ทำไมต้องเป็นลูกแก้ว ทำไมไม่ทำวิปัสสนา
#1
โพสต์เมื่อ 07 November 2007 - 09:34 PM
#2
โพสต์เมื่อ 07 November 2007 - 10:59 PM
เบื้องต้นเราใช้ดวงแก้ว ซึ่งเป็นกสิณแสงสว่าง เพื่อรวมใจให้สงบ ขั้นตอนนี้เป็น สมถะ
เมื่อใจสงบนิ่ง ก็น้อม พิจารณา สังขาร ให้เห็นความไม่เทียง เป็นต้น ขั้นตอนนี้เป็นวิปัสสนา
การปฏิบัติธรรมในแนววิชชาธรรมกาย เราึฝึกกันในแบบ มีสมถะเป็นเบื้องต้น แล้วตามด้วยวิปัสสนาในภายหลังครับ
ถ้าคำตอบนี้ยังไม่เคลีย เดี๋ยวพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ชาว dmc จะมาช่วยตอบให้ชัดนะครับ
สาธุ ๆๆ
#3
โพสต์เมื่อ 08 November 2007 - 12:11 AM
สาธุ
#4
โพสต์เมื่อ 08 November 2007 - 05:42 AM
วิ = วิเศษ ปัสนา = การเห็น
วิปัสนา ต้องเห็นแจ้งด้วยธรรมจักขุ เป็น ภาวนามยปัญญา เป็นการเห็นอันวิเศษด้วยญาณของพระธรรมกาย
ไม่ใช่ใช้ ปัญญาของมนุษย์ ซึ่งเป็น จินตมยปัญญา ปัญญาจากการนึกคิด
การทำวิปัสนา ก็มีในอาคารภาวนาชั้นสูง ที่เรียกว่า อาคาร 60 ปี
ส่วนการเรียนทางธรรม ก็มีการเรียนพระอภิธรรม ที่ โรงเรียนพระปริยัติ
การเห็นอริยสัจจ์ คือ การเห็นอันประเสริฐ ไม่อาจเห็นด้วยตาเนื้อของมนุษย์
#5
โพสต์เมื่อ 08 November 2007 - 09:24 AM
อันที่จริง เพราะคนภายนอกที่ไม่ได้ศึกษาวิชชาธรรมกาย (ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลเพราะมีอคติกับวิชชาธรรมกายหรืออย่างไรก็ตาม) จะสงสัยและถูกบุคคลที่เรียกกันว่าฝึกวิปัสสนาพูดและย้ำเสมอว่าวิชชาธรรมกายเป็นเพียงแค่นิมิตและสมถะเท่านั้นไม่ใช้วิปัสสนา แต่หากพวกเราและคนที่ใคร่อยากจะรู้ว่าวิชชาธรรมกายเป็นสมถะหรือวิปัสสนาหรือเป็นทั้งสมถะและวิปัสสนาแนะนำให้หาหนังสือคำเทศนาของพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ เรื่องสมถะวิปัสสนา หากไปวัดพระธรรมกายไปหาอ่านได้ที่ประมาณเสา F7-8 ถ้าจำไม่ผิดครับ เพราะเขาให้อ่านได้ฟรีครับสามารถยืมกลับบ้านได้ หากได้อ่านแล้วทุกคนจะเข้าใจยิ่งขึ้นว่าฝึกวิชชาธรรมกายขั้นไหนคือสมถะ ขั้นไหนคือวิปัสสนาครับ
และที่บอกว่าทำไมต้องดวงแก้ว เพราะกสิณแสงสว่างเป็นวิธีที่ถูกจริตคือง่ายที่สุดกับทุก ๆ คน ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงปู่เลยประยุกตฺแทนที่จะมองแสงสว่างก็นึกถึงดวงแก้วสะจะได้ง่าย (แต่ในทางปฏิบัติเพราะดวงแก้วคือดวงธรรมที่เป็นของจริงที่เข้าถึงได้ครับ เพราะตอนที่พระเดชพระคุณหลวงปู่ฝึกสมาธิก็ไม่ได้นึกถึงดวงครับ ท่านแค่ภาวนาจนเห็นดวงสว่างครับ เมื่อท่านได้พบได้เห็น ท่านก็คิดวิธีการมาสอนครับ) หากผิดพลาดประการใด ขอให้ท้วงติงมาได้นะครับ น้อมรับเสมอ
และ ส่วนความเห็นของ eq072 ก็ถูกต้องนะครับ เพราะวิปัสสนาต้องเห็นและรู้แจ้งครับ
#6
โพสต์เมื่อ 08 November 2007 - 12:06 PM
หากเราได้ยินได้ฟังใครบอกว่า ไม่จำเป็นต้องสั่งสมบุญบารมีหรอก เจริญวิปัสสนาอย่างเดียวก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ได้แล้ว
หากมีใครพูดแบบนี้กับเรา ก็ให้ลองถามเขาไปสัก 2-3 ข้อว่า
1. คุณได้เจริญวิปัสสนาหรือเปล่า
หากเขาบอกว่า เปล่า เราก็ไม่ต้องถามต่อแล้วครับ แต่หากเขาบอกว่า เขาเจริญวิปัสสนาอยู่ ก็ให้ถามข้อต่อไปว่า
2. แล้วคุณหลุดพ้นแล้วหรือยัง หากเขาบอกว่า ยัง ก็ถามต่อไปว่า
3. คุณคิดว่า เป็นเพราะเหตุใด คุณเจริญวิปัสสนาแล้วจึงยังไม่หลุดพ้น เป็นเพราะต้องรอการฝึกฝนตนเองให้ถึงพร้อมใช่หรือไม่ นั่นแหละ คือการสั่งสมบุญบารมีไงล่ะ
#7
โพสต์เมื่อ 08 November 2007 - 04:37 PM
ทุกวันนี้ที่คนทั่วๆไปทำกันเล่นๆ เรียกว่า วิปัสสนึก
คือนึกๆเอาด้วยเซลล์สมอง นึกเสร็จก็กิเลสเท่าเดิม
#8
โพสต์เมื่อ 08 November 2007 - 08:00 PM
#9
โพสต์เมื่อ 09 November 2007 - 11:26 AM
- กรรมฐาน ในทางปริยัติแบ่งเป็น สมถะ และ วิปัสนา
- มองเผินๆ จขกท อาจเข้าใจว่า วัดนี้ สำนักนี้ เป็นสมถะ วัดโน้น เป็นวิปัสนา จึงดูราวกับว่าเป็นการแบ่งแยก
- แท้ที่จริงแล้ว ในทางปฏิบัติทั้งสองอย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน เพียงแต่จะมากหรือจะน้อยเท่านั้น วิปัสนาก็ต้องมีสมถะที่แน่นเป็นพื้นฐานจึงจะก้าวหน้า
- ดวงแก้ว ดวงตะวันยามเช้า-เย็น ดวงจันทร์วันเพ็ญ ล้วนเป็นอาโลกกสิณ เป็นหนึ่งในวิสุทธิมรรค ซึ่งทางวัดฯนำมาใช้เป็นกุศโลบายให้ใจหยุด ใจนิ่ง.....
