เต้าฮวยถือเป็นปานะไหม
#1
โพสต์เมื่อ 24 October 2010 - 02:02 AM
#2
โพสต์เมื่อ 24 October 2010 - 02:15 AM
ทราบว่าเต้าฮวยทำมาจากถั่วเหลืองเหมือนน้ำเต้าหู้ แต่ไม่รู้ว่าใส่อะไรบ้าง จึงทำให้เป็นก้อนๆ ได้
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#3
โพสต์เมื่อ 24 October 2010 - 03:37 AM
หรือถ้าอยากกินของอย่างอื่นเห็นเค้าว่าต้องกรอง7รอบถึงจะกินได้นะครับ (ไม่แม่ใจอย่างแรง)
#4
โพสต์เมื่อ 24 October 2010 - 04:07 AM
ไม่ได้ค่ะ ! ( แต่น้ำเต้าหู้ อย่างเดียวบริสุทธิ์ โอเคค่ะ) กรณ๊ผู้ป่วยนั้นแยกไปจากกฎนี้
รายละเอียดมีมากมายในกระทู้เก่า ๆนะคะ
#5
โพสต์เมื่อ 24 October 2010 - 06:48 AM
#6
โพสต์เมื่อ 24 October 2010 - 05:56 PM
#8
โพสต์เมื่อ 24 October 2010 - 08:43 PM
และน้ำปานะที่เกิดมีอยู่แล้วตามธรรมชาติ เช่นน้ำมะพร้าว แต่ตัวเนื้อมะพร้าวห้ามทำน้ำปานะเช่นน้ำกะทิ
.....................
ส่วนที่ห้ามเช่นมหาผล 10 ได้แก่
มหาผล ๑๐ ชนิด ที่พระพุทธเจ้าไม่ทรงอนุญาตให้ใช้ทำน้ำอัฏฐบาน เพราะเป็นมหาผล (ผลใหญ่) ดังนี้
๑. มะพร้าว ๒. ทุเรียน ๓. ฟักเขียว ๔. แตงโม ๕. น้ำเต้า
๑. ลูกตาล ๒. ขนุน ๓. ฟักทอง ๔. แตงไทย ๕. ข้าวสาลี
ผลไม้และผลของพืชเหล่านี้ หรือผลอื่นใดที่มีลักษณะเดียวกันนี้ ใช้ทำน้ำอัฏฐบานไม่ได้ เพราะเป็นมหาผล คือ ผลใหญ่ พระภิกษุสามเณรจะฉันได้ก็เฉพาะในกาล คือ เวลาเช้าถึงเที่ยงเท่านั้น.
.........................
น้ำที่ทำจากถั่วเหลืองหรือน้ำเต้าหู้ ก็นับเนื่องในธัญญพืช ทานไม่ได้ครับ โกโก้ ไมโล โอวัลติน ก็มักมีส่วนผสมที่เป็นธัญญพืชที่ทานไม่ได้ครับ ตามที่สำนักปฏิบัติเคร่งครัดอื่นๆท่านกล่าวไว้ถูกแล้วครับ
ถาม.....อ้าว แล้วก็เห็นทำน้ำเต้าหู้ถั่วเหลืองเลี้ยงคนถือศีลแปดกันทั่วประเทศ ไวตามิล แล๊คตาซอยก็ขายดี ไมโล โอวัลตินเป็นหม้อๆ???
