ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ทางแห่งความดี ตอน วาจาสุภาษิตเหมือนดอกไม้


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 5 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 10 November 2006 - 07:54 PM

พระพุทธภาษิต

ยถาปิ รุจิรั ปุปฺผํ วณฺณวนฺตํ อคนฺธกํ
เอวํ สุภาสิตา วาจา อผลา โหติ อกุพฺพโต
ยถาปิ รุจิรํ ปุปฺผํ วณฺณวนฺตํ สคนฺธกํ
เอวํ สุภาษิตา วาจา สผลา โหติ สุกุพฺพโต


คำแปล

ดอกไม้งาม มีสีสวย แต่ไม่มีกลิ่น ฉันใด
วาจาสุภาษิต ย่อมไม่มีผลแก่บุคคลผู้ไม่ทำตาม ฉันนั้น
แต่วาจาสุภาษิตย่อมมีผลแก่ผู้ทำตามด้วยดี
เหมือนดอกไม้งามสีสวย และมีกลิ่นหอม


อธิบายความ

ความแตกต่างอยู่ที่กลิ่นหอม และไม่มีกลิ่นหอม
ดอกไม้แม้จะมีสีสวย สัณฐานงามเหมือนกัน
แต่ดอกหนึ่งมีกลิ่นหอม อีกดอกหนึ่งกลิ่นไม่หอม คุณค่าย่อมแตกต่างกันมาก


ใจคนย่อมชอบดอกไม้ที่กลิ่นหอมมากกว่า แม้สีจะไม่สวย สัณฐานจะไม่งาม

วาจาสุภาษิตก็เหมือนกัน ย่อมสำเร็จประโยชน์แก่บุคคลผู้นำมาปฏิบัติตาม
หาสำเร็จประโยชน์แก่บุคคลผู้ไม่ปฏิบัติไ
ม่

อนึ่ง คนดีเปรียบได้กับดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม
คนชั่วเปรียบกับดอกไม้ที่กลิ่นเหม็น
ส่วนรูปร่างหน้าตาอาจคล้ายกันได้ เหมือนสีและสัณฐานของดอกไม้

ดอกอุตพิดนั้น สีและสัณฐานไม่เลว แต่ไม่มีใครอยากแตะต้อง เพราะกลิ่นมันเหม็นจัด
ส่วนดอกกุหลาบแม้มีหนามแต่คนก็ปรารถนา เพราะกลิ่นหอมชื่นใจ

สีของดอกไม้ไม่สำคัญเท่ากลิ่นฉันใด หน้าตารูปร่างของคน
ก็ไม่สำคัญเท่าคุณความดีในตัวของเขาฉันนั้น

พระพุทธภาษิตนี้ พระศาสดาตรัส เมื่อประทับอยู่ที่เชตวนาราม เมืองสาวัตถี
ทรงปรารภ ฉัตตปาณิอุบาสก และการเรียนธรรมของพระนางมัลลิกาเทวี
และพระนางวาสภ ขัตติยา มีเรื่องย่อดังนี้

ฉัตตปาณิ เป็นอุบาสกอยู่ในเมืองสาวัตถี เป็นผู้รอบรู้ในพระพุทธพจน์
และได้บรรลุมรรคผลเป็นอนาคามี
เขารักษาอุโบสถแต่เช้าตรู่ทุกวันและสู่ที่บำรุงพระศาสดาทุกวัน

ความจริงอุบาสกผู้เป็นอนาคามีแล้ว ไม่ต้องรักษาอุโบสถ โดยวิธีสมาทาน
เพราะอุโบสถศีล พรหมจรรย์และการบริโภคอาหารวันละครั้งย่อมมาพร้อมกับการบรรลุมรรคผลนั่นเอง
สมจริงดังที่พระผู้มีพระภาคตรัสถึงช่างหม้อชื่อ ฆฏิการะว่า

"ช่างหม้อชื่อฆฏิการะ การบริโภคอาหารวันละครั้ง
ประพฤติพรหมจรรย์เป็นปกติ มีศีล มีกัลยาณธรรม"


วันหนึ่งพระเจ้าปเสนทิโกศล เสด็จไปเฝ้าพระศาสดา
ขณะนั้นฉัตตปาณิอุบาสกอยู่ในที่เฝ้าแล้ว เขาเห็นพระราชากำลังเสด็จมาจึงคิดว่า

เราควรลุกขึ้นต้องรับหรือไม่หนอ?

