ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * * 1 คะแนน

เหตุของอปทาน


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 8 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 September 2009 - 02:10 PM

nerd_smile.gif เราเคยได้ยินได้ฟังบางท่อนของเพลงกฎแห่งกรรมที่ว่า
QUOTE
แม้แต่องค์พระสัมมา จอมจักรพรรตา หรือเทวามีฤทธิ์เลิศล้ำ ล้วนแต่มีผลจากการกระทำ ชีวิตตกต่ำหรือสูงส่งเพราะบาปหรือบุญ

และแม้พระองค์จะตรัสกับเหล่าภิกษุ 500รูปในเหตุการณ์ที่เผชิญหน้ากับช้างนาฬาคีรีว่า
QUOTE
มาเถิดภิกษุ เธออย่ากลัวเลยภพชาตินี้ ไม่ใช่โอกาส ไม่ใช่ฐานะ ที่บุคคลอื่นจะปลงชีวิตของตถาคตได้ เพราะพระตถาคตทั้งหลายย่อมไม่ปรินิพพานด้วยความพยายามของผู้อื่น


แม้เป็นเช่นนั้น แต่ก็มีเหตุการณ์ในพุทธกาล ซึ่งเป็นผลของเศษกรรมของพระพุทธองค์...ซึ่งควรค่าในการนำมาซึ่งการศึกษานี้จาก...

อรรถกถาขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑ เถราปทาน ๑. พุทธวรรค ๑. พุทธาปทาน
http://www.84000.org.......mp;i=1&p=10
http://www.84000.org.......mp;i=1&p=11
กรรมที่ต้องกระทำทุกรกิริยา
ในสมัยพระกัสสปะพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เกิดเป็นพราหมณ์ชื่อ โชติปาละ ไม่มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ทราบว่าพระกัสสปะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ได้กล่าวว่า"การตรัสรู้ของสมณะโล้นจักมีมาแต่ที่ไหน"
ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น พระโพธิสัตว์ต้องเสวยทุกข์ในอบายเป็นเวลานาน ด้วยเศษกรรมยังเหลืออยู่ แม้ในภพสุดท้ายก่อนจะได้ตรัสรู้ พระองค์ยังต้องหลงเดินทางผิด บำเพ็ญทุกรกิริยาทรมานพระองค์เองด้วยวิธีการต่างๆ อันเป็นวัตรของเดียรถีย์ มีการอดอาหาร เป็นต้น จนสรีระผอมเหลือแต่กระดูก ได้รับทุกขเวทนากล้าอันเกิดจากความเพียรเป็นเวลานานถึง ๖ ปี กว่าจะได้ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณ

กรรมที่ทำให้ถูกกล่าวตู่
ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์เกิดเป็นนักเลงสุราชื่อ มุนาลิ ได้กล่าวตู่ พระนันทะ สาวกของพระสัพพาภิภู ปัจเจกพุทธเจ้า ว่าเป็นสมณะทุศีลด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น พระโพธิสัตว์ต้องเสวยทุกข์ในอบายภูมิเป็นเวลานาน แม้ในปัจจุบันจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ด้วยเศษกรรมที่ยังเหลืออยู่ พระพุทธเจ้าจึงต้องถูกกล่าวตู่โดยนางจิญจมาณวิกา
เรื่องมีว่าเหล่าเดียรถีย์เกิดความริษยา ที่เห็นพระพุทธเจ้ามีบุคคลเลื่อมใสศรัทธาเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้ลาภสักการะของพวกตนน้อยลง จึงหาทางทำลายพระเกียรติคุณของพระพุทธเจ้า ด้วยการใช้นางจิญจมาณวิกา สาวิกาของพวกตน เป็นผู้ดำเนินการตามอุบาย กล่าวคือในตอนเย็น ขณะที่เหล่าชนกำลังเดินทางกลับเข้าเมือง ก็ให้นางเดินสวนทางออกไป ตอนเช้าขณะเหล่าชนเดินทางออกจากเมือง ก็ให้นางเดินสวนทางกลับเข้ามา ทำเช่นนี้เป็นประจำ จนชาวเมืองเกิดความสงสัย ถามว่านางออกไปนอกเมืองทุกเวลาเย็นด้วยเหตุอันใด นางตอบว่า เราออกไปตามความประสงค์ของพระสมณะโคดมผู้เป็นศาสดาของพวกท่าน และพำนักอยู่ในพระคันธกุฏีในพระเชตวัน เวลาล่วงมาหลายเดือน นางจิญจมาณวิกาจึงนำท่อนไม้มาผูกติดเอว สวมเสื้อคลุมทับไว้ ทำประหนึ่งว่าตนกำลังมีครรภ์เดินเข้าไปหาพระพุทธเจ้าในพระเชตวันวิหาร ท่ามกลางบริษัทที่กำลังพระธรรมเทศนา กล่าววาจาตู่พระพุทธเจ้าว่า เป็นผู้ที่ทำให้นางตั้งครรภ์ พระพุทธเจ้ามิได้โต้ตอบแต่ประการใด ทำให้ชนบางกลุ่มในที่นั้นเกิดความสงสัย คิดว่าหากไม่เป็นความจริง นางคงมิกล้ากล่าววาจาเช่นนี้ต่อหน้ามหาชนเป็นอันมากแน่นอน
พระอินทร์ทราบความ จึงแปลงร่างเป็นหนูไปกัดเชือกที่นางผูกเอวไว้ขาดออก ท่อนไม้หลุดลงมาทับเท้าของนางจนหลังเท้าแตก เหล่าชนในพระเชตวันวิหารเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น พากันขับไล่นางออกไป เมื่อพ้นประตูวิหาร นางก็ถูกเปลวเพลิงนรกฉุดลงไปสู่อเวจีมหานรก


กรรมที่ทำให้ถูกกล่าวหา
ในอดีตกาลพระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลพราหมณ์ ชื่อ สุตวา บวชเป็นดาบสสั่งสอนศิษย์ในป่าหิมพานต์ ต่อมามีดาบสผู้สำเร็จอภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ มายังสำนักของตน ด้วยความริษยาที่เห็นว่ามีวิชาความรู้มากว่าตน จึงกล่าวหาดาบสนี้ว่า "ดาบสนี้หลอกลวง ดาบสนี้บริโภคกาม" และยังแนะให้ศิษย์ของตนกระทำตาม
ด้วยวิบากแห่งกรรมที่กล่าวหาผู้อื่นโดยไม่เป็นจริง พระโพธิสัตว์และเหล่าศิษย์ต้องเสวยทุกข์ในอบายเป็นเวลานาน แม้ในปัจจุบันด้วยเศษกรรมที่ยังเหลืออยู่ พระพุทธเจ้าและสงฆ์สาวก จึงถูกกล่าวหาว่าร่วมกันฆ่านางสุนทรี
เรื่องมีว่า เหล่าเดียรถีย์ยังคิดที่จะทำลายพระเกียรติคุณของพระพุทธเจ้าต่อไป จึงใช้ให้นางสุนทรี สาวิกาของพวกตนอีกคนหนึ่งไปดำเนินการ ตามวิธีเช่นเดียวกับนางจิญจมาณวิกา จากนั้นได้ว่าจ้างเหล่าโจรให้ฆ่านาง นำศพไปหมกไว้ใกล้พระเชตวันวิหาร แล้วส่งคนของตนไปร้องเรียนต่อพระราชาว่า สาวิกาผู้หนึ่งของพวกตนหายไป พระราชาจึงมีรับสั่งให้ค้นหา พบศพหมกอยู่ใกล้พระเชตวันวิหาร เหล่าเดียถีย์จึงนำศพวางบนแคร่หาม ออกเดินประกาศไปทั่วพระนครว่า "เหล่าศากยะสมณะร่วมกันฆ่านาง" พระอานนท์ทูลความให้พระพุทธเจ้าทรงทราบ พระพุทธองค์ตรัสว่า อีก ๗ วัน เรื่องนี้จะปรากฏความจริง
ฝ่ายพระราชา แม้จะมีหลักฐานปรากฏเช่นนั้นก็ยังไม่แน่พระทัย รับสั่งให้เจ้าพักงานออกทำการสืบสวนหาความจริง เจ้าพนักงานไปพบกับเหล่าโจรซึ่งกำลังเมามาย ต่างก็อวดตัวว่าเป็นคนฆ่านางสุนทรี จึงคุมตัวไปเฝ้าพระราชา ทรงสอบถามจนได้ความจริงว่า เหล่าเดียรถีย์เป็นผู้ว่าจ้างพวกตน พระราชามีรับสั่งให้จับเหล่าเดียรถีย์คุมตัวไปเดินประจานไปทั่วพระนคร พร้อมทั้งให้ร้องประกาศว่า "พวกตนเป็นผู้สั่งให้ฆ่านาง มิใช่เป็นการกระทำของเหล่าศากยสมณะ" จากนั้นจึงนำตัวไปลงโทษสถานหนักทั้งหมด


