รบกวนเรียนถามจนท.เกี่ยวกับเบาะที่มีชื่อจองไว้
#1
โพสต์เมื่อ 13 October 2007 - 11:49 PM
1.ถ้าจะจองที่นั่งหน้าๆอย่างนั้นต้องมาจองตั้งแต่กี่โมงคะ หรือต้องมาจองตั้งแต่วันไหนคะ?
2.หรือการจองต้องให้เจ้าหน้าที่จองให้รึเปล่าคะ?
3.ถ้าหากจะขอเสนอว่า ให้ผู้ที่มาแต่เช้าได้เลือกที่นั่งก่อนตามลำดับ เพราะผู้ที่มีคนจองไว้ให้อาจไม่มาอย่างที่เห็นกันอยู่ทุกอาทิตย์ ถ้าเสนออย่างนี้จะมีทางเป็นไปได้ไหมคะ?
ปกติจะพยายามเคลียร์งานเพื่อให้ได้ไปวัดทุกวันอาทิตย์พร้อมครอบครัวแม่กับพี่สาว ซึ่งวันไหนได้ไปจะมีความสุขมากๆค่ะ และไหนๆก็ตั้งใจไปวัดได้โอกาสไปวัดทั้งทีแล้ว ถ้าเป็นไปได้ก็อยากนั่งสมาธิโดยได้เห็นหลวงพ่อใกล้ๆน่ะค่ะ อยากเห็นใกล้ๆเพราะจะได้หลับตาเห็น ลืมตาเห็นกันเลยทีเดียว ก็เลยอยากนั่งหน้า อย่างไรก็รบกวนเจ้าหน้าที่แนะนำด้วยนะคะ ขอบพระคุณมากค่ะ _/l\_
#2
โพสต์เมื่อ 14 October 2007 - 08:00 AM
#3
โพสต์เมื่อ 14 October 2007 - 09:04 AM
ผมว่ายิ่งไกล้หลวงพ่อเท่าใดก็ยิ่งเย็นกายเย็นใจ สงบกว่านั่งท้ายศาลานู่น หรือใครเห็นว่าอย่างอื่นครับ
ถ้าใครเคยเข้าไปกราบพระเดชพระคุณหลวงพ่อ หรือพระเถระผู้ใหญ่ จะรู้ว่ายิ่งไกล้ท่านนั้นก็ยิ่งต้องสำรวมกายวาจาใจ สำผัสถึงความบริสุทธิได้ นี่เป็นเรื่องจริงทีเดียว หลายคนอาจบอกว่าไม่สำคัญว่านั่งตรงไหน แต่ความเป็นจริงในใจของทุกๆคนที่มาวัดอยากนั่งไกล้หลวงพ่อกันอยู่แล้วทุกคน ไม่เชื่อลองถามใจตัวเองได้
ถ้าเป็นไปได้ ภาพทุกคนที่มาปฏิบัติธรรมถ้าจะให้สวยงาม ก็ต้องจัดให้สาธุชนมานั่งหน้าๆกันให้เต็ม ให้เป็นระเบียบเรียบร้อยจะงดงามมาก แต่ทีนี้ คนที่มาจองที่เอาไว้ แต่มีเหตุจำเป็น มีวาระเร่งด่วนอาจจะทำให้มานั่งยังที่ๆตนเองจองไว้ไม่ทัน ก็ควรแจ้งไปยังผู้ที่ทำการจองให้ ให้ยกเลิกการจองนั้นเสียก่อนที่พิธีจะเริ่ม หรือถ้ามาจองเอง ก็ควรมาเอาชื่อออกด้วยตนเอง ถือเป็นการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และเปิดโอกาศให้ผู้อื่นด้วย
ถ้านั่งตรงไหนไม่สำคัญ และจะมาจองกันทำไมเนอะ
#4
โพสต์เมื่อ 14 October 2007 - 10:21 AM
อีกอย่างหนึ่ง ถ้าเรามีหลวงพ่ออยู่ในใจเราแล้ว ถึงอยู่ไกลแค่ใหนก็เหมือนใกล้แหละครับ
เกิดมาก็เป็นทุกข์อยู่แล้ว ยังจะหาทุกข์มาใส่ตัวอีกทำไมละครับ
#5
โพสต์เมื่อ 14 October 2007 - 10:22 AM
ดังนั้นได้นั่งตรงไหนก็อย่าคิดมากเลยค่ะ นั่งไกลแต่ใจสงบ ดีกว่านั่งใกล้แต่ใจฟุ้งซ่านนะคะ (ถึงนั่งใกล้ ใจสงบจะดีที่สุดก็เถอะ ")
#6
โพสต์เมื่อ 14 October 2007 - 10:51 AM
แม้นห่าง เข้ากลาง เหมือนใกล้
ใกล้พ่อ ใจห่าง กลางไป
เหมือนไกล พ่อลับ ลิบตา
Someday I'm gonna be free.
