นึกถึงวิสาขบูชา2527
#1
โพสต์เมื่อ 08 May 2009 - 02:17 PM
จนวันบวชจะเป็นวันที่เรียกได้ว่า วันพบญาติครั้งที่ 1 เพราะตอนนั้น ธรรมทายาท ต้อง กินน้อย นอนน้อย พูดน้อย และนั่งมากๆๆ พอวันเจอญาติ ก็เลยพูดน้อยไปโดยอัตโนมัติ และจะมาเจอกันอีกทีก็ต้องวันวิสาขบูชา สมัยนั้น ยังมีพิธีที่วัด ศูนย์กลางพิธี คือ ศาลาจาตุมหาราชิกา คนใส่เสื้อขาวเต็มวัด ใต้ต้นไม้ ก็จะมีการนำกลดมาปักเพื่อให้ร่มเงาแก่สาธุชน สมัยนั้นผู้มีบุญเยอะมากเรียกว่าไม่ต้องเดิน เพราะจะไหลกันไปเรื่อยๆๆ ตอนเช้านั่งสมาธิ ภาคบ่ายจะมีพิธีทอดผ้าป่า จะเป็นงานสำคัญอย่างหนึ่งของพระธรรมทายาท เพราะว่า จะเป็นพิธีที่สร้างความปิติให้กับผุ้มาร่วมงาน พระธรรมทายาท จะร่วมพิธีทอดผ้าป่าด้วยโดยมีการวางผ้าป่า บนราวไม้ไผ่ รอบศาลาไปเรื่อยๆ เป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์อย่างหนึ่ง และหลังเสร็จพิธีแล้วจึงจะได้พบกับโยมพ่อโยมแม่อีกครั้งหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นก็จะมีการอบรมกันไปอีกประมาณสองอาทิตย์แล้วก็เสร้จสิ้นการอบรม ก็จะลาสิกขากันหมดเพราะว่าตอนนั้นทางวัดยังไม่มีพื่นที่รองรับพระได้ นั่นเอง
ที่เล่ามาทั้งหมดก็อาจจะเป็นคนแก่แล้วก็ได้ที่ได้ระลึกนึกถึงบุญ ก็ขอแบ่งบุญนี้ให้กับทุกท่านครับ
#2
โพสต์เมื่อ 08 May 2009 - 04:07 PM
#3
โพสต์เมื่อ 08 May 2009 - 08:42 PM
ตอนหลังก็เลยต้องเลิกจัดเวียนประทักษิณในวันวิสาขบูชาไป จนกระทั่งได้มีการสร้างมหารัตนวิหารคตนี่แหละ จึงทำให้ไม่ต้องกลัวฝนอีกต่อไป เพราะสามารถเลือกพื้นที่เวียนประทักษิณได้สบายๆ
เช่น หากฝนไม่ตก ก็เวียนรอบมหาธรรมกายเจดีย์ แต่ถ้าฝนตกก็สามารถเวียนรอบมหารัตนวิหารคตได้เช่นกัน
ต้องอนุโมทนาบุญกับผู้ที่มีส่วนร่วมสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ และมหารัตนวิหารคตทุกๆ ท่านด้วยนะครับ
#4
โพสต์เมื่อ 08 May 2009 - 10:20 PM
ขอร่วมอนุโมทนาบุญด้วยนะครับ
#5
โพสต์เมื่อ 08 May 2009 - 11:06 PM
ในช่วงบ่ายๆๆแต่ละวัน อากาศร้อนมาก ก็จะนั่งสมาธิที่เนินประดู่ (ตั้งแต่ หกโมงเช้า จะมาอยู่ที่นี่กัน) วันอาทิตย์ คุณพ่อคุณแม่ มาวัด จะมาเยี่ยม ธรรมทายาท ก็ไม่ได้ ได้แต่ส่งสายตามองจากโบสถ์ ส่งใจไปที่เนินประดู่ หรือธรรมทายาท ก็จะส่งใจไปได้เท่านั้นเอง จะเอาของอะไรมาให้ ก็ต้องส่งผ่านทางพีเลี้ยงธรรมทายาทๆ คือผู้ที่อบรมธรรมทายาทรุ่นก่อนๆ ช่วงซัมเมอร์ ไม่ลงเรียน ก็จะมาเป็นพี่เลี้ยงธรรมทายาทให้ การติดต่ด ระหว่างธรรมทายาท จะไปหาพ่อแม่หรือ มีทางเดียวคือ ไปรษณีย์บัตร และจะมีการเซนเซอร์ เข้าออก ว่าถ้าจดหมายมาๆถึงธรรมทายาท พี่เลี้ยงฯ จะเป็นผู้อ่านจดหมายก่อนแล้วก็ค่อยส่งไปให้ เนื่องจากกลัวว่า จะทำให้จิตฟุ้งซ่าน นั่นเอง