#10
โพสต์เมื่อ 09 November 2007 - 06:12 PM
#11
โพสต์เมื่อ 09 November 2007 - 10:04 PM
แต่วิปัสนาอยู่ที่ปลายทางครับ ถามว่า ทำไมต้องใช้ลูกแก้ว คำตอบก็คือ ต้องใช้ลูกแก้วครับเพราะลูกแก้วเป็นการฝึกฝนเพื่อให้ใจเป็นสมถะ จะได้ไปสู่วิปัสนาอย่างแท้จริง จขกท. ค่อยๆศึกษาไปเดี๋ยวก็รู้ครับ
#12
โพสต์เมื่อ 09 November 2007 - 11:56 PM
นั่นสิ อย่ามัวแต่ทำไมอยู่เลย พวกฝรั่งเค้าไม่ทำไมนะ แต่เค้าทำเลย เค้าเลยเข้าถึงกันเลย ก็เท่าที่ฟังมาก็หลายเคสแล้วนะ
เจ้าของกระทู้ก็อย่ามัวแต่ทำไมเลยนะ มาเรียนรู้ แล้วทำเลยสิ พอเข้าใจก็เข้าถึงเองแหละ แล้วก็จะหาย " ทำไม " เองนะ
#13
โพสต์เมื่อ 10 November 2007 - 06:13 PM
การปฏิบัติธรรมวิชชาธรรมกาย ไม่ได้แยกสมถะกับวิปัสนา ออกจากกัน สมถะ = หยุด นิ่ง คิดในเรื่องเดียวในทางกุศลธรรม เพื่อทำใจให้หยุดนิ่ง ดิ่งไปเรื่อยๆ เมื่อใจหยุดนิ่งได้มากแล้วจึงจะเข้าถึงดวงปฐมมรรคเป็นดวงใสๆ
ส่วนวิปัสนา = การเห็นอย่างวิเศษ แจ่มแจ้ง เหมือนดึงของออกจากที่มืด มาสู่ที่สว่าง เป็นการเห็นที่รู้รอบภพสามเลย ตาของธรรมกายจะทะลุสิ่งที่ปกปิดได้หมด รอบทิศ การไปพิจารณา เรื่อง คน สัตว์ สิ่งของ เป็นทุกข์ นิจจัง อนัตตา ก็ยังไม่ใช่วิปัสนา เพราะว่ายังไม่เห็น ได้แต่ใช้จินตมยปัญญา นึกเอา เรียกว่า วิปัสนึก
จะเข้าใจได้ต้องเข้าถึงธรรมกายก่อน จึงจะเรียกวิปัสนา เพราะจะเห็นสิ่งต่างๆ และรู้เข้าใจแจ่มแจ้ง เหมือนกับเห็นของในที่สว่าง เห็นถึงไหนรู้ไปถึงนั่น ตาธรรมกายจะเห็น ภูมิ 6 ขันธ์ 5 (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) เป็นต้น
ดังนั้น สมถะ กับ วิปัสนา เป็นของคู่กัน แยกจากกันไม่ได้ แต่สมถะเป็นเบื้องต้นของการทำสมาธิ จะเข้าถึงธรรมภายในอย่างใด ก็ต้องเริ่มที่สมถะก่อน
ส่วน ทำไมต้องดวงแก้ว? (อันนี้ตอบเองค่ะ)
ดวงแก้ว เป็นเพียงตัวอย่างของกุศลนิมิต ที่ท่านยกให้เป็นตัวอย่างเท่านั้น อยากนึกเป็น อย่างอื่นก็ได้ แต่ขอให้เป็นภาพที่ทำให้ใจสูงส่ง หรือไม่อยากนึกก็ยังได้ พระอาจารย์ที่สอนทำสมาธิบอกไว้ว่า จุดประสงค์อยู่ที่ การหยุด ไม่ใช่การเห็นค่ะ
#14
โพสต์เมื่อ 10 November 2007 - 10:29 PM
#15
โพสต์เมื่อ 11 November 2007 - 04:05 AM
#16
โพสต์เมื่อ 11 November 2007 - 05:44 PM