คนมักโกรธ
#1
โพสต์เมื่อ 17 October 2008 - 02:46 PM
กระทบกระทั่งนิดหนึ่ง ก็ทะเลาะกันทุกที ขนาดโตๆๆ (แก่ๆๆ).. แล้วนะ ยังทะเลาะกันเหมือนเด็กเลย
พูดไม่ถูกหูหน่อยนึง ..ก้อพาลโกรธไม่มองกันเลย
อยากรู้ว่า ..หากเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ อานิสงส์เป็นไง สำหรับคนคนนี้
แล้วคนที่อุปนิสัยแบบเนี๊ยะ ...นั่งธรรมะได้ดีจริงเหรอ ..เชื่อได้ป่ะคะ
เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง มีจริงๆๆ ก็เลย... อึ้ง!!!
#2
โพสต์เมื่อ 17 October 2008 - 03:04 PM
โกรธบ่อยๆ ก็ต้องไปเกิดเป็นยักษ์... ดังที่หลวงพ่อเคยสั่งสอนบ่อยๆ
นั่งธรรมะได้ดีจริงเหรอ ..เชื่อได้ป่ะคะ... อย่าไปสนใจเลย ว่านั่งได้ดีหรือปล่าว สนว่าเรานั่งได้ดีหรือไม่ก็พอ
สาธุ..
#3
โพสต์เมื่อ 17 October 2008 - 06:20 PM
...SMILE.... SMILE.... SMILE...
...ยิ้ม... ใส... ปิ๊ง...
#4
โพสต์เมื่อ 17 October 2008 - 06:58 PM
#5
โพสต์เมื่อ 17 October 2008 - 08:14 PM
เพราะว่า เวลาที่นั่งสมาธินั้น ไม่ว่าจะอารมณ์ไหนก็ตาม ก็สามารถสที่จะสงบลงได้ ด้วยอำนาจของสมาธิ เพียงแต่จะได้ผลในระดับใดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้นั้นจะสามารถที่จะปลดปล่อยวางอารมณ์เหล่านั้นได้มาก ได้น้อย ได้เร็ว ได้ช้า กว่ากัน ก็เท่านั้นเอง
แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้คือ เราจะต้องรู้ทันอารมณ์เหล่านี้ว่ามันเกิดขึ้นมาตอนไหน และรีบปรับสภาพจิตใจของเราให้ทันมัน อย่าไปยอมให้ใจของเรา ไปเสพเอาอารมณ์ที่ไม่ดีเหล่านี้ มาใส่ในใจของเราได้ เพราะมันจะทำให้เราไม่ต้องใช้ความพยายามมาก ที่จะนั่งลบอารมณ์เหล่านี้ในขณะที่ต้องทำใจหยุดใจนิ่งกัน
บางคนก็นั่งลบตั้งแต่เริ่มต้นจนจบก็ยังลบไม่ได้เลย เพราะใจไปเสพคุ้นอยู่กับอารมณ์เหล่านี้เป็นเวลานานๆ ซึ่งมันนานกว่าเวลาที่เรามานั่งสมาธิเสียอีก ด้วยเหตุนี้แหละ มันจึงทำให้เราได้ผลจากการปฏิบัติธรรมหล้าช้ากว่าคนอื่น จะเข้าวัดมาร้อยปีก็ร้อยปีเถอะครับ ถ้ายังทิ้งอารมณ์เหล่านี้ไม่ได้ ก็ไม่สามารถที่จะบรรลุธรรมได้ ถึงแม้ได้ ก็จะได้แบบไม่ละเอียดมากนัก
ไม่เหมือนกับคนที่เขาฝึกใจได้แล้ว ถึงแม้เข้าวัดช้า มาไม่ทันใครเขา แต่เขาก็สามารถที่จะมีผลการปฏิบัติธรรมได้ดีกว่าเราได้ เพราะบางทีเราเข้าวัดนาน เราก็มักจะประมาท ไปมองแต่คนอื่นไปห่วงแต่คนอื่น ไปรักแต่คนอื่น จนลืมที่จะหันกลับมองตัวเอง ห่วงตัวเอง และรักตัวเอง จึงไม่ได้เฉลียวใจว่า เราลืมนึกถึงอยู่คนหนึ่งนะ นั่นคือตัวเราเอง
เราต้องตั้งคำถามกับเราทุกวันว่า วันนี้ตื่นขึ้นมา เราบรรลุธรรมยัง แล้วจะทำอย่างไรให้เราสามารถที่จะบรรลุธรรมได้ เพราะตัวเราเองก็ยังไม่รู้เลยว่า เราจะตายวันไหน พรุ่งนี้จะยังคงมีลมหายใจอยู่กับเรารึเปล่า อันนี้ต้องคิดกันให้มากๆนะครับ อย่าได้ประมาท อย่าลีมว่า เราเกิดมาเพื่อจะเอาอะไร ทำอะไร แล้วจะไปที่ไหน เพราะสิ่งนี้คือหน้าที่ของเราทุกคน
กุญแจวิเศษ
#6
โพสต์เมื่อ 17 October 2008 - 10:59 PM
เป็นอุทาหรณ์...โทสะจริตต้องแก้กันไป...ช่วยกันแนะนำ...อดทนใจเย็น...มีจิตเมตตา
ในกรณีศึกษา...นอกจากยักษ์แล้ว...หากเป็นมนุษย์ระวังไธรอยด์เป็นพิษนะ...
#7
โพสต์เมื่อ 18 October 2008 - 12:15 AM
#8
โพสต์เมื่อ 18 October 2008 - 02:14 PM
เรียนเจ้าของกระทู้ คนมักโกรธ
ดิฉันเองก็เคยเป็นเช่นนั้น รวมทั้ง hyper thyroid
ยอมรับค่ะว่าแก้ยากมาก จนเคยคิดว่าชาตินี้คงแก้ไม่ได้แล้ว ติดตัวข้ามภพข้ามชาติเสียแน่แท้แล้วเรา
แต่อย่างไรก็ดี ไม่เคยทิ้งบุญทั้ง ทาน ศีล และภาวนา แล้วอยู่มาวันหนึ่งได้ฟังคุณครูไม่ใหญ่ในโรงเรียน
อนุบาลฝันในฝันวิทยาว่า ยักษ์หล่อ ยักษ์สวยก็มี แต่อย่างไรก็ดีเวลาโกรธก็จะมีเขี้ยวออกมา
และเมื่อมองไปรอบทิศ จะมีกัลยาณมิตรรอบตัวเป็นยักษ์
ฟังแล้วหยองเลย นี่เราภาวนาให้ได้ไปเกืดในปฏิรูปเทศ แล้วนิสัยเสียอย่างนี้จะไปได้อย่างไร
แค่หลงเข้าไปอยู่ในหมู่คนพาลบางครั้งก็ยอดแย่แล้ว เห็นความแตกต่างอย่างมากมายเพราะมี
ครูบาอาจารย์ดี คอยประคับประคองตลอดมา เป็นยอดกัลยาณิตร การคบบัญทิตทั้งทางโลกและ
ทางธรรม นำมาแต่สิ่งที่ดีงามทั้งชาตินี้และชาติหน้า
จากฟังแล้วหยอง ก็ต้องคิดแก้ไข ครูบาอาจารย์เตือนต้องนำมาคิด เราผิดจริงหรือเปล่า เมื่อตัดสินใจ
จะไม่ไปเมืองยักษ์ ต้องฉีกทิ้ง VISA ไปเมืองยักษ์ ขอทำpassport และVISAใหม่เพื่อไปดุสิตบุรี
ทำอย่างไร เราทำได้ ถ้าได้ทำ ก็ทำใจ บอกตัวเองซิอยากไปอยู่ก้บยักษ์ ก็รักษานิสัยมักโกรธไว้ให้ดี
VISA ไปเมืองยักษ์จะได้ไม่หมดอายุไงละ เพราะVISAนี้ใครก็ทำให้ไม่ได้ ใครอยากไปไหนก็ต้องทำ
เอาเอง เหมือนอาหารหรืออากาศหายใจ ใครจะไปทำแทนให้กันได้
สองปีผ่านไป แล้ว หมอพิเศษเฉพาะด้านTHYROID ถามว่าyouไปทำอะไรมาเพราะไม่ต้องทานยาเลย
หมอให้ยามาตลอดเวลาก่อนหน้านั้น hyper thyroid จะup and down คอยตรวจอยู่เป็นระยะ ๆ เวลา
นี้หมอก็ยังติดตามผลอยู่ และผลก็เป็นปรกติดี
นิสัยยักษ์มักโกรธก็ยังมีอยู่นะ แต่อ่อนกำลังลงด้วยธรรมาวุธ สุดวิเศษ LOVELY LOVE เมตตา ธรรม
ค้ำจุนโลก และทำตามที่คุณครูไม่ใหญ่สอนว่า ทิ้งทุกอย่าง วางทุกสิ่ง นิ่งอย่างเดียว หยุดให้เป็น
เย็นให้พอ ในที่สุดคุณก็ชนะ AT LAST YOU WIN
#9
โพสต์เมื่อ 18 October 2008 - 02:54 PM
ทิ้งทุกอย่าง วางทุกสิ่ง นิ่งอย่างเดียว
หยุดให้เป็น เย็นให้พอ รอให้เป็น
#10
โพสต์เมื่อ 18 October 2008 - 07:32 PM
^
ยอดมากๆ โดนจัย
#11
โพสต์เมื่อ 18 October 2008 - 09:49 PM
ขอตัวเราอย่าใส่ใจ อย่าเสียใส
ใครจะด่า ใครจะว่า อย่าใส่ใจ
ใครที่ทำ ใครคนนั้น เขารับเอง
ตัวเรานั้น หมั่นหยุดนิ่งจะดีกว่า
อย่าไปมัว คว้าความขุ่น ให้หม่นหมอง
รักตัวเอง รักกลางกาย มั่นตรึกตรอง
แล้วจะร้องแต่คำว่า สุข จังเลย!
#12
โพสต์เมื่อ 19 October 2008 - 02:27 PM
#13
โพสต์เมื่อ 19 October 2008 - 07:51 PM
คำว่าปล่อยวาง อโหสิ หนีหายกระเจิงไปหมดเลย
แต่ถ้าเรามีสติ ระลึกถึงผลดี ผลเสียจากการโกรธ
สงบนิ่ง ทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
อย่าให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล
เมื่อปฎิบัติบ่อยขึ้น จิตใจเราก็จะเย็นลง
เป็นศัตรูกับใครยากขึ้น