นิพพานในทัศนะพระสุปฏิปันโน
#1
โพสต์เมื่อ 11 August 2008 - 02:35 PM
หลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ
"ส่วนกายพระอรหัต ถ้าถึงพระอรหัตละก็ นิจจัง สุขัง อัตตาแท้ๆ กายธรรมมีขันธ์เหมือนกัน แต่เป็นธรรมขันธ์ ท่านไม่เรียกเบญจขันธ์ เป็นธรรมขันธ์เสีย มีธาตุเหมือนกัน เป็นวิราคธาตุ เป็นวิราคธรรมม"
สมเด็จพระสังฆราช อริยวงศาคตญาณ (แพ ติสูรเทโว)
"สัตว์โลกยังมีอวิชชาจะเข้าใจว่าขันธ์ ๕ เป็นอัตตา เว้นเมื่อเข้าถึงอสังขตธาตุได้ความบริสุทธ์เป็นนิพพาน จะเข้าใจว่าขันธ์ ๕ เป็นอนัตตาทันที แล้วจะเห็นว่าพระนิพพานเป็นอัตตา"
หลวงพ่อเกษม เขมโก
"พระพุทธเจ้าไม่ได้อยู่ในโลกนี้ ท่านอยู่นอกโลก"
หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม
"พระนิพพานมีอยู่ไม่เสื่อมสูญ พระพุทธเจ้าเข้าพระนิพพานก็มีอยู่ในพระนิพพานนั้นแล ถ้าเราเป็นพระอรหันต์ พระโสดาบันเมื่อไร เมื่อนั้นแหละจึงจะเห็นจะรู้ที่อยู่พระพุทธเจ้า ที่อยู่ของพระอรหันต์เจ้าทั้งหลาย"
หลวงปู่บุดดา ถาวโร
"นิพพานไม่สูญ เป็นแต่อาสวะกิเลสสูญ อวิชชา ตัณหา อุปาทาน กรรม วิบาก มันสูญ แต่ สังคตะธรรม อสังคะธรรม วิราคะธรรม มันไม่ได้หมดไปด้วย"
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
"ดวงจิตนี้ไม่เคยสูญ แดนพระนิพพานมีจริง หลวงปู่มั่นเล่าว่า พระพุทธเจ้าหลายพระองค์
เสด็จมาเยี่ยมท่าน" (อันนี้ หลวงปู่สด และ คุณยายอาจารย์ กล่าวอย่างหลวงปู่มั่นเช่นกัน )
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
"จิตวิญญาณมันไม่ใช่ของแตกของทำลาย แลไม่ใช่ของสูญหาย พระพุทธเจ้าสอนให้จิตมันเที่ยง เหมือนพระนิพพานเป็นของเที่ยง ไม่แปรผัน ยักย้าย สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็ฯทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ "
หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต
" สูญในพระนิพพานมีขอบเขต สูญจากกิเลสเท่านั้น รสของพระนิพพานมีอยู่ พระนิพพาน ไม่เกิดไม่ดับไปไหน เป็นอนัตตาธรรม เราจะเอาพระนิพพานมาเป็นอนัตตา เหมือนขันธ์ ๕ และกิเลสทั้งหลายมันก็ไม่ถูก เรียกว่าแยกอนัตตาธรรมไม่ถูก"
หลวงปู่ชอบ ฐานสโม
"นิพพานไม่ได้สูญ ไม่ได้อยู่ตามที่โลกคาดคะเนหรือเดากัน ทำจริงจะได้เห็นของจริง รู้จริง และจะเห็นนิพพานเอง เห็นพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เห็นครูบาอาจารย์ที่ท่านบริสุทธิ์เอง และหายสงสัยโดยประการทั้งปวง"
พระเทพสิทธิมุนี
(พระอาจารย์โชฎก ญาณสิทธิ)
" พระอรหันต์มี ความว่างจากตัวตน-ของตน โดยสิ้นเชิง มีอิสระเหนือทุกอย่าง ที่เรียกว่า "ว่าง" นี้ คือไม่ใช่ว่างชนิดที่เขาพูดกันว่า เช่นว่า จิตนึกคิดอะไรไม่ได้ กายก็แข็งทื่อเป็นท่อนไม้ แต่ที่ถูกนั้น เป็นความว่างจากกิเลส ว่างที่เฉลียวฉลาดที่สุด
พระนาคเสน มหาเถระ
ผู้ตอบปัญหาพระเจ้ามิลินทราชา
