ประวัติก่อนเข้าวัด
#1
โพสต์เมื่อ 22 February 2006 - 06:53 PM
และผมก็ขอกราบขอบพระคุรพระ อาจารย์เป้นอย่างสูงที่ได้ให้ความสว่างแก่กระผมครับในครั้งนั้นไม่อย่างนั้นผมก็คงไม่ได้มีว้นดีๆ อย่างนี้ครับ
หลังจากที่กระผมได้กลับมาจากการบรรพชาผมก็ได้รู้ว่าตนเองชอบในด้านนี้มากคับ ผมชอบที่จะนั่งสมาธิ สวดมนต์ เป็นกัลยาณมิตรและการที่ได้เป็นอาสาสมัครครับผม
และหลังจากนั้นผมก็ได้เข้าวัดพระธรรมกายมาตลอดครับ
ผมเริ่มเข้าวัดเมื่อปี 2543 โดยการนำของคุณ พ่อและคุณแม่ งานแรกที่ผมได้ไปวัดก็คือ งานวันสลายร่างของคุณยายมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง และผมก็ได้มาเป็อาสาสมัครที่วัดพระธรรมกาย และที่ศูนย์อบรมเยาวชนนครราชสีมาครับ
ผมก็มีความปลื้มใจมากที่ได้เป็นอาสาสมัคร เป็นงานที่หนักแต่ก็สนุกดีครับและมีความปลื้มใจมากที่ดั้ยมาเป้นผู้ให้คับ ไม่ได้เงินแต่ผมก็ได้รับบุญครับ
แล้วก็มีความปลื้มใจที่ไดัเกิดมาในประเทศที่มีพระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองมากและครอบครัวองกระผมก็เป็นครอบครัวแก้ว ครอบครัวธรรมกายด้วยครับ
พ่อและแม่ก็เป็นคนทีใจดีรักในการสั่งสมบุญด้วยครับ โดยพ่อและแม่ได้เข้าวัดตอน ที่เทคอนกรีดที่สภาธรรมกายคับ
และพ่อกับแม่ก็ได้เลิกกิจการการเลี้ยงหมูโดยการกล่าวนำของลูกสามเณร
และพ่อก็เลิกเลี้ยงหมูตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเลยครับ หลังจากที่ครอบครัวผมได้เลิกกิจการครอบครัวผมก็มีความสุขมากเลยคับที่ได้เลิกจากการทำบาปโดยการเลี้ยงหมูเพื่อที่จะนำไปฆ่าขาย
โดยพ่อผมเลี้ยงมาเป้นเวลาประมาณ 15 ปี และก็สามารถเลิกได้ผมก็มีความดีใจมากครับที่เห็นพ่อและแม่เข้าใจในเรื่องบุญมากขึ้นครับ [/size]
#2
โพสต์เมื่อ 22 February 2006 - 07:11 PM
ดีมากเลย ขอให้เห็นคน เก่ง และ ดี อย่างนี้ไปตลอดเลยนะคะ จะเป็นกำลังใจให้ค่ะ
หยุดนั่นเองเป็นตัวสำเร็จ
ทั้งทางโลกและทางธรรม สำเร็จหมด
#3
โพสต์เมื่อ 23 February 2006 - 04:11 AM
คุณ panuwat เคยสั่งสมบุญมาดีค่ะ ถึงได้เกิดมาในครอบครัวแก้ว ครอบครัวธรรมกาย
และได้เข้าวัดตั้งแต่ยังเด็ก มีทุนมาดีจึงมีโอกาสมากที่จะทำให้ดียิ่งๆขึ้นๆไป อนุโมทนาบุญค่ะ
#4
โพสต์เมื่อ 23 February 2006 - 08:58 AM
ขอให้มีความสุขกับการสร้างบารมีไปเรื่อยๆนะคะ
เพราะว่าเรามีเนื้อนาบุญที่ยิ่งใหญ่ของโลก และเป็นโอกาสดีที่เราจะได้ร่วมสั่งสมบารมี
เพื่อที่จะตามติดหลวงพ่อไปดุสิตบุรี(วงบุญพิเศษ)เขตบรมโพธิสัตว์ค่ะ
#5
โพสต์เมื่อ 23 February 2006 - 01:35 PM
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
#6 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 24 February 2006 - 10:03 AM
มั้ย=ไม่
หั้ย=ให้
ทำไหมน้องใช้คำแบบนี้ล่ะ แก้ไขนิดหน่อยนะครับ
#7
โพสต์เมื่อ 26 February 2006 - 07:42 PM
#8
โพสต์เมื่อ 27 February 2006 - 02:04 AM
อย่าให้ความตั้งใจที่ดี เปลี่ยนแปลงไป กับกาลเวลา
เพราะเราไม่รู้ว่า่วันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร เราอาจจะอยู่หรือตาย
สิ่งที่เอาไปได้มีแต่บุญกับบาปเท่านั้น ฉนั้น เราต้องอยู่กับวันนี้
วันที่เราบอกตัวเองว่า วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุด ในวันหนึ่งของชีวิตการสร้างบารมีของเรา
โอไดบะ
โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
#9
โพสต์เมื่อ 27 February 2006 - 07:51 PM
ปล. แต่พี่ขอให้เราเลิกนิสัยการพูดเล่นคำแบบวัยรุ่นนะครับ เพราะคุณยายอาจารย์ฯ ท่านเคยสอนพระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโวว่า แม้นิสัยเพียงเท่านี้ แต่หากทำจนคุ้นและเคยชิน ก็สามารถติดตัวข้ามภพข้ามชาติได้เหมือนกันนะครับ
#10
โพสต์เมื่อ 31 May 2006 - 12:56 PM
ควรแก้ไขนิสัยใช้คำแบบวัยรุ่นนะคะ
เพราะบางคนเขาอาจจะรำคาญเอาได้ค่ะ
ลองนึกดูนะคะว่าจะต้องอ่าน จม.ที่คำแปลกๆ เช่น
ไป ปาย
ไม่ ม่าย,ม่าน
กัน กาน
ได้ ด้าย,ดั้ย
ใคร คัย
หนูเคยลองดูแล้ว
กว่าจะอ่านจบนี่เล่นมึนเลยค่ะ
ค่อยๆแก้ไปนะคะ
ไม่ต้องซีเรียสค่ะ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#11
โพสต์เมื่อ 19 December 2014 - 10:17 AM
สำหรับผมแล้ว ถือว่าไม่ผิดครับ เพราะเป็นคำพูดที่ชาวโคราชใช้โดยเฉพาะ เรียกว่าเป็น .. ภาษาเฉพาะถิน .. ครับ ถ้าทุกท่านเคยไปโคราชผมเชื่อว่า ต้องได้บ้างล่ะ ถ้าฟังดีดี แต่ก็เห็นด้วยครับว่าในการพูดส่วนรวมควรใช้ภาษากลาง จะเข้าใจง่ายและเร็วกว่าครับ ..
#12
โพสต์เมื่อ 19 December 2014 - 12:33 PM
อนุโมทนาบุญด้วยครับ ที่ได้เป็นครอบครัวแก้วครอบครัวธรรมกายนะครับ
หวังว่าสักว่าหนึ่ง คุณคงได้บวชเพื่อศึกษาวิชชาธรรมกายนะครับ