ตอบ....ถามผู้เชี่ยวชาญพระวินัยแล้ว ท่านไม่ให้พิจารณาเป็นน้ำปานะ ให้พิจารณาเป็นเภสัชชะครับ เพื่อสกัดน้ำย่อยไม่ให้กัดกระเพาะ ซึ่งพระพุทธเจ้าอนุญาติไว้อย่างมากคือ น้ำต้มเนื้อ และน้ำข้าว ครับ มีในพระไตรปิฎก ลองหาเพิ่มเติมนะครับ
ย้ำ เวลาทานให้พิจารณาเป็นเภสัชชะ ครับผม มิใช่พิจารณาเป็นน้ำปานะ
และใช้หลักมหาปเทศ 4 อย่างเข้าเทียบเคียงด้วยครับ
ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ
ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ
เราตถาคต คือธรรมกาย
#9
โพสต์เมื่อ 24 October 2010 - 08:54 PM
#10
โพสต์เมื่อ 24 October 2010 - 09:55 PM
#11
โพสต์เมื่อ 24 October 2010 - 10:46 PM
แต่พิจารณาเป็นยา ใช่แล้วเมื่อเร็วๆ นี้เราก็เพิ่งถวายไปเพราะพระผู้เฒ่าดื่มนมไม่ได้ ท้องใส้ปั่นป่วนหมด
แล้วท่านมีอาการหนาวมากกว่าปกติของคนทั่ว ๆ ไป ก็เลยถวายน้ำเต้าหู้และน้ำขิง อุ่น ๆแทน ได้ผลท่านไม่ป่วยอีก
สาธุในธรรมทานเจ้าค่ะ
#12
โพสต์เมื่อ 24 October 2010 - 11:02 PM
#13
โพสต์เมื่อ 25 October 2010 - 12:05 AM
เฮ้อ นึกว่ากินได้ เพราะเห็นน้องที่วัดเอามาให้กิน
แสดงว่าวันไหนกินเต้าฮวยหลังเพล เป็นปานะ ก็ศีลไม่ครบ คือศีลขาด
รักษาศีลอยู่ที่ใจเนาะ เราไม่รู้นี่ แต่เรามีความตั้งใจ
#14
โพสต์เมื่อ 26 October 2010 - 11:17 AM
อีกอย่าง ถ้าหากจะถือศีลแปดแบบเคร่งๆ กันจริงๆ ล่ะก็ ขอบอกว่า อาจต้องไปอยู่ป่าเชียวล่ะครับ ทั้งนี้เพราะศีลข้อที่แปดนั้น ผู้ที่เคร่งๆ เขาตีความกันดังนี้ครับว่า
"ห้ามนั่ง หรือ นอน บนที่นั่งที่นอนที่สูงใหญ่ ภายในยัดด้วยนุ่นหรือสาลีอันอ่อนนุ่ม"
ซึ่งหากพิจารณากันจริงๆ แล้วล่ะก็ เรื่องนอนไม่มีปัญหา เพราะปูเสื่อนอนที่พื้นได้ แต่เรื่องนั่งนี่สิ จะระวังกันได้อย่างไร
ผมยกตัวอย่างให้ก็ได้ ว่ากันตั้งแต่ออกจากบ้านเลย พอออกจากบ้าน ก็ต้องขึ้นรถเมล์ ทีนี้ที่นั่งรถเมล์ก็เป็นเบาะอันอ่อนนุ่มด้วยสิ ทำไงล่ะทีนี้ จะลงไปนั่งกับพื้นรถเมล์ เดี๋ยวชาวบ้านจะมองว่าเพี้ยนหรือเปล่า ถ้างั้นก็ยืนไปตลอดทางก็แล้วกันอย่างนั้นหรือ
หรือ พวกที่นั่งรถเก๋งทำไงล่ะทีนี้ ถ้าศีลแปดแบบเคร่งก็นั่งรถเก๋งไม่ได้ เพราะเบาะล้วนอ่อนนุ่มทุกเบาะ ครั้นจะรื้อเบาะออกเหลือแต่โครงรถแข็งๆ เดี๋ยวพรรคพวกที่ขึ้นมานั่งรถด้วย อาจจะมองว่าเราเพี้ยนก็เป็นได้นะครับ
นี่แค่นั่งรถเดินทางมาทำงานเองนะ เอ้าว่ากันต่อ ครั้นพอเข้าไปในที่ทำงาน เอ้าซวยล่ะสิ เบาะเก้าอี้ที่โต๊ะทำงานเราดันอ่อนนุ่มเสียด้วย แล้วจะไปนั่งไหนล่ะทีนี้ หากเอาไม้แข็งๆ มารองเก้าอี้อีกที เพื่อนที่ทำงานจะมองเราอย่างไร
อ้าวแล้วเวลาเจ้านายเชิญไปนั่งพูดคุยด้วยล่ะ จะทำอย่างไร จะไปนั่งตรงไหน ต้องถือไม้แข็งๆ ติดตัวไปรองนั่งด้วยหรือเปล่า
