
เมื่อยินดีหนักเข้าพ้นความเล็กๆๆ อนุจึงหายไปครับ กลายเป็น โมทนา คือ ยินดีจังเลย,ยินดีมากกว่าตอนแรก
แถมเพิ่มครับ ถ้ายินดีสุดๆๆ น่าใช้คำว่า มหาโมทนา อภิมหาโมทนาบุญครับทุกๆๆ ท่านสาธุ
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#7
โพสต์เมื่อ 26 December 2005 - 06:35 PM
เพิ่มเติมค่ะ
อนุ แปลว่า น้อย / ภายหลัง / ตาม
โมทนา แปลว่า ยินดี
อนุโมทนา แปลว่า ตามยินดี
อนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่เข้ามาให้ความรู้นะคะ
สาธุ แปลว่า ดีล่ะ
อนุ แปลว่า น้อย / ภายหลัง / ตาม
โมทนา แปลว่า ยินดี
อนุโมทนา แปลว่า ตามยินดี
อนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่เข้ามาให้ความรู้นะคะ
สาธุ แปลว่า ดีล่ะ
#8
โพสต์เมื่อ 26 December 2005 - 06:52 PM
ครับ ขอบคุณทุกท่านนะครับ อภิมหาโมทนาบุญครับ
ยิ้มแล้วรวย อ่านกระทู้อยู่ก็ยิ้มได้ครับ
#9 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 28 December 2005 - 01:34 PM
ตอบว่า"สาาาาาาาธุ"
ถ้าเป็นคนมักคุ้นก็"ให้หมดเลย"เขามักจะยิ้มให้เรา
บุญเป็นธาตุบริสุทธิ์ที่ทับทวีได้ ไม่หมดหรอก สำคัญคือ"อย่าลืมทำใจให้ตั้งจรดศูนย์"ไว้นะ
ถ้าเป็นคนมักคุ้นก็"ให้หมดเลย"เขามักจะยิ้มให้เรา
บุญเป็นธาตุบริสุทธิ์ที่ทับทวีได้ ไม่หมดหรอก สำคัญคือ"อย่าลืมทำใจให้ตั้งจรดศูนย์"ไว้นะ
#10 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 28 December 2005 - 01:57 PM
ขอบคุณสำหรับคำอธิบายของคุณปาลินารีด้วย ที่แปลความหมายคำว่า อนุโมทนาบุญ ว่า การตามยินดี(ในบุญที่คุณได้ทำไปแล้วนั้น แม้จะเล็กน้อยเพียงใด ก็เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีนั้นด้วย) รู้สึกว่าความหมายยกใจดีครับ เพราะถ้าแปลว่า การยินดีเล็กๆ รู้สึกว่าใจเราเองก็ไม่ค่อยสูงขึ้น และผู้ฟังก็คงใจเหี่ยวไปนิดนึงเหมือนกัน (ถ้ารู้ว่าเราคิดอย่างนั้น)
#11
โพสต์เมื่อ 05 February 2007 - 05:11 PM
กราบอนุโมทนาบุญครับ สาธุ