กรรมที่ต้องเสวยข้าวแดง
ในสมัยพระปุสสะพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เกิดในครอบครัวของคนยากจน ต้องอาศัยเพียงอย่างเดียวเป็นอาหารสำหรับยังชีพ วันหนึ่งเห็นบรรดาสาวกของพระปุสสพุทธเจ้าฉันแต่ภัตตาหารอันมีรสเลิศ จึงกล่าวว่า "สมณะโล้นพวกท่านจงกินแต่ข้าวแดงเถิด"ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น พระโพธิสัตว์ต้องเสวยทุกข์ในอบายภูมิเป็นเวลานาน ด้วยเศษกรรมที่ยังเหลืออยู่ ในชาตินี้ พระพุทธองค์จึงต้องเสวยข้าวแดงเพียงอย่างเดียวตลอดพรรษา
สมัยหนึ่งพระองค์พร้องสงฆ์สาวกเสด็จเที่ยวไปโปรดเวไนยสัตว์ยังคามนิคมต่าง ๆ ใกล้เวลาเข้าพรรษา เสด็จถึงเมืองเวรัญชรา พักอยู่โคนไม้สะเดา เวรัญชพราหมณ์เข้าไปกราบทูลนิมนต์ให้จำพรรษา ณ เมืองเวรัญชรา พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับโดยดุษณี
มารผู้มีใจบาปได้ทำการดลใจชาวบ้านทั้งสิ้น มิให้ถวายภิกษาแม้แต่ทัพพีหนึ่งแก่พระผู้มีพระภาคเจ้าและสงฆ์ทั้งปวง จึงต้องเสด็จกลับมาด้วยบาตรเปล่า อาศัยพ่อค้าม้าที่พักแรมอยู่บริเวณนั้น แบ่งข้าวแดงซึ่งเป็นอาหารม้ามาให้ เหล่าสงฆ์ต้องนำมาบดแล้วเอาไปแช่น้ำให้อ่อน จากนั้นจึงนำมาฉัน ทั้งที่ยังมิได้หุงต้มให้สุก


กรรมที่ทำให้ต้องถูกลอบปลงพระชนม์
ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์ถือกำเนิด ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ขณะยังเป็นเด็กเล่นอยู่ข้างทางสัญจร เห็นปัจเจกพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง เดินมาทางที่ตนเล่นอยู่ เกิดความไม่พอใจด้วยคิดว่าพระปัจเจกพระพุทธเจ้าจะมาเหยียบย่ำของเล่นของตน จึงก่อไฟดักไว้ทั่วทาง ประสงค์จะเผาพระปัจเจกพุทธเจ้า ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น พระโพธิสัตว์ต้องเสวยทุกข์ในอบายภูมิเป็นเวลานาน แม้ในปัจจุบันด้วยเศษกรรมยังเหลืออยู่ พระพุทธเจ้าถูกพระเทวทัตขอกำลังพลแม่นธนูจากพระเจ้าอชาตศัตรู ให้มาลอบปลงพระชนม์