ในที่สุดเขาตกลงใจไม่ลุกขึ้น เพราะคิดว่ากำลังนั่งอยู่ในสำนักของพระราชาผู้ยิ่งใหญ่
คือพระพุทธเจ้า หากจะลุกรับพระเจ้าปเสนทิก็จะเป็นการขาดความเคารพในพระศาสดา

พระราชาปเสนทิ เห็นฉัตตปาณิอุบาสกไม่ลุกรับ มีพระมนัสขุ่นเคือง
แต่ไม่กล้าตรัสอะไร ถวายบังคมพระศาสดาแล้วประทับ ณ ที่อันสมควรแก่พระองค์

พระศาสดาทรงทราบความขุ่นเคืองในพระทัยของพระราชา
มีพระพุทธประสงค์จะบรรเทาความขุ่นเคืองนั้น
จึงตรัสพรรณนาคุณของฉัตตปาณิอุบาสกว่า

"มหาบพิตร! ฉัตตปาณิอุบาสกนี้ เป็นบัณฑิตได้เห็นธรรมแล้ว
รอบรู้ในพุทธพจน์ รู้จักประโยชน์ มิใช่ประโยชน์, สิ่งที่ควรและไม่ควร..."


เมื่อพระราชาทรงสดับคุณกถาของฉัตตปาณิอุบาสกอยู่ พระหฤทัยก็อ่อนลง

ต่อมาอีกวันหนึ่ง พระราชาประทับยืนอยู่บนปราสาททอดพระเนตร
เห็นฉัตตปาณิอุบาสก กั้นร่ม สวมรองเท้าเดินผ่านมาทางพระลานหลวง
จึงรับสั่งให้ราชบุรุษเรียกมา อุบาสกหุบร่ม ถอดรองเท้าเข้าไปเฝ้า ยืนอยู่ ณ ที่ควรแก่ตนแห่งหนึ่ง

พระราชาตรัสถามว่า ทำไมจึงหุบร่มและถอดรองเท้าเสียเล่า
เพิ่งรู้วันนี้เองหรือว่าเราเป็นพระราชา
แล้ววันก่อน ท่านนั่งอยู่ในสำนักพระศาสดา เห็นเราแล้ว ทำไมจึงไม่ลุกรับ


ฉัตตปาณิอุบาสก จึงกราบทูลว่า

ข้าแต่มหาราช! วันนั้น ข้าพระพุทธเจ้านั่งอยู่ในสำนักของพระราชาผู้ยิ่งใหญ่
หากลุกรับพระราชาประเทศราช ก็จะเป็นการขาดความเคารพในพระศาสดา


พระราชาจึงตรัสตอบว่า
ช่างเถอะอุบาสก เรื่องแล้วไปแล้ว,
แต่เขาเล่าลือกันว่า ท่านเป็นผู้ฉลาดในประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ทั้งปัจจุบันและอนาคต
ท่านรอบรู้ในพระพุทธพจน์ จะช่วยสอนธรรมแก่พวกเราในวังได้หรือไม่?


ฉัตตปาณิอุบาสก จึงกราบทูลปฏิเสธ และถวายเหตุผลว่า สถานที่ไปของคฤหัสถ์ก็มีโทษมาก
ขอพระองค์ได้โปรดนิมนต์บรรพชิตรูปใดรูปหนึ่งมาสอนธรรมเถิด


พระราชาเสด็จขึ้นแล้วไปเฝ้าพระศาสดาทูลว่า
พระนางมัลลิกาเทวีและพระนางวาสภขัตติยา มีพระประสงค์จะเรียนธรรม
ขอให้พระพุทธเจ้าและภิกษุสงฆ์เสด็จไปสู่ราชนิเวศน์
เพื่อเสวยเป็นเนืองนิตย์และแสดงธรรมแก่พระมเหสีทั้งสอง