#7
โพสต์เมื่อ 14 October 2007 - 10:54 AM
#8
โพสต์เมื่อ 14 October 2007 - 05:10 PM
แม้นห่าง เข้ากลาง เหมือนใกล้
ใกล้พ่อ ใจห่าง กลางไป
เหมือนไกล พ่อลับ ลิบตา
เวลาทำอะไรพลาด อย่าคิดนำไปก่อน เพราะมารจะเข้าแทรกผัง ให้เราคิดได้เป็นเรื่องเป็นราวทันที ยิ่งคิด ยิ่งมีผลเสียแก่ตัวเราเอง ถ้าคิดอย่างนี้แล้วใจจะตก มารจะแทรกผังสำเร็จใส่ทันที ทำให้เรื่องที่ยังไม่มีอะไร กลับกลายเป็นเรื่องร้ายทันที ยิ่งคิดจะยิ่งเสีย ฉะนั้น เมื่อเกิดเรื่อง ให้เราทำใจหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกายอย่างเดียว (ขุมทรัพย์จากคุณยาย)
#9
โพสต์เมื่อ 14 October 2007 - 08:08 PM
ไม่ได้แต่งเองหรอกครับ อย่างผมเนี่ยไม่มีความสามารถเรื่องการแต่งกลอนครับ
ผมจำมาจาก "สุนทรพ่อ" ที่เคยอ่านน่ะครับ
Someday I'm gonna be free.
#10
โพสต์เมื่อ 14 October 2007 - 08:55 PM
#11
โพสต์เมื่อ 14 October 2007 - 10:19 PM
ห้องน้ำห้องท่าก็เหมือนกัน โดยเฉพาะห้องน้ำหญิง วัดเราเวลาเข้าคิวเนี่ย จองคิวหน้าห้องไหนห้องนั้น ห้องใครห้องมัน ใครเจอห้องที่ถ่ายหนัก ก็ซวยไป เพราะต้องยืนอั้นไว้แบบนั้น ครึ่งชม.ผ่านไป ก็ไม่ได้เข้า แต่เห็นห้องอื่น เดินเข้าเดินออก คนมาทีหลังได้เข้าก่อน ถ้าเราเข้าไปแทรกกลับถูกด่า หาว่า อ้าว เธอรอห้องนั้นไม่ใช่เหรอ มาแซงคิวฉันได้ไง เฮ้อ ทั้งที่เรามายืนนานตั้งสามสิบนาทีแล้วเนี่ยนะ ใครจะไปรู้ว่าห้องไหนจะถ่ายหนัก ถ่ายเบา เข้าช้าเข้าเร็ว
เบื่อๆ
เมื่อไรวัดเราจะดูแบบต่างประเทศเขา หรือตามในห้างที่จัดระบบคิวดีๆ ที่ฉลาดๆ เหมือนที่อื่นๆ กันมั่ง เขาจะบังคับให้เข้าแถวแค่แถวเดียว ทุกคนมาถึงมีสิทธิ์ได้เข้าห้องน้ำเท่ากันหมด ยืนรอเท่ากันหมด ไม่ว่าห้องไหนออก คุณก็จะได้เข้า ไม่ใช่มาถึงเดินจ่อเข้าคิวห้องใครห้องมัน ไอ้คนรอ ก็รอไปเหอะ
ขอบ่นหน่อยนะคะ อย่าถือสาเลย โหสิๆ แต่ก็จะรอดูนะคะ หวังว่าคงจะมีวิวัฒนาการไปในทางที่ดีขึ้นกว่านี้
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#12
โพสต์เมื่อ 14 October 2007 - 10:36 PM
ทุกอย่างอยู่ที่ใจ ทำใจใสใสกันดีกว่านะ เอาแต่บุญใสใส
#13
โพสต์เมื่อ 14 October 2007 - 10:48 PM
#14
โพสต์เมื่อ 14 October 2007 - 11:59 PM
แม้นห่าง เข้ากลางเหมือนใกล้....