" ผู้ที่ยังไม่ได้นิพพานก็รู้ว่านิพพานเป็นสุข เพราะได้ยินเสียงพวกได้นิพพาน.....พระพุทธเจ้ามีจริง แต่พระพุทธเจ้าปรินิพพานดับขันธ์แล้ว ไม่อาจชี้ได้ว่าอยู่ที่ไหน เหมือนเปลวไฟที่ดับแล้วก็ไม่อาจชี้ได้ว่าอยู่ที่ไหน อาจชี้ได้เพียงพระธรรมกาย ของพระพุทธเจ้าเท่านั้น.........นิพพานเป็นของต้องรู้ด้วยใจ พระอริยสาวกผู้ปฏิบัติชอบแล้วย่อมได้เห็นนิพพาน ด้วยใจอันบริสุทธิ์ อันสงบประณีต อันเที่ยงตรง ไม่มีเครื่องกั้นกาง อันไม่มีอามิส"
ไตรภูมิพระร่วง ของพญาลิไท
"พระพุทธเจ้าแลพระองค์ ๆ โปรดเทพยดามนุษย์ทั้งหลายเข้าสู่นิพพาน ผิวคณนาได้ ๒๔ อสงไขยแล ๑๑๖๐ โกฏิก็มี มิก ๑๐๖,๖๖๖ คนเป็นกำไรโสดเถิงนครนิพพานอันประเสริฐยิ่งภูมิทั้งหลาย ๓ นี้แล ฯ ทั้งอนันตจักรวาฬอันเป็นเอกาทสกจบโดยสังเขปแล ฯ ผู้ใดจะเถิงแก่มหานคยนิพพานบมิรู้ฉิบหาย บมิรู้แปรปรวนไปม "
พระเดชพระคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย ์ สิริจนฺโท จันทร์
"พระนิพพานเป็นพระมหานครอันใหญ่เป็นที่บรมสุขหาที่เปรียบมิได้ อย่าเข้าใจว่าจะไปนิพพานด้วยกำลังกาย"
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี
"นิพพาน คือว่างจากกิเลส จิตวิญญาณของพระอรหันต์ไม่สูญ ที่วิญญาณสูญนั่นคือวิญญาณในขันธ์ ๕ เท่านั้น "
หลวงปู่อ่ำ พระราชกวี (อ่ำ ธมฺมทตฺโต)
"พระพุทธกัสสป เมื่อดับขันธ์ปรินิพพาน เข้าเมืองแสงใส ซึ่งก็คือเมืองแก้วแสงใส ชื่อไทยนี้ คนไทยคงเรียก นิพพาน มานานแล้ว ปราชญ์บัณฑิตโบราณาจารย์จึงกล่าวเสมอๆ เช่น ถึงเมืองแก้ว อันกล่าวแล้ว คือ อมตมหานครนฤพาน ดังใน มหาเวสสันดรเทศนา กุมารกัณฑ์"
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
"องค์สมเด็จพระบรมครูตรัสว่า ...โมกขราช เรากล่าวว่า นิพพานนั้นหมายถึงกิเลสดับ และขันธ์ ๕ ดับ... พระพุทธเจ้าไม่ได้บอกว่า จิตดับ"
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
#2
โพสต์เมื่อ 11 August 2008 - 03:28 PM
#3
โพสต์เมื่อ 11 August 2008 - 08:09 PM
#4
โพสต์เมื่อ 12 August 2008 - 01:47 PM
#5
โพสต์เมื่อ 13 August 2008 - 09:27 PM
#6
โพสต์เมื่อ 14 August 2008 - 12:58 PM
#7
โพสต์เมื่อ 14 August 2008 - 01:00 PM
#8
โพสต์เมื่อ 14 August 2008 - 10:43 PM
͹Øâ·¹ÒÊҸءѺà¨ÑҢͧ¡ÃзÙé´éǤÃѺ
#9
โพสต์เมื่อ 15 August 2008 - 01:09 PM
ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ คือให้อ่านอย่างใจเย็นๆนะคะ
แล้วค่อยๆ วางเรื่องราวที่เคยได้ยินได้ฟังมาว่า นิพพานเป็นอนัตตาไว้ก่อน
แล้วก็ค่อยๆ กลับไปอ่านเรื่องที่ post ไว้ ว่าพระสุปฏิปันโนท่านกล่าวไว้ว่าอย่างไร
ดิฉันก็ไม่ทราบหรอกค่ะ เพราะยังไม่มีญาณทัศนะ
แต่ที่ตัวเองเข้าใจคือ
ทุกสิ่งในวัฏฏะสงสารนี้ เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
คือ ไม่เที่ยงเป็นทุกข์
พระพุทธองค์ได้ทรงเห็นภัยของวัฏฏะสงสารว่าเป็นอย่างนี้ คือ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์
พระองค์ท่านจึงแสวงหา สิ่งที่เป็น นิจจัง สุขัง อัตตา
คือ สิ่งที่จีรัง ไม่เปลี่ยนแปลงอีก เป็นความสุขอย่างยิ่ง อย่างเดียว
พออ่านมาถึงตอนนี้ เข้าใจหรือยังคะ
ว่า จริงๆ นิพพาน น่าจะเป็น อนัตตา หรือ อัตตา
หากนิพพาน เป็นอนัตตา เราจะแสวงหาการหลุดพ้นไปนิพพาน ที่ที่ยังไม่จีรังทำไมกัน.....