พอสี่โมงเย็น ก็จะให้พักผ่อนทำธุระกิจส่วนตัว และห้าโมงหรือ หกโมงเย็น ก็จะมานั่งสมาธิ สวดมนต์ทำวัตรเย็นที่ศาลาจาตุฯ อีกครั้งหนึ่ง เทวบุตรมาร ก็จะมากัน ในอาทิตย์แรก สมัยนั้น ก็ซื้อ กย.15 หรือไม่ก็ เอาทาน ยาทากันยุง ช่วงแรก ก็แค่ทานิดๆหน่อยๆๆ หลังจากนั้นเทวบุตรมาร ทนได้พวกเราก็ต้องทากันมากขึ้น เรียกว่าชะโลม หรืออาบกันได้เลย เพราะเทวบุตรมาร ดื้อกับยากันยุงที่พวกเราทากันแล้ว บางครั้ง เทวบุตรฯ เรียกว่าเดินเอาตามตัวเราเลย เดินๆๆแล้วก็ปักลงไป สะดุ้งทันที เลย สุดท้ายพอวันไหนมีสมาธิดี และปล่อยวาง ไม่สนใจ เทวบุตรฯ ก็เหมือนกับว่ามีแค่ตัวเดียว ก็ปล่อยให้มันกินเลือดไป แล้วเราก็นั่งสมาธิไปได้เลย จนสามทุ่ม ก็จะเลิกนั่งสมาธิ ก็จะตั้งแถวเดินทางกลับไปที่พัก ผ่านศาลาดุสิต ทุกคนก็ต้องถอดรองเท้า และห้ามเดินลากเท้า เพราะว่าเป็นเวลาที่คุณยายฯ ท่านกำลังพักผ่อน เวลานั้นกลิ่นดอกไม้หอมมาก จำไม่ได้ว่ากลิ่นดอกไม้อะไร
หลังเลิกสามทุ่มแล้ว ก็จะมีการนั่งกุศลวิวัฒน์ สมัยนั้นเรียกว่า นั่งเอกซ์ตร้า คือ จะเป็นการลงโทษธรรมทายาท ที่เผลอสติ เพื่อให้มีสติกลับคืนมา ผู้เขียนก็เคยโดนมา นั่งต่ออีกประมาณสามสิบนาที กฏคือ ห้ามขยับตัวเกินสามครั้ง หากเกิน ก็คือ ให้เก็บข้าวของกลับบ้านในวันรุ่งขึ้นเลย เข้มมั้ยหล่ะ น้องธรรมทายาททั้งหลายนี่คือดีต นะปัจจุบัน สบายๆเข้าถึงธรรม
วันนั้นที่โดนเอกซ์ตร้า รู้สึกว่าจิตรวมได้ดีมากเลยนะ พอจะดีๆๆ พระพี่เลี้ยงท่านก็มาสะกิด บอกว่าไปพักผ่อนได้แล้วหละ
กลดที่พักก็อยุ่หลังวัดๆ ได้ชื่อว่า นอกจากยุงชุม แล้ว งูก็ยังชุมอีก หลวงพ่อท่านจะสอน ให้รักษาศีล เพราะว่าถ้าใครศีลหย่อน พวกสัตว์เหล่านี้ก็จะมาเตือน คงอยากได้บุญด้วยมั้ง
วันนี้ ได้นึกถึงวันวิสาขฯ ได้นึกถึง การสร้างบารมี แปปเดียวเอง รู้จักวัดตั้งแต่มี 2526 มาบัดนี้ ก็ 26 ปีแล้วผ่านไปไวมากมาย ผ่านเหตุการณ์ ที่วัดมีเรื่องสองวิกฤต ปี 30 และปี 40 หรือ การสร้างเจดีย์ การหล่อหลวงปุ่ หรือ ก็มีความภูมิใจ ก็จะได้ระลึกนึกบุญต่างๆๆอีกมากมาย เราอาจจะเป็นมดตัวเล็กๆๆแต่ถ้าพวกเราที่เป็นมตตัวเล็กๆๆรวมพลังกัน ก็เรียกพลังมดได้ งานพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ก็จะได้สำเร็จ และพวกเราก็จะเรียกว่า สงวนเวลาท่านให้ท่านได้ทำงานที่แท้จริงเสียที
ขอกราบอนุโมทนาบุญครับ
#6
โพสต์เมื่อ 08 May 2009 - 11:10 PM
#7
โพสต์เมื่อ 08 May 2009 - 11:12 PM
#8
โพสต์เมื่อ 09 May 2009 - 03:53 PM
วักเราก็ผ่านอะไรมามากมาย
#9
โพสต์เมื่อ 09 May 2009 - 08:51 PM
#10
โพสต์เมื่อ 10 May 2009 - 03:58 PM
จำได้ว่าดวงประทีปของตัวเองดับเพราะหายใจรด มันเลยดับอ่ะ หลังจากนั้นก็ไม่ดับเลยจนเลิก
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#11
โพสต์เมื่อ 11 May 2009 - 03:05 PM
#12
โพสต์เมื่อ 11 May 2009 - 03:55 PM
อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ สาธุ สาธุ สาธุ
#13
โพสต์เมื่อ 13 May 2009 - 08:56 AM