เป็นกำลังใจ สำหรับลูกที่อยู่ไกล
ทางต่างจังหวัด และลูกๆต่างประเทศทั่วโลกได้ดีที่สุดเลยค่ะ
จะท่องจำไว้ จะได้เข้ากลางบ่อยๆ
จะได้อยู่ใกล้หลวงพ่อ และพบท่านที่กลางกาย
#15
โพสต์เมื่อ 15 October 2007 - 06:46 AM
แต่ก็เห็นด้วยกับคุณฟ้าร้างว่า เมื่อเราจะเป็นวัดระดับโลก ก็ต้องมีระเบียบระดับโลกด้วย
#16
โพสต์เมื่อ 15 October 2007 - 09:36 AM
อีกอย่างเจ้าหน้าที่ก็ต้องเอาใจพวกเจ้าภาพใหญ่ ๆ ก่อนเสมอ แต่ก็ใช้ว่าเขาจะจองเต็มพื้นที่เลยนี้ครับ (พูดแบบไม่ได้ไปดูนานแล้ว เพราะทุกวันนี้หลังเกือบท้ายสภา เพราะลุกนั่งสะดวกจะได้ไม่รบกวนใครมาก)
ฉะนั้นปรับปรุงใครไม่ได้ ขอให้ปรับปรงใจเราเท่านั้นพอ
#17
โพสต์เมื่อ 15 October 2007 - 01:11 PM
#18
โพสต์เมื่อ 15 October 2007 - 02:41 PM
แสดงให้เห็นว่า สิ่งสำคัญที่สุด คือ
ใจผูกพัน น้อมนำคำสั่งคำสอนท่าน มาประพฤติปฏิบัติ ให้เกิด ปฏิเวธ
ไม่ใช่ระยะทาง ระยะห่าง ความใกล้ ความไกล แต่อย่างใดครับ
คือ เราต้องคุ้มครองใจเราเอง รักษาใจเราให้ใส ไม่กระเพื่อม อยู่เสมอ
ไม่ควรสูญเสียความสงบ ของใจ ด้วยเหตุเพียงเรื่อง ที่นั่งไม่ได้ดังใจ หรือ ไกลศูนย์กลางพิธี
เท่าที่พอทราบ ก็เห็นว่า
เจ้าภาพ ส่วนใหญ่ที่นั่งด้านหน้าประจำ ก็รักษาเวลา มาถึงกันก่อนเวลาปฏิบัติธรรมกันอยู่แล้ว
ก็มีบ้างที่บางท่าน/หลายท่าน ฝากจนท. จองที่นั่งไว้ แล้วติดขัดมาไม่ได้
ก็มี จนท.มาเก็บอาสนะหรือดึงป้ายจองออก เพียงแต่อาจมาเก็บช้า ใกล้เวลาปฏิบัติธรรม จึงดูไม่งามไปบ้าง
ที่จริง ถ้าแต่ละท่านพัฒนาสำนึกดี ตามหน้าที่ของตน ทุกอย่างก็ดีตามมาเองครับ
เช่น
เจ้าภาพที่จองหรือฝาก จนท.จองไว้ ก็ควรบริหารเวลา มาก่อนเวลาปฏิบัติธรรม อย่างน้อย 15 นาที
เพราะการเดินทาง ควรต้องมานั่งปรับร่างกาย เตรียมใจ ให้พร้อม
ไม่งั้นอาจต้องมานั่งหอบสักพัก และยังต้องใช้เวลาปรับใจ เข้าอู่แห่งกุศล อีกด้วย
และหากติดขัดมาไม่ได้ ก็ควรติดต่อแจ้ง จนท. จองที่นั่ง
ให้มาเก็บอาสนะ/ดึงป้ายจอง ก่อนเวลาปฏิบัติธรรม อย่างน้อย 30 นาที
เพื่อเปิดโอกาสให้ สาธุชนท่านอื่น เข่ามานั่งแทน
#19
โพสต์เมื่อ 15 October 2007 - 03:29 PM
เจ้าภาพบางท่าน คุ้นเคยกับวัฒนธรรมการต้อนรับ vip ของทางโลก ที่จนท.ต้องบริการ vip สุด ๆ
แต่ในทางธรรมนั้น ผมมองว่า จนท. รักษาศีล ๘ เป็นปกติ ส่วนเจ้าภาพล่ะ ?