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
#10
โพสต์เมื่อ 15 August 2008 - 05:16 PM
ที่นั่นมืแต่ความสุข เอกันตบรมสุข ถ้าอยากรู้ว่าสุขอย่างไร คงต้องไปให้ถึงที่ตรงนั้นเองครับ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ทำสมาธิให้บังเกิดถึงที่สุด พิจารณาวิปัสสนา
ให้ละเอียดสุขุม ไม่ยึดติดในสังขาร กายเรานี้ ไม่ใช่ของเรา สักวันเราต้องตาย เรามีความเจ็บใข้ได้ป่วยเป็นธรรมดา
อย่าเพิ่งคิดว่านิพพานเป็นอนัตตา ครับ เพราะอย่างนั้น พระพุทธเจ้าพระบิดาผู้มีพระคุณอย่ายิ่งยวดหาผู้ใดเปรียบมิได้ใน ไตรภูมิ ท่านคงไม่มาตรัสรู้ แล้วเป็น
ควันไฟที่ลอยไปในอากาศ อย่างที่หลายคนเอาคำว่าพระนิพพานมาเปรียบเปรยบ่อยครั้ง (ลูกขอขมาถ้าพลาดพลั้งล่วงเกินต่อพระรัตนตรัยไว้ตรงนี้ พระพุทธเจ้าข้า)
ทำไมคนส่วนใหญ่คิดว่าตายไปขอให้ได้ไปสวรรค์ ทำไมไม่อธิษฐานว่า ตายไปขอให้ได้ไปนิพพานมั่ง น่าคิดครับ แม้แต่หลวงพ่อพระพุทธทาสฯ ท่านยังกล่าวไว้ในเทป
ว่า เหมือนกับชาวนา ปู่ย่า ตา ยาย ทำนา พ่อแม่ทำนา เหมือนกับคนกล่าวว่าถ้าตายไปขอให้ไปสวรรค์ แต่นิพพานมีทำไมไม่ไป ลองเปิดดูซิครับ มีอยู่ม้วนนึงจริงๆ ท่านกล่าวไว้อย่างนี้ แม้แต่ในพระไตรฯ ยังกล่าวไว้เลย
นิพพานไม่สูญนะครับ ทำให้ถึงที่สุดซิครับ เปิดใจให้กว้างๆ ทำสมาธิ ญาณทัศนะ ให้ถงที่สุดซีครับ ท่านจะรู้เองว่าพระพุทธเจ้ายังอยู่ในที่ๆท่านอยู่คือนิพพาน ถึงท่านจะเข้านิพพานไปแล้ว เราสามารถเข้าถึงท่านได้อยู่ตลอดเวลา
อย่าให้ตัวกูหรืออัตตา มากำหนด ให้เรามืด บอด จาก พระนิพพานครับ
#11
โพสต์เมื่อ 16 August 2008 - 04:18 PM
(หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโณ)เทศน์เรื่องนิพพาน
#12
โพสต์เมื่อ 16 August 2008 - 06:02 PM
#13
โพสต์เมื่อ 17 August 2008 - 09:20 PM
#14
โพสต์เมื่อ 19 August 2008 - 03:19 PM
ปัญหา ในตัวเรานี้ มีอัตตาที่เป็นอมตะ เที่ยงแท้ถาวรหรือไม่ ?
พระอานนท์ตอบ
“ดูก่อนท่านอุทายี บุรุษต้องการแก่นไม้ เที่ยวเสาะแสวงหาแก่นไม้ ถือเอาขวานอันคมเข้าไปสู่ป่า
พบต้นกล้วยใหญ่ มีลำต้นทรงยังใหม่ ไม่รุงรังในป่านั้น พึงตัดที่โคนต้นแล้วตัดที่ปลาย
ครั้นแล้วลอกกาบออก แม้กระพี้ที่ต้นกล้วยนั้นก็ไม่พบที่ไหนจะพบแก่นได้ฉันใด
ดูก่อนท่านอุทายี ภิกษุจะพิจารณาหาตัวตนหรือสิ่งที่เป็นตัวตน หรือสิ่งที่เนื่องด้วยตนในผัสสายตะ ๖ ไม่ได้
ฉันนั้นเหมือนกัน เมื่อเล็งเห็นอยู่อย่างนี้
ก็ไม่ยึดถือสิ่งใดในโลก เมื่อไม่ยึดถือก็ไม่ดิ้นรน เมื่อไม่ดิ้นรน ก็ปรินิพพานโดยแท้”
อุทายีสูตร สฬา. สํ. (๓๐๒)
ตบ. ๑๘ : ๒๐๙-๒๑๐ ตท. ๑๘ : ๒๐๒
ตอ. K.S. ๔ : ๑๐๔
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
#15
โพสต์เมื่อ 20 August 2008 - 09:59 AM
#17
โพสต์เมื่อ 25 October 2008 - 04:07 PM