พระศาสดาตรัสว่า การที่พระพุทธเจ้าจะไปเสวยในที่แห่งเดียวเป็นประจำนั้นไม่ควร
พระเจ้าปเสนทิ จึงว่า
ถ้ากระนั้นขอให้มอบให้เป็นหน้าที่ของภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง
พระศาสดาทรงมอบหมายให้เป็นหน้าที่ของพระอานนท์

วันหนึ่งพระศาสดาตรัสถามถึงผลการเรียนธรรม ของพระนางทั้งสองกับพระอานนท์
พระเถระทูลว่า
พระนางมัลลิกาเทวีนั้นทรงตั้งพระทัยศึกษาโดยเคารพ
ท่องพระพุทธพจน์โดยเคารพ


ส่วนพระนางวาสภขัตติยา พระญาติของพระองค์ ไม่เรียนโดยเคารพ (คือไม่ตั้งพระทัยเรียน)
ไม่ท่องพระพุทธพจน์โดยเคารพ


พระศาสดาทรงสดับถ้อยคำของพระอานนท์แล้ว จึงตรัสว่า

"อานนท์! ธรรมที่เรากล่าวดีแล้ว ย่อมไม่มีผลแก่ผู้ไม่ตั้งใจเรียน ฟัง ท่อง
และแสดง เหมือนดอกไม้สีสวย แต่ไม่มีกลิ่น
แต่ธรรมของเราจะมีผลดียิ่งแก่ผู้เรียนผู้ฟังโดยเคารพ"


ดังนี้แล้ว ตรัสพระพุทธภาษิตว่า

"ยถาปิ รุจินํ ปุปฺผํ" เป็นอาทิ มีนัยดังพรรณนามาแล้วแต่ต้น
ใจหยุดที่สุดแห่งบุญ มุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรม

#2 cheterk

cheterk
  • Members
  • 314 โพสต์
  • Interests:พระนิพพาน

โพสต์เมื่อ 10 November 2006 - 08:32 PM

สาธุครับ

#3 น้ำฝน มัชฌิมหญิงรุ่น14

น้ำฝน มัชฌิมหญิงรุ่น14

    เราคือ นักรบกล้าอาสาสมัคร กองทัพธรรม

  • Members
  • 1961 โพสต์
  • Gender:Female
  • Interests:ช่วยงานบุญที่วัด ให้ถึงที่สุดกำลัง ตราบวันที่ชีวิตจะสิ้นลมหายใจ

โพสต์เมื่อ 12 November 2006 - 09:15 AM

สาธุๆๆ
"ด้วยใจกล้าอาสา พัฒนาไม่หยุดยั้ง"

น้ำฝนลูกพระธัมฯ

#4 ฝันที่เป็นจริง

ฝันที่เป็นจริง
  • Members
  • 436 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 November 2006 - 05:34 PM

สาธุครับ
"หยุด เป็น ตัวสำเร็จ"

สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต้ อุกาสะ ขะมามิ ภันเตฯ


หากข้าพระพุทธเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ในชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ด้วยกายก็ดี วาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ด้วยเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี
ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย และผู้มีพระคุณทุกท่าน ได้โปรดยกโทษให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ



#5 JJ.

JJ.
  • Members
  • 129 โพสต์
  • Location:คลอง4 ปทุมธานี
  • Interests:สมาธิ ความสงบ โลกหน้า

โพสต์เมื่อ 12 November 2006 - 05:48 PM

QUOTE
สีของดอกไม้ไม่สำคัญเท่ากลิ่นฉันใด หน้าตารูปร่างของคน
ก็ไม่สำคัญเท่าคุณความดีในตัวของเขาฉันนั้น

....._/I\_...สาธุ...อนุโมทานิ..._/I\_.......
...โปรดพิจารณา...นี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว... ถ้าผิดพลาดประการใด...วอนผู้รู้ หรือ คิดแตกต่างช่วยแก้ไขให้ด้วย _/I\_ ขอบคุณครับ

#6 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 28 March 2007 - 12:50 PM

ขอกราบอนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