กรรมที่ทำให้ห้อพระโลหิต
ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์และพระเทวทัตเกิดเป็นพี่น้องร่วมบิดา แต่ต่างมารดากัน ครั้นบิดาล่วงลับไปแล้ว เกิดทะเลาะกันด้วยเหตุแห่งทรัพย์พระโพธิสัตว์มีกำลังมากกว่า จึงกดน้องชายลงกับพื้นดิน แล้วกลิ้งศิลาก้อนใหญ่ทับไว้ ประสงค์จะให้ตาย
ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น พระโพธิสัตว์ต้องเสวยทุกข์ในอบายภูมิเป็นเวลานาน แม้ในปัจจุบันด้วยเศษกรรมยังเหลืออยู่ พระพุทธเจ้าจึงต้องถูกสะเก็ดศิลา ที่พระเทวทัตกลิ้งลงมาหมายจะให้ทับพระองค์ กระเด็นมากระทบนิ้วพระบาทจนห้อพระโลหิต ขณะที่พระพุทธเจ้าเสด็จดำเนินขึ้นบนเขาคิชฌกูฏ (คิชฌ(แร้ง)+กูฏ(เขา) แปลว่า เขาที่มียอดเหมือนแร้ง)

กรรมที่ต้องถูกผ่าตัด
ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์เกิดเป็นบุตรของนักเลงผู้หนึ่ง เมื่อเจริญวัยจึงประพฤติตนเป็นผู้ชอบก่อการทะเลาะวิวาท หาเรื่องฆ่าฟันกันด้วยความเคยชิน ครั้งหนึ่งพระโพธิสัตว์ถือดาบเดินเข้าไปในเมือง ไล่ฆ่าฟันชาวเมืองผู้ไม่มีความผิด จนถึงแก่ความตายเป็นจำนวนมากด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น พระโพธิสัตว์ต้องเสวยทุกข์ในอบายภูมิเป็นเวลานาน แม้ในปัจจุบันด้วยเศษกรรมยังเหลืออยู่ พระพุทธเจ้าจึงต้องให้หมอชีวกโกมารภัจทำการผ่าตัดเอาโลหิตร้ายออกจากพระบาทที่ห้อพระโลหิต เนื่องจากถูกสะเก็ดศิลา ที่พระเทวทัตกลิ้งลงมากระเด็นมากระทบโดยแรง

กรรมที่ถูกช้างนาฬาคิรีพุ่งเข้าหา
ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์เกิดเป็นควาญช้าง วันหนึ่งขณะขี่ช้างไปตามหนทาง เห็นพระปัจเจกองค์หนึ่งกำลังเสด็จสวนทางมา เกิดโทสะว่าด้วยคิดว่า พระปัจเจกพุทธเจ้าองค์นี้ขวางทางเดินของตน จึงไสช้างเข้าไปไล่ ในขณะที่ท่านกำลังบิณฑบาต
ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น พระโพธิสัตว์ต้องเสวยทุกข์ในอบายภูมิเป็นเวลานาน แม้ในปัจจุบันด้วยเศษกรรมยังเหลืออยู่ ทำให้พระองค์ต้องถูกช้างนาฬาคิรีไล่ ขณะเข้าไปบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์

กรรมที่ทำให้ปวดพระเศียร
ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์เกิดในหมู่บ้านชาวประมงในเกวัฏฏคาม วันหนึ่งพระโพธิสัตว์กับพวกบุรุษชาวประมง ไปยังที่เขาฆ่าปลาเพื่อนำไปจำหน่าย เห็นคนทั้งหลายฆ่าปลาด้วยการทุบหัว เกิดความโสมนัสยินดีในอกุศลกรรมนั้น
ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น พระโพธิสัตว์ต้องเสวยทุกข์ในอบายภูมิเป็นเวลานาน แม้ในปัจจุบันด้วยเศษกรรมยังเหลืออยู่ พระองค์บังเกิดในตระกูลศากยราช แม้จะได้บรรลุความเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ก็ยังได้เสวยความเจ็บปวดพระเศียรอย่างรุนแรง ทันทีที่ทราบข่าวว่าพระเจ้าวิฑูรฑภะทำลายล้างเหล่าศากยะถึงแก่ความพินาศไปด้วยกันเกือบทั้งหมด