พอกลับมาบ้าน แขกมาเยี่ยมบ้านล่ะทำอย่างไร เพราะชุดโซฟารับแขกก็เป็นเบาะอันอ่อนนุ่มทั้งนั้นเลย หรือจะให้แขกนั่งโซฟา ส่วนเจ้าของบ้านเอาไม้แข็งๆ มาปูรองนั่ง แล้วแขกจะมองเราอย่างไร น่าคิด
ดังนั้น ในความเห็นผม ก็ถือศีลแบบเลือกให้พอเหมาะพอสมก็แล้วกันนะครับ
#15
โพสต์เมื่อ 26 October 2010 - 11:53 AM
#16
โพสต์เมื่อ 26 October 2010 - 06:23 PM
#17
โพสต์เมื่อ 26 October 2010 - 06:42 PM
ประเภทโยเกริต์ผสมสัปปะรด โยเกริต์ผสมฟรุตสลัด อย่างนี้ทานได้แต่โยเกริต์ครับ พวกที่ผสมมาทานไม่ได้
ส่วนยำปรมัตถ์ ผมไม่รู้จักครับ ให้ท่านอื่นตอบก็แล้วกัน
#18
โพสต์เมื่อ 27 October 2010 - 10:30 AM
เพื่ออร่อย หิว ก็อาบัติเป็นบาป ติดหนี้ ญาติโยม
เพื่อเป็นยา ตาม หมอสั่งเท่านั้น แถมใจไม่อยากกินด้วย ก็เป็น บุญใหญ่ เป็นเนื้อนาบุญอันเลิศ
หลวงพ่อฯเคยเล่าในdmcว่า พวกดึกสงัดซัด มาม่า ชาติต่อไป จะต้องไปใช้หนี้ โดยเกิดเป็น กระบือ ให้เขาไถนา
ตายแล้วคงได้กลับไปอยู่แถวดุสิตธานีหรือ(ภพพิเศษ*)แทน สวรรค์ดุสิตบุรี
___________________________________________________________________________________
นักเรียนอนุบาล ตะวันกลางกาย --หรือ--->นักเรียนอนุบาล ตะวัยกลางกาย----------->ฝากเล่าเรื่องเต้าฮวยถึง นักเรียนอนุบาล วิชชาลัก เอยย วิชชารักษ์,Torres--------->ด้วยความคิดถึง จากusr29468 ด้วยนะ
http://dmc.tv/forum/...pic=23865&st=30
http://www.dmc.tv/pa...2549-08-28.html <------*เฉลยฝันในฝันข้อ5
#19
โพสต์เมื่อ 27 October 2010 - 06:17 PM
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#20
โพสต์เมื่อ 14 November 2010 - 02:16 PM
#21
โพสต์เมื่อ 18 August 2011 - 04:56 AM
#22 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 20 October 2011 - 07:44 PM
#23 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 20 October 2011 - 07:58 PM
อกัปปิยปานะอนุโลม หรือ เครื่องดื่มที่ไม่พึงดื่ม คือ น้ำปานะที่ไม่สมควร ภิกษุดื่มในเวลาวิกาลไม่ได้ ถ้าดื่มต้องอาบัติปาจิตตย์ ได้แก่ น้ำแห่งธัญชาติ (ข้าว) ๗ ชนิด คือ ข้าวสาลี ข้าวเปลือก ข้าวเหนียว ข้าวละมาน ข้าวฟ่าง ลูกเดือย และหญ้ากับแก้
น้ำแห่งมหาผล (ผลไม้ใหญ่ ) ๙ ชนิด คือ ผลตาล มะพร้าว ขนุน สาเก น้ำเต้า ฟักเขียว แตงไท แตงโม และ ฟักทอง
น้ำแห่งอปรัณณชาติ ได้แก่ ถั่วชนิดต่าง ๆ มีถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วดำ และงา เป็นต้น แม้นจะต้มจะกรอง ทำเป็นเครื่องดื่มชนิดต่าง ๆ ก็ย่อมเป็นอาบัติปาจิตตีย์
นม ท่านจัดเป็นอาหารอันประณีต ภิกษุสามเณรไม่พึงฉันยามวิกาล แม้นจะผสมกับเครื่องดื่มต่าง ๆ ก็ไม่ควร หากฉัน ก็ย่อมต้องอาบัติปาจิตตีย์
ดังนั้น ผู้หวังความบริสุทธิ์ของอุโบสถมีองค์ ๘ พึงงดเว้นเครื่องดื่มที่ทรงห้ามแก่ภิกษุทั้งหลายในยามวิกาล
ข้อมูล : คัมภีร์อุโบสถศีล