ยังไม่พูดถึง คุณธรรมและสภาวะธรรมภายใน นะครับ
ดังนั้น หากใครดูเบา เรื่อง ศีล เรื่องคุณธรรม แล้วพลั้งเผลอ ไปใช้ บุคคลที่มีศีลและคุณธรรม สูงกว่าตน
ก็อาจมีวิบากติดตัวได้นะครับ
เรื่องแบบนี้มีมาแล้วเหมือนกันนะครับ เช่น
ภิกษุณี รูปหนึ่ง เป็นปุถุชน ไปใช้งาน ภิกษุณีที่เป็นอริยบุคคล
ซึ่งภิกษุณีที่เป็นอริยะแล้ว ทราบด้วยญาณทัสสนะว่า หาก ตนไม่ทำตามที่ภิกษุณี ปุถุชน
เดี๋ยวเธอจะโกรธ แล้วว่าร้าย ส่อเสียด เธอผู้เป็นอริยะ แล้ว บาปกรรมหล่อนจะยิ่งหนักหนาสาหัส
จึงยอมทำตามคำสั่ง การใช้งานนั้น ๆ
ซึ่งก็ทำให้ภิกษุณี ปุถุชน พอใจ จึงไม่โกรธและไม่กล่าว ว่าร้ายอะไร ภิกษุณีที่เป็นอริยบุคคล
แต่ด้วยวิบากแห่งกรรม ที่ใช้งานผู้ที่มีคุณธรรม คุณวิเศษสูงกว่าตน ด้วยจิตทำนองยกตนข่มท่าน
แม้จะเป็นภิกษุณี รักษาศีล เท่ากัน แต่คุณธรรมภายใน ไม่เท่ากัน
ก็ยังทำให้ภพชาติต่อมาของ ภิกษุณี ปุถุชน เกิดมา ต้องทำงานรับใช้ ( เป็นทาส เป็นบ่าวคอยรับใช้คนอื่น )
โดยส่วนตัวผมคิดว่า
หากสาธุชน ทำความเข้าใจถูก ว่า
งานบุญทุกครั้ง การจัดเตรียมสถานที่ การทำงาน การบริการ อำนวยความสะดวกต่าง ๆ นั้น
เกิดจากความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจของ ภิกษุ สงฆ์ ที่รักษาศีล ๒๒๗ สามเณร รักษาศีล ๑0
อุบาสก อุบาสิกา เจ้าหน้าที่วัด ศีล ๘ กันเป็นปกติ
และเมื่อสาธุชนกลับไปบ้านแล้ว ผู้มีศีล มีธรรมเหล่านี้ ยังต้องมาเก็บงาน เก็บอุปกรณ์ ทำความสะอาด ฯล
ดังนั้น
1 ) สาธุชน ก็ควรใช้บุญสถานให้เกิดคุณประโยชน์อย่างเต็มที่ ให้คุ้มกับการเตรียมงาน เก็บงาน ของท่านเหล่านี้
กฎ ระเบียบ วินัย อะไร ที่ต้องมีเพื่อป้องกันการกระทบกระทั่ง เพื่อความเป็นระเบียบ สะอาด สงบสง่างาม
เป็นไปเพื่อความเลื่อมใส ในบุคคลที่ไม่เลื่อมใส / บุคคลที่เลื่อมใสแล้ว ก็เลื่อมใสยิ่งขึ้น
เช่น
การแสดงความเคารพภิกษุ สามเณร ให้เหมาะสม / การให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ใน เรื่องต่าง ๆ
การสวมชุดขาว ๆ / การปิดโทรศัพท์ขณะเวลาปฏิบัติธรรม / การนั่งเป็นแถว การเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบ ฯล
2 ) เจ้าภาพผู้มีเกียรติ ที่ได้รับการอำนวยความสะดวก จากผู้มีศีล มีธรรม ก็ไม่ควรใช้งานเกินสมควร เช่น
ไม่นำบุตร หลาน มาเป็นภาระให้ อุบาสิกาเป็นพี่เลี้ยงเด็ก เล่นกับเด็ก
หรือขอให้ ผู้ประพฤติพรหมจรรย์เหล่านี้ ไปซื้อของ จัดของ จัดวางอาสนะ ยกของอย่างนั้นอย่างนี้เกินไป
จะได้ไม่พลาด มีวิบากกรรม เพราะใช้งานผู้ประพฤติพรหมจรรย์ ผู้มีศีล มีคุณธรรม มากกว่าตนเอง
แม้นเตือน ก็เตือนเพียง กลเยี่ยงวิธีสหาย
บ่ มีมุ่งประสงค์ร้าย บ่ มีหมายประจานใคร.