กรรมที่ทำให้ปวดพระปฤษฎางค์(หลัง)
ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลคหบดี เป็นผู้มีรูปร่างเตี้ย แต่มีพละกำลังแข็งแรง ครั้งนั้นมีนักมวยปล้ำผู้หนึ่งเที่ยวท้าทายเหล่าชนในเมือง ให้มาประลองกำลังกับตน ปรากฏว่าไม่มีผู้ใดสามารถเอาชนะได้ พระโพธิสัตว์เห็นดังนั้นจึงเข้าไปประลองฝีมือ อาศัยความประมาทของ นักมวยปล้ำผู้นั้น ถูกพระโพธิสัตว์จับตัวยกขึ้นหมุนไปโดยรอบ แล้วปล่อยทิ้งลงมา นักมวยปล้ำได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง
ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น พระโพธิสัตว์ต้องเสวยทุกข์ในอบายภูมิเป็นเวลานาน แม้ในปัจจุบันด้วยเศษกรรมยังเหลืออยู่ ในชาตินี้ทำให้พระองค์บังเกิดทุกขเวทนาด้วยการปวดพระปฤษฎางค์ ขณะที่ประทับนั่งเป็นเวลานานโดยมิได้เคลื่อนไหวอิริยาบถ ในกาลบางคราว พระองค์จึงตรัสกับพระสารีบุตรและพระโมคัลลานะ ให้แสดงธรรมต่อจากพระองค์

กรรมที่ทำให้ลงพระโลหิต(ถ่ายเป็นเลือด)
ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์เกิดเป็นแพทย์ หาเลี้ยงชีพด้วยการรับรักษาโรคทั่วไป บุตรเศรษฐีผู้หนึ่งป่วยด้วยโรคเรื้อรังมาช้านาน ไม่มีผู้ใดรักษาให้หายได้ เศรษฐีผู้บิดาจึงมาขอร้องให้พระโพธิสัตว์ทำการรักษา พระองค์ประกอบยาขนานหนึ่งให้ผู้ป่วยดื่ม ครั้นอาการทุเลาลง พระโพธิสัตว์เรียกร้องค่าดูแลรักษา เศรษฐีตอบแทนด้วยกหาปณะเพียงเล็กน้อย(๑ กหาปณะ = ๔ บาท) พระโพธิสัตว์ไม่พอใจจึงประกอบยาให้อีกขนานหนึ่ง เมื่อบุตรเศรษฐีบริโภคแล้วเกิดอาการถ่ายเป็นโลหิตจนถึงแก่ความตาย
ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น พระโพธิสัตว์ต้องเสวยทุกข์ในอบายภูมิเป็นเวลานาน แม้ในปัจจุบันด้วยเศษกรรมยังเหลืออยู่ ในชาตินี้ทำให้พระองค์เกิดอาการลงพระโลหิต หลังจากเสวยสูกรมัททวะที่นายจุนทะถวาย ในวันปรินิพพาน

ชื่อว่า กรรม แม้จะเล็กน้อยหรือยิ่งใหญ่เพียงใดก็ตาม เมื่อถึงวาระที่กรรมนั้นให้ผล แม้แต่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ประเสริฐสุดในไตรภพ ก็ยังมิอาจหลีกเลี่ยงให้พ้นไปได้ด้วยประการฉะนี้ dont_tell_anyone_smile.gif

นำมาฝากเป็นธรรมทานครับ.... nerd_smile.gif



ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#2 *sky noi*

*sky noi*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 14 September 2009 - 04:34 PM

QUOTE
ยัง กัมมัง กะริสสามิ เราทำกรรมใดไว้

กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา ดีหรือชั่วก็ตาม

ตัสสะ ทายาโทภะวิสสามิ เราจะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น


QUOTE
แม้จะเล็กน้อยหรือยิ่งใหญ่เพียงใดก็ตาม


ต้อง หยุด กับ นิ่ง เท่านั้นจึงจะช่วยเราได้
อนุโมทนากับธรรมทานนี้ด้วยนะคะ
สาธุ ๆ ๆ

#3 สาธุธรรม

สาธุธรรม
  • Members
  • 1124 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 September 2009 - 11:13 PM

อนุโมทนาบุญกับธรรมทาน ของผู้เตือนตนและผู้อื่นไม่ให้ประมา์ทค่ะ.....


