อย่างนี้เรียกว่าผิดใช่ป่ะ
#1
โพสต์เมื่อ 12 January 2009 - 03:11 PM
บังเอิญว่าเป็นวันพระเลยมีคุณยายคุณย่าที่วันพระมาถือศีล8อยู่ที่(วัดปรกติจะอยู่ที่บ้าน)
(แถวบ้านผมเรียกอุบาสิกาที่ถือศีล8ที่วัดว่าแม่ขาวครับ)
ก็น่อนุโมทนาดีนะแต่ลองอ่านต่อดูนะครับ
แล้วในช่วงถวายเพลพระก็เห็นท่าน(แม่ขาว)พูดกันทำนองว่าท่านแทนคำว่ารับประทานที่ใช้กับแม่ขาวด้วยกันว่า"ฉัน"
ก่้อนทานข้าวผมไปประเคนภัตตาหารพระ พอผมประเคนเสร็จแม่ขาวก็บอกให้คนที่นั่งแถวนั้นไป"ประเคน"อาหารให้ตัวเอง
แล้วยังทานข้าวก่อนพระผู้ใหญ่อีกนะครับ(คือพระนั่งบนอาสน์สงฆ์พวกยาย ๆ นั่งพื้นหน้าพระ)
ผมก็งงๆนะครับและที่เด็ดสุดๆคือช่วงที่พระให้พรพวกแม่ขาวที่วัดนี้สวดบทสัพโร.....เหมือพระสวดเปะๆเลยครับยาย ๆ แกสวดอย่างมีความสุขผมก็สงสัยว่าให้พรใคร
แล้วบทให้พรนี้เป็นของพระแล้วโยมเอาไปสวดพระจะทำอย่างไรกันนี่
เลยสงสัยครับ
ผมคิดว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมแต่ก็ยากที่จะพูดเ้ลยอยากสอบถามพี่น้องชาวDMCว่าคิดว่าเรื่องนี้เป็นไงบ้างครับ
อนุโมทนากับทุกความเห็นครับ
#2
โพสต์เมื่อ 12 January 2009 - 03:37 PM
ถ้าเป็นผมก็คงแปลกใจ แต่ก็ไม่น่าจะทำอะไร เนื่องจากวัยวุฒิและศีลน้อยกว่าท่าน คงปล่อยเป็นเรื่องของพระท่าน การตีตนเสมอพระคงมีวิบากบ้างไม่มากก็น้อยครับ...
#3
โพสต์เมื่อ 12 January 2009 - 05:03 PM
#5
โพสต์เมื่อ 12 January 2009 - 06:14 PM
เพราะทำบุญถูกเนื้อนาบุญ คือได้ทำทานกับพระสงฆ์ ก็ได้บุญแล้ว ได้ทำทานกับผู้ที่รักษาศีล ก็ได้บุญอีกชั้นหนึ่ง
เวลากล่าวถวายเราถือว่าถวายให้แก่สงฆ์เป็นสังฆทาน แล้วพระสงฆ์ก็ให้นำอาหารไปให้ทานแก่แม่ขาวอีกชั้น
ผู้ถวายก็จะได้บุญสองชั้น โดยการทำเป็นประเพณีนี้เป็นที่เข้าใจของคนในชุมชนอยู่แล้ว เราจึงนำอาหารไปให้
กับแม่ขาวได้เลย ส่วนการประเคน เป็นกิริยาเพื่อแสดงว่ายกให้แล้ว เท่านั้นเอง
ส่วนการที่ พ่อขาวแม่ขาวท่านให้พรพร้อมกับพระ ก็เป็นการให้พรแก่เราผู้ที่มาทำบุญและการให้เป็นบาลีพร้อมกับพระ
พรจะศักสิทธิ์ขึ้นอีก เพราะ นอกจากพระเณรแล้วยังมีพรจากผู้อาวุโสที่มีศีลอีก การสวดพร้อมกับพระ
ก็จะได้ไม่เสียเวลามาก พิธีจะได้กระชับนั่นเอง หรือใครมีความเห็นเป็นอย่างอื่นมั้ยครับ
การที่ท่านให้พรเราได้ เพราะท่านมีศีลบริสุทธิ์กว่าโยมทั้งหลายนั่นเองแม้จะเพียงวันเดียวก็ตาม
เท่าที่เล่ามาถ้าจะหาที่ผิด ก็เห็นจะเป็นเพียงการใช้คำว่า "ฉํน" และการทานข้าวก่อนพระ นั่นเองที่ดูไม่น่าจะเหมาะ
แต่ปรกติที่เคยเห็น จะทานพร้อมๆกับพระฉันเลย อาจมีบางทีที่ท่านหิว เลยไม่ทันได้สังเกตว่าพระเริ่มฉันหรือยัง
และการที่พ่อขาวแม่ขาว ทำแบบนี้ไม่ใช่เป็นการตีตนเสมอพระ แต่เป็นการปฏิบัติตามประเพณีในท้องถิ่น
ซึ่งไม่ได้ขัดกับหลักการของพระพุทธศาสนาใด
#6
โพสต์เมื่อ 12 January 2009 - 06:19 PM
ถามทำนองที่ว่า ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย มีที่มาที่ไปอย่างไรหรือครับท่าน
ศีล ๘ ก้ไม่มีข้อบัญญัติเรื่องการประเคนอาหารไว้ หลวงพ่อคิดว่าอย่างไร ผมว่าการทำตัวเลียนเยี่ยงพระ น่าจะไม่เหมาะสม หรือหลวงพ่อว่ายังไง ลองคุยกับ แม่ขาวดูสิครับ
การสวดให้พร ถ้าตามความหมายแล้ว คือการที่พระท่านให้ความประเสริฐบังเกิดขึ้นแก่ตัวเรา แต่การสวดพร้อมพระด้วยเสียงที่เท่ากัน ผมว่าดูจะผิดวัตถุประสงค์ของการให้พรไปหน่อย เหมือนๆทำตัวเสมอพระ หลวงพ่อว่าอย่างไรครับ
การทำตัวเสมอพระ คนจากชุมชนอื่นเขามาเห็น เขาจะรังเกียจเอาได้นะหลวงพ่อ ไม่เห็นมีที่ไหนทำกัน ดีไม่ดีจะพาลไม่อยากเข้าวัดเอา หลวงพ่อว่ายังไงครับ
ฯลฯ
ถามทำนองแบบนี้แหละครับ แล้วเราจะได้คำตอบ แต่ถ้า หลวงพ่อท่านตอบมาว่า ไม่รู้ซิ ไม่เห็นเป็นไรเลย คุณก็ต้องเงียบแล้วก็ทำใจเท่านั้นนะครับ เพราะเจ้าอาวาส ผู้ดูแลความเป็นไปของวัดยังตอบอย่างนั้น เราจะไปทำอะไรได้
ได้ความว่าไงก็ส่งข่าวกันบ้างนะครับ
อนุโมทนาบุญกับความใส่ใจในพระพุทธศาสนาด้วยนะครับ
#7
โพสต์เมื่อ 12 January 2009 - 06:31 PM
ส่วนเรื่องทานก่อนพระนั้นดูจะไม่เหมาะสม ควรเริ่มทานหลังจากพระท่านฉันไปได้ 1-2 คำแล้วเป็นอย่างน้อย
น่าจะหาหนังสือ หรือวิดิโอไปฝากพวกท่านนะคะ หรือภาพทีี่่มีการปฏิบัติตนที่ถูกต้อง
แล้วที่วัดนั้นมีแม่ชีไม๊คะ ถ้ามีก็ให้แม่ชีอธิบายให้เค้าเข้าใจ เพราะแม่ชีก็จะทานข้าวหลังพระเริ่มฉัน แต่ไม่ทานก่อนพระฉัน และพนมมือนั่งรับพรพระเหมือนกัน
หรือไม่ก็น่าจะเอาวิดิโอ ภาพการร่วมงานบุญที่วัดเราไปให้เค้าดูนะคะ ที่มีการถวายสังฆทาน และรับพรพระ แล้วก็บอกว่า อุบาสก อุบาสิกาที่แต่งๆ ชุดขาวๆ หลายๆ ท่านก็ถือศีลแปด
อีกวิธีก็หาทางเอา DMC ไปติดให้ที่วัด ...อันนี้ต้องเข้าทางพระ บอกพระท่านว่าเอามาติดให้โยมดู มีสอนเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา สอนกฏแห่งกรรม สอนการวางตนเป็นชาวพุทธที่เหมาะสม
คิดได้แค่นี้ก่อนอ่ะคะ รอท่านอื่นๆ มาตอบแล้วกัน
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#8
โพสต์เมื่อ 12 January 2009 - 07:02 PM
- อย่าเพิ่งรีบตัดสินผิดถูกด้วยการมองของเราคนเดียวครับ...บางทีแม่ขาวอาจเป็นญาติผู้ใหญ่ของพระก่อนบวช หรือเป็นโยมอุปฐาก ผู้จัดการ...ครัว การเงินวัด ฯลฯ พระท่านจึงเกรงใจก็เป็นไปได้
- ควรไม่ควร...เหมาะสมหรือไม่...พิจารณาตามสถานการณ์...ยังไงก็ขอนิมนต์พระคุณเจ้าที่เป็นสมาชิกในสื่อสีขาวนี้..วิสัชนาคำถามของกระทู้นี้ด้วยเทอญ
#9
โพสต์เมื่อ 13 January 2009 - 01:53 AM
อย่างไรก็ขออนุโมทนาบุญกับเจ้าของกระทู้ด้วยนะครับ สาธุ สาธุ สาธุ
#10
โพสต์เมื่อ 14 January 2009 - 12:24 PM
เพราะพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่ถูกตรง
ท่านอาจกลัวว่าอนาคตจะผิดเพี้ยนกันไปใหญ่
แต่ละท้องถิ่น ก็มีความเชื่อ มีประเพณี สอดแทรกในพุทธพิธี จนบางที่แทบไม่เหลือพุทธศาสตร์ มีแต่ไสยศาสตร์ล้วนๆ
ก็ต้องช่วยกัน เราลูกหลานหลวงปู้ คุณยาย คุณครูไม่ใหญ่
อยู่ที่ใดก็ทำให้เป็นแบบอย่างที่ดี เป็นพุทธแท้ คือ เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน อยู่ในบุญตลอดกาลก็แล้วกันนะจ๊ะ
#11
โพสต์เมื่อ 15 January 2009 - 12:30 AM
#12
โพสต์เมื่อ 15 January 2009 - 11:42 PM
#13
โพสต์เมื่อ 18 January 2009 - 09:28 AM