ด้วยความปรารถนาดีครับ
ไฟล์แนบ
#20
โพสต์เมื่อ 15 October 2007 - 06:33 PM
การมาวัดจะให้ได้ดังใจเป็นไปไม่ได้ค่ะ เพราะมาจากหลาย ๆ ครอบครัว แล้วหลาย ๆ ครอบครัว ก็มีการอบรม กันมาไม่เหมือนกัน
การมาวัดแต่ละครั้งให้มาเอาบุญ รักษาใจใส ใส ไว้ให้ได้ตลอดทั้งวัน
มีอะไรอภัยได้ก็ให้อภัยน้อง ๆ อาสาสมัครเค้าด้วยเถอะค่ะน้อง ๆ เค้าก็มาเอาบุญใหญ่เหมือนกัน เค้าก็เสียสละ
เวลามาเตรียมงาน บางหน่วยงานค้างวันกันตั้งแต่วันศุกร์ นอนก็ดึก (ดิฉันเคยทำ) เค้าทำตามคำสั่งที่ได้รับมา
ไกลพ่อ ใจเราเข้ากลาง
แม้นห่าง เข้ากลางเหมือนใกล้....
#21
โพสต์เมื่อ 15 October 2007 - 07:08 PM
#22
โพสต์เมื่อ 15 October 2007 - 08:51 PM
เพราะปกติ ตัวฟ้าร้างเองก็นั่งด้านหลังอยู่แล้ว เพราะคิดว่า ตัวเองทำใจใสตามเสียงหลวงพ่อได้ แล้วก็นั่งได้ดีเช่นเดียวกับนั่งด้านหน้า
เพียงแต่ว่าวันที่ 10 ที่ผ่านมา ได้นัดน้องที่มาจากต่างจังหวัด แล้วเขาอยากนั่งหน้าใกล้หลวงพ่อนานๆ จะได้มาวัดที แต่มาโดนไล่ที่น่ะค่ะ สุดท้าย คนที่ไล่ที่ ก็ไม่มานั่ง ปล่อยให้ว่างซะอย่างนั้น ทำให้เราเหมือนหน้าแตก ทำให้ฟ้าร้างเกิดความรู้สึกแบบว่ามาแย่งที่ที่เขามีเจ้าของ (ทั้งที่ไม่ได้แปะชื่อ) มันเลยเกิดข้อกังขา ว่า เลิกระบบจองไปเลยดีกว่า นะ ใครมาก่อน ก็นั่งก่อน ใครมาช้า ก็ไปนั่งข้างหลัง จบ ไม่ต้องมาจัดระเบียบ รีบเอาอาสาสมัครมากลบๆ พื้นที่ที่มีซาแลนสีเขียวตอนที่หลวงพ่อมาถึงแล้ว ยังวิ่งจัดที่นั่งกันอยู่เลยค่ะ รู้สึกเป็นภาพที่เหมือนผักชีโรยหน้า ไม่จริงจังจริงใจต่อภาพที่จะปรากฎบนจอ DMC
ถ้าแก้ไขจุดนี้ได้ วัดเราก็จะไม่ถูกตำหนิ หาว่า แบ่งแยกชนชั้นอย่างที่ใครๆ เขาว่ากัน โดยเฉพาะคนใหม่ๆ ที่ไม่คุ้นชินระบบน่ะค่ะ
แต่เรื่องห้องน้ำเนี่ย อยากขอให้เป็นคิวเดียวมากๆ มันคงจะดีมากเลยค่ะ
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#23
โพสต์เมื่อ 15 October 2007 - 09:49 PM
#24
โพสต์เมื่อ 16 October 2007 - 09:16 AM
ผมไงๆก็ได้ตรงไหนก็ได้ แต่เคยไปนั่งด้านหน้าไม่เห็นมีใครมาไล่
ด้านหน้าไงก็มีที่ เลือกที่มันไม่กลางเวอร์ไปซิครับ อันนั้นมีที่ชัวร์...
#25
โพสต์เมื่อ 16 October 2007 - 01:50 PM
อันนี้ผมไม่ได้หมายถึงว่าหลวงพ่อท่านจะแบ่งเขาแบ่งเราแบ่งคนรวยคนจนนะครับ แต่อยากจะลองให้ทุกท่านคิดดูว่า หากตัวทุกท่านเองมีคนมาช่วยเหลือแบบถวายชีวิตเป็นเดิมพัน ทุกท่านจะจัดให้คนที่มาช่วยเหลือท่านเหล่านั้นอยู่ในโซนไหน จริงไหมครับ ถ้าทุกท่านคิดอย่างที่ผมคิด ก็คงเข้าใจถึงความคิดของเจ้าหน้าที่วัดทุกคนด้วยใช่ไหมครับ ที่จริงเจ้าหน้าที่วัดก็อยากให้ทุกคนได้ใกล้ชิดหลวงพ่อทั้งนั้น แต่พวกเขาก็ต้องตัดใจ ให้เกียรติ์แก่ท่านเหล่านั้นก่อนเพราะเป็นผู้ที่ช่วยงานหลวงพ่อได้มากที่สุดจริงไหมครับ
แรกๆตัวผมเองก็คิดแบบเจ้าของกระทู้ แต่เมื่อได้มีโอกาสเข้าไปสัมผัสโซนใกล้หลวงพ่อ ถึงได้รู้ว่าตัวผมเองเทียบกับบุคคลที่นั่งในโซนนั้นไม่ได้เลยแม้แต่น้อย อยากให้ทุกท่านที่คิดแบบเจ้าของกระทู้ลองทดสอบดูแบบผมก็ได้ครับ ทุกอาทิตย์ลองเดินผ่านโซนนั้นดู แล้วจะเป็นแต่คนหน้าเดิมทั้งนั้น และทุกท่านจะทราบเหมือนอย่างผมว่าทำไมเหล่าเจ้าหน้าที่ถึงต้องจัดโซนนั้นไว้เฉพาะบุคคล และสุดท้ายทุกท่านจะทราบว่า ตัวเราเทียบกับบุคคลในโซนนั้นไม่ได้เลยจริงๆครับ
อันนี้เป็นความคิดเกี่ยวกับตัวผมเองนะครับ ตั้งแต่ผมได้สัมผัสโซนนั้น ผมบอกได้เลยอ่าครับ ว่าตัวผมบุญไม่ถึงพอที่จะเทียบเท่าหรือได้เข้าไปอยู่ในโซนนั้น ผมจะมีโอกาสได้เข้าไปนั่งในโซนนั้นได้ คือผมต้องอาศัยบารมีของเจ้านายผมอย่างเดียว หากเจ้านายผมไม่ชวนผมเข้าไป ตัวผมเองก็ไม่กล้าเข้าหรอกครับ เหมือนกับเขามีบารมีระดับอยู่บนชั้นดุสิต แต่ผมได้อยู่แค่จาตุมเท่านั้น จะเข้าไปอยู่บนชั้นดุสิตบุญบารมีก็ไม่ถึงได้แต่ต้องรอคอยให้เจ้านายบนชั้นนั้นเรียกหาถึงจะเข้าไปได้อ่าครับ - -"
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#26
โพสต์เมื่อ 16 October 2007 - 04:48 PM
จากที่คุณฟ้าร้างบอกมา ดิฉันเห็นด้วยค่ะ
เพราะเดี๋ยวนี้ตามห้างสรรพสินค้าหลายแห่งทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดก็เปลี่ยนมาเป็นคิวแบบแถวเดียวกันทั้งนั้น (ตามแบบเมืองนอกที่เขาเข้ากันแถวเดียวมานานแล้ว) จะได้เป็นธรรมแก่ทุกคน
(ส่วนกรณีพิเศษที่จะขอเพื่อนร่วมคิวเข้าทำธุระก่อนเพราะท้องเสีย นั้นก็ค่อยว่ากันอีกทีนึงค่ะ)
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ส่วนเรื่องเบาะด้านหน้าสเตกนี่คิดว่าคงจองกันจนชิน แล้วบางคราวก็ลืมๆไป ว่าควรจะรีบมาตามเวลา หรืออาจไม่ได้มา
การเอาอกเอาใจกันก็ดีค่ะ แต่ควรมองภาพรวมด้วย การจะนั่งตรงไหนก็ไม่ต่างกัน ถ้าใจหยุดได้เหมือนกัน
แต่ถ้านั่งด้านหน้าควรแต่งกายให้เนี๊ยบและนั่งท่าทางให้สง่า เพราะออกกล้องไปทั่วโลก จะได้เป็นต้นแบบค่ะ
#27
โพสต์เมื่อ 16 October 2007 - 07:00 PM
การหา ที่นั่ง ในสภาธรรมกายสากล ไม่ใช่เรื่องง่าย
บางคนใกล้ตายยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร...
เพราะติดอยู่กับความหลง หรือติดอยู่กับกระแส อะไรก็ตาม
ไม่มีหรอกที่ตัวเราจะไม่เครียด หรือไม่มีความทุกข์ หรือไม่หงุดหงิด
อยู่ที่ว่าแก้ไขให้ดีขึ้นได้ไหม ถึงจะไม่ได้ทั้งหมด
แต่ก็อย่าเลวลงก็เท่านั้นเอง นั่นคือการหาที่นั่งที่เหมาะสม ในสภาธรรมกายสากล...
......................................................................................
เช้าวันนี้พลอยช่วยแม่หิ้วตะกร้าใส่ของตักบาตรไปวัด...ไปนั่งกินข้าวที่ร้านค้าซึ่งวัดจัดบริเวณไว้ให้ บรรยากาศที่ไม่เร่งรีบชวนให้สบายใจ กินเสร็จก็เดินไปในสวน นั่งที่ศาลาริมสระ ต้นไม้ใหญ่ครึ้มใบสวยทอดเงาลงในสระ เป็นที่ร่มรื่นชื่นใจเสียงนำสวดมนต์เริ่มเมื่อเวลา 9 โมง สวดบททำวัตรเช้า ไปจนถึง 9 โมงครึ่ง พระสงฆ์จำนวนมากเริ่มเดินแถวมาประจำที่ เพื่อนั่งฟังเทศน์ร่วมกับญาติโยม เห็นจีวรเหลืองอร่ามเป็นแนววงรอบลานดูน่าประทับใจ พระเริ่มเทศน์เวลา 9 โมงครึ่ง ผ่านลำโพงไปยังทุกจุดของวัด แล้วแต่ใครจะชอบนั่งในบรรยากาศไหน
แม่นั่งฟังพระเทศน์อย่างสงบ ใบหน้าแช่มชื่นเบิกบานพลอยเองก็รู้สึกสงบกับบรรยากาศดี ๆ เช่นนี้เหมือนกัน
แต่แล้วก็มีหญิงวัยกลางคน 3 คน เข้ามานั่งในศาลาด้วย มีข้าวของพอสมควรเตรียมมาถวายพระ มาถึงก็นั่งลงตั้งวงแล้วคุยแข่งกับเสียงพระเทศน์
แม่พยักหน้าเรียกพลอย แล้วนำเดินไปหาที่นั่งใหม่โดยไม่พูดอะไรเลย ฟังพระเทศน์จนจบ แล้วแม่จึงพูดกับพลอย
"พลอย มาวัดให้ได้บุญนะลูก เป็นสถานที่ควรสำรวมกาย วาจา ใจ ไม่รบกวนการฟังธรรมของคนอื่น เราเองก็ควรได้ฟังธรรมด้วย การรบกวนการฟังธรรมนั้นเป็นบาป ต่อไปจะมีคนมากั้นทางบุญของเราเหมือนกัน เรื่องคุยกันคุยที่บ้านก็ได้ หรืออย่างน้อย ก็นอกเวลาเทศน์ อาทิตย์หนึ่งพระเทศน์ชั่วโมงเดียวเท่านั้น ควรรู้ค่าของชั่วโมงนี้"
พลอยจัดเตรียมของในตะกร้าให้แม่จบอธิษฐาน แล้วพากันเดินไปที่ลานหินโค้งเพื่อตักบาตร เมื่อตักบาตรเสร็จแล้วก็พากันกลับลงมานั่งเก้าอี้ข้าง ๆ ลาน เพื่อรอกล่าวคำถวายพร้อม ๆ กันทั้งวัด
ขณะที่นั่งรอ หญิงสาวคนหนึ่งรูปร่างงดงาม ทรวดทรงองค์เอว เหมือนหุ่นโชว์เสื้อนั่นเทียว สวมเสื้อยืดรัดรูป แขนกุดอวดผิวขาวนวลสวย เสื้อเอวลอยเผยให้เห็นผิวเนียนเหนือขอบกางเกงรำไร แม่สะกิดพลอยให้มองตาม
"พระหนุ่มเพิ่งเริ่มศึกษา เป็นเพียงปุถุชนสมมติสงฆ์นะลูกจะไปหวังให้ท่านสำรวมจิตแต่ฝ่ายเดียวไม่ได้ เราควรแต่งตัวสุภาพมิดชิด เพื่อส่งเสริมการสำรวมของพระให้เป็นไปด้วยดี จึงจะเป็นบุญแก่เรานะลูก"
พลอยยิ้ม เข้าใจในสิ่งที่แม่สอน แม่เอ่ยต่อว่า
"ขนาดคุณยายของลูก ท่านแก่แล้ว เวลาไปวัดท่านยังพันสไบขาวทับเสื้ออีก ท่านบอกว่าบางที แม้แต่กิริยาของเรา ยังอาจไปคล้ายกับใครสักคน ที่ทำให้พระหวนระลึกถึงโยมได้ สไบทำให้เราแตกต่างได้ ช่วยพระให้ไม่ต้องวอกแวกไป เวลากราบพระ ท่านก็ใช้ชายสไบปูแล้วกราบด้วย ได้ประโยชน์อีก"
มัคนายกเริ่มนำสวดถวายทาน พระให้ศีลและรับทานแล้วกล่าวอนุโมทนา แม่ประนมมือกล่าวคำกรวดน้ำในใจ อุทิศส่วนกุศลให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย
พลอยมองดูแม่ด้วยความสุขใจ แม่มีศรัทธารักษาบุญและทั้งยังรักษาใจไม่ให้ถูกกระทบได้ตลอดเวลา ทำให้เช้าของแม่เป็นเช้าที่มีแต่สิ่งดีงาม แม่มองสบตาพลอยแล้วยิ้ม
"มาวัดทั้งทีให้ได้บุญนะลูก".
.......................................................................
ที่มาข้อมูล: ขวัญ เพียงหทัย
ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม
#28
โพสต์เมื่อ 20 October 2007 - 01:16 AM
#29
โพสต์เมื่อ 20 October 2007 - 01:21 AM
...บนทางเดินที่มีขวากหนาม ถ้าเธอคร้ามถอยไปฉันคงเก้อ
ฉันยังพร้อมช่วยเธอเสมอ เพียงตัวเธอไม่หนีไปเสียก่อน
มีดวงตะวันส่องเป็นแสงสีทองกระจ่างครรลองให้ใฝ่ปองและสร้างสรรค์
เมื่อดอกไม้แย้มบานให้คนหาญสู้ไม่หวั่น ... คือรางวัลแด่ความฝันอันยิ่งใหญ่ให้เธอ
#30
โพสต์เมื่อ 25 October 2007 - 05:10 PM
แม้ห่างเข้ากลางเหมือนใกล้
ใกล้พ่อใจห่างกลางไป
เหมือนไกลพ่อลับลิบตา"
เป็นบทกลอนจากลูกๆที่มาฝึกฝนอบรมตนเองเป็นผู้แต่ง
แต่ขอสงวนไม่บอกว่ากลุ่มใด
และพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ได้เคยตอบมาว่า
"ใจพ่อไม่เคยห่างไกล
อยู่ใกล้หรือไกลเหมือนใกล้
ลูกเอ๋ยอยู่กลางจำไว้
อยู่ไกลเหมือนใกล้พ่อเอย"
อนุโมทนาบุญกับทุกคนค่ะ