เป็นอย่างที่คุณครูฯ สอนจริงๆ นะคะ

"มารไม่ใช่หมู มารไม่ใช่แมว แต่มารคือ มาร"
หยุดนิ่งนั้นแหละไซร้ พรหมจรรย์
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ

สุนทรพ่อ

#4 ต้นกล้าธรรม

ต้นกล้าธรรม
  • Members
  • 101 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 15 September 2009 - 04:48 AM

สาธุ สาธุ กับธรรมทานครับ smile.gif

#5 ตะกร้าอีกใบ

ตะกร้าอีกใบ
  • Members
  • 1297 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 September 2009 - 09:18 PM

อนุโมทนาธรรมทานนะครับ


อย่าขาดการปฏิบัติธรรมแม้แต่เพียงวันเดียว
เพราะขาดแม้เพียงวันเดียว ใจเราจะหยาบ ทำให้ผังวิตกกังวลได้ช่อง

7 ส.ค. 48



#6 สบาย

สบาย
  • Members
  • 112 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 September 2009 - 12:54 PM

อ่านแล้วเตือนสติให้กับตนเองดีจัง อนุโมทนาบุญ กับธรรมทาน สาธุ

#7 Tree

Tree
  • Members
  • 2076 โพสต์

โพสต์เมื่อ 01 October 2009 - 02:27 AM

ขอร่วมอนุโมทาบุญในธรรมทานกับเจ้าของกระทู้ด้วยนะครับ

#8 สุรชัย (กัปตัน)

สุรชัย (กัปตัน)
  • Members
  • 407 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 October 2009 - 09:27 PM

เป็นธรรมทานที่ดีมากครับ สาธุครับผม

#9 ณ ๐๗๒

ณ ๐๗๒
  • Members
  • 1340 โพสต์
  • Location:Ladkrabang

โพสต์เมื่อ 12 October 2009 - 02:23 AM

QUOTE
กรรมที่ทำให้ปวดพระเศียร
ใน อดีตกาล พระโพธิสัตว์เกิดในหมู่บ้านชาวประมงในเกวัฏฏคาม วันหนึ่งพระโพธิสัตว์กับพวกบุรุษชาวประมง ไปยังที่เขาฆ่าปลาเพื่อนำไปจำหน่าย เห็นคนทั้งหลายฆ่าปลาด้วยการทุบหัว เกิดความโสมนัสยินดีในอกุศลกรรมนั้น
ด้วย วิบากแห่งกรรมนั้น พระโพธิสัตว์ต้องเสวยทุกข์ในอบายภูมิเป็นเวลานาน แม้ในปัจจุบันด้วยเศษกรรมยังเหลืออยู่ พระองค์บังเกิดในตระกูลศากยราช แม้จะได้บรรลุความเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ก็ยังได้เสวยความเจ็บปวดพระเศียรอย่างรุนแรง ทันทีที่ทราบข่าวว่าพระเจ้าวิฑูรฑภะทำลายล้างเหล่าศากยะถึงแก่ความพินาศไปด้วยกันเกือบทั้งหมด


นี่ขนาดแค่คิดยินดีในอกุศลกรรมเท่านั้น ยังไม่ได้กระทำด้วยซ้ำ และขณะนั้นท่านเป็นถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังต้องรับผลกรรมถึงขนาดนั้น

แล้วถ้าเป็นแค่มนุษย์ตัวเล็กๆ ล่ะ ธรรมกายก็ยังไม่ได้ ดวงปฐมมรรคก็ยังไม่เห็น ศีลห้าบ้าง ศีลแปดบ้าง ศีลด่างพร้อยบ้าง แล้วผลกรรมที่ได้รับจะขนาดไหน

ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)

ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี  ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ  ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป