เทวดาชั้นไหนมีบุญมากกว่ากันหรอคัพ
#1
โพสต์เมื่อ 15 February 2006 - 10:16 AM
เทวดาชั้นดุสิต กับ ปรนิมมิตวสวัสดี ขอเหตุผลด้วยนะครับ
อันไหนบุญเยอะกว่ากันหรอคับ -_-
#2
โพสต์เมื่อ 15 February 2006 - 10:46 AM
แต่ชั้นดุสิต คือเหล่าโพธิ์สัตว์ทั้งหลาย
มีทั้งที่บุญมากกว่า และบุญน้อยกว่า
อธิบายไม่ถูกค่ะ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#3
โพสต์เมื่อ 15 February 2006 - 10:51 AM
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#4
โพสต์เมื่อ 15 February 2006 - 10:54 AM
ก็ลองดูสิ
ไปอ่านหน้าคุยกันก่อนดูสิ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#5
โพสต์เมื่อ 15 February 2006 - 11:00 AM
ก็ลองดูสิ
ไปอ่านหน้าคุยกันก่อนดูสิ
งง คับเพ่น้อง
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#6 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 15 February 2006 - 11:40 AM
#7 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 15 February 2006 - 11:42 AM
#8
โพสต์เมื่อ 15 February 2006 - 12:01 PM
ชั้น 1,2,3 ไม่ได้มีความพิเศษอะไร
ชั้น 4 มีความพิเศษคือ เทพบุตร เทพธิดา บนสวรรค์ชั้นนี้ สามารถจุติได้ทุกเวลาที่ปรารถนา โดยทำสมาธิแล้วอธิษฐานจิตขอจุติ ก็จะจุติลงมาสร้างบารมีได้เลย ดังนั้น พระโพธิสัตว์จะนิยมไปอยู่กันน่ะครับ เพื่อที่จะเลือกเวลาลงมาเกิดสร้างบารมีได้เต็มที่
ชั้น 5 มีความพิเศษที่ชั้น 1-4 ไม่มีคือ เนรมิตเปลี่ยนได้ ยกตัวอย่างเช่น วิมาณ ราชรถ ชั้น 1-4 มีหน้าตาอย่างไร ก็เป็นหน้าตาอย่างนั้นตลอดอายุขัย เปลี่ยนไม่ได้ แต่ถ้าอยู่ชั้น 5 วันนี้เบื่อวิมาณหน้าตาแบบนี้แล้ว เนรมิตเปลี่ยนหน้าตารูปทรงวิมาณ ราชรถได้เต็มที่เลยครับ
ชั้น 6 มีความพิเศษคือ คล้ายๆ ชั้น 5 ที่เนรมิตได้ตามปรารถนา แต่ต่างกันตรงที่ ไม่ต้องเนรมิตเอง แต่จะมีบริวารรู้ใจมาคอยเนรมิตให้ครับ
#9
โพสต์เมื่อ 15 February 2006 - 12:10 PM
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#10
โพสต์เมื่อ 15 February 2006 - 02:09 PM
ข้อแตกต่างของชั้นดุสิต กับชั้น 5-6 น่าจะเป็นตรงที่ ชั้น 5-6 เป็นเบญจกามคุณแบบโอฬารมีบุญมากก็เสวยบุญสนองกิเลสกามที่เป็นทิพย์มากครับ
ชั้นที่ 4 ดุสิต เป็นชั้นของพระโพธิสัตว์เป็นชั้นที่มุ่งชนะกิเลสมารในตน ถามว่ามีบารมีมากกว่าชั้น 5-6 หรือป่าวตอบว่าเยอะมากกว่าครับ เพราะบุญบารมีนับวันมีแต่จะเพิ่มมากขึ้นๆ ทั้งนี้เพราะบุญของพระโพธิสัตว์ไม่หกกระเฉาะเพราะมัวเสพเบญจกามคุณอันโอฬารครับ
อุปมาเหมือนกับ คนมีสเบียงอาหารมาก ถ้าบริโภคเสบียงมากไม่รู้จักควบคุมความอยากติดสุขในการเสพเพลิดเพลิน แน่นอนสเบียงจะต้องหมดแน่ไม่วันใดก็วันหนึ่ง กับอีกจำพวกหนึ่งแม้จะมีสเบียงอาหารมากแต่ก็ไม่ประมาทมัวเมา พึงบริโภคอาหารแต่พอสมควรและเร่งหาเสบียงอาหารอยู่เนืองๆ ถามว่าระหว่างมีสเบียงมากใช้มาก กับมีสะเบียงมากใช้น้อยขยันสะสมสเบียงใครจะมีสเบียงอาหารมากกว่ากันครับ
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#11
โพสต์เมื่อ 15 February 2006 - 02:31 PM
#12
โพสต์เมื่อ 15 February 2006 - 02:57 PM
[attachmentid=2291]
ใครอยากได้ไฟล์เต็มๆ ให้ไป download ได้ที่ web site ของ DOU ที่นี่เลยครับผม http://www.dou.us/el.../gl101fade.html อนุโมทนาบุญครับ
ไฟล์แนบ
#13
โพสต์เมื่อ 15 February 2006 - 04:59 PM
คนละเรื่องเรย หุหุ
เท่าที่จำได้ ผมถามว่าเทวดาชั้นไหนมีบุญมากกว่ากันนะ
55555555+ แปลกดี
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#14 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 16 February 2006 - 12:02 PM
เหตุผล 1.เป็นที่อยู่ของพระโพธิสัตว์ที่มีหน้าที่พิเศษ ต้องใช้บุญในการทำหน้าที่นี้มากๆๆๆ
บุญเล็กน้อยไม่เพียงพอรองรับครับ
2.เป็นสะดือของจักรวาล (ศูนย์กลางของอนันตจักรวาล) ผู้มีบุญจากทั่วอนันตจักรวาล
จะถูกดึงดูดมาที่นี่ เป็นศูนย์รวมพระโพธิสัตว์ครับ
#15 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 16 February 2006 - 12:03 PM
ผมไม่ได้ดีไปกว่าใคร: เพราะถ้าผมดีจริงผมคงไปนิพพานแล้ว
ผมไม่ได้อยู่เหนือคนอื่น : เพราะมีหลายสิ่งที่ยังด้อยกว่าคนอื่น
ผมไม่ได้รู้อะไรทั้งหมด : เพราะผมยังไม่ใช่พระพุทธเจ้า
ผมโง่ : เพราะอายุขัยของผมน้อยเกินไปที่จะรู้ทุกสิ่ง
ผมเลว : เพราะผมไม่ใช่พระอรหันต์ที่จะดีพร้อม
ผมไม่ใหญ่ : เพราะโลงศพมันใหญ่กว่าผม
ผมไม่ทุกข์ : ขันธ์ต่างหากที่ทุกข์
#16
โพสต์เมื่อ 16 February 2006 - 12:35 PM
#17
โพสต์เมื่อ 16 February 2006 - 01:54 PM
ถ้าสงสัยว่าทำไมต้องทำบุญกับหมู่คณะ ทำบุญที่อื่นได้ไหม
ขอตอบว่า ทำกับหมู่คณะจะได้มีสายบุญเชื่อมโยงกับหมู่คณะมากๆ เพราะคนในหมู่คณะก็ตั้งจิตไปเกิดที่ดุสิตบุรีวงบุญพิเศษทั้งนั้น ดังนั้นเวลาละโลกด้วยบุญที่ทำด้วยกันและจิตที่ตั้งมั่นอธิษฐานก็สามารถไปบังเกิดที่สวรรค์ชั้นดุสิตได้ครับ
หรือที่คนโบราณพูดว่า ไปที่ชอบ ที่ชอบไงครับ
อนึ่งหมู่คณะเราก็มีเนื้อนาบุญที่อุดมอยู่แล้ว ทำบุญน้อยได้ผลมาก ยิ่งทำมากยิ่งได้มากขึ้นทับทวี มากในที่นี้คือ ใจ นะครับ เพราะถึงแม้มีปัจจัยน้อยแต่ทำเต็มร้อย บุญที่ได้ก็ได้ไม่ใช้น้อยครับ เพราะใจใหญ่
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#18
โพสต์เมื่อ 16 February 2006 - 02:10 PM
ใครรู้บ้างช่วยตอบหน่อยครับ
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#19
โพสต์เมื่อ 16 February 2006 - 03:24 PM
ซึ่งพระพุทธเจ้าของเรา หลังจากที่เกิดเป็นชายหนุ่มแบกมารดาในทะเล 7 วัน 7 คืน ตั้งความปรารถนาช่วยสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์แล้ว ก็ได้ชื่อว่าพระโพธิสัตว์ หลังจากท่านสร้างบารมีเรื่อยๆ มา ชาติหนึ่งท่านไปเกิดเป็นชายหนุ่มช่างทอง แอบรักกับเจ้าหญิงที่มีคู่หมั่นคู่หมายแล้ว ทั้งสองลอบเป็นชู้กัน
หลังจากชาตินั้น ท่านตกนรกอยู่นาน พ้นกรรมจากนรก ก็มาเกิดเป็นเจ้าหญิงสุมิตรา สร้างบุญบารมีกับพระพุทธเจ้าในอดีต(จำชื่อไม่ได้) แล้วปรารถนาขอเป็นพระพุทธเจ้าบ้างในอนาคต แต่พระพุทธเจ้าไม่ทรงพยากรณ์ให้ บอกว่า ท่านเป็นผู้หญิง ให้ไปรอจากพระพุทธเจ้าองค์หน้าเป็นต้น
#20
โพสต์เมื่อ 16 February 2006 - 06:28 PM
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#21
โพสต์เมื่อ 16 February 2006 - 09:03 PM
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#22
โพสต์เมื่อ 16 February 2006 - 11:05 PM
ย่อมมีแสงอรุณขึ้นก่อน
เป็นบุพนิมิตฉันใด
ความเป็นกัลยาณมิตรก็เป็นตัวนำ
เป็นบุพนิมิตแห่งการเกิดขึ้น
ของหนทางพระนิพพาน ฉันนั้น"
#23
โพสต์เมื่อ 17 February 2006 - 11:43 PM
แนะนำให้เรียน DOU วิชา ปรโลกวิทยา ครับ ในนั้นอธิบายละเอียด ภาษาก็เหมาะกับคนสมัยใหม่ เรียนแล้วจะวางไม่ลงทีเดียว
#24
โพสต์เมื่อ 18 February 2006 - 07:36 PM
ยังไม่ได้เต็มที่หรอก เพราะเรามองไม่เห็น อดีต และ อนาคต
การจะไปอยู่ชั้นไหน อยู่ที่ว่าก่อนตาย ใจใสขนาดไหน
และมีตัวแปรกอีกมากมาย บางท่าน มีบุญมาก ท่องเที่ยวอยู่แต่ในเทวโลก
1 2 3 4 5 6 5 4 3 2 1 วนไป วนมา
บางท่าน ไปถึงพรหมโลก แล้วมาเกิดเป็นหมูก้อมี เพราะหมดกำลังบุญ (มีในพระไตรปิฎก)
ก่อนจะมาเป็นพรหม ได้เกิดเป็นเจ้าหญิง, ก่อนจะมาเป็นเจ้าหญิง
ได้เกิดเป็นหนอน ซะงั้น
มันเป็นแบบนี้น่ะคุณ
บุญในตัว กับบุญที่เอาออกมาใช้ มันต้องคำนวนแยกกัน
เหมือนคนรวยมีเงินมาก แต่ประหยัด ขับแต่โตโยต้า
กะอีกคน ทำตัวเหมือนคนรวย ขับเบนซ์ แต่ยังผ่อนไม่หมด
คนไหนมีเงินมากกว่ากัน ภาพที่แสดงออกตอนนั้น
ก็ยังบอกไม่ได้
* เพราะเรามองเห็นแค่ปัจจุบัน
* แต่ยังไม่เห็นอดีต และอนาคต
* คือยังไม่รู้ถึงเหตุ และผล น่ะเองอ่ะ
---
ในจักรวาลมี 3 ภพ คือ กามภพ รูปภพ และ อรูปภพ
กามภพ มี นรก 8 ขุม, มนุษย์ และ สวรรค์6 ชั้น
รูปภพ มี รูปพรหม 16 ชั้น
อรูปภพ มี อรูปพรหม 4 ชั้น
รวมเป็น 31 ภูมิด้วยกันจ้ะ
#25
โพสต์เมื่อ 23 February 2006 - 03:47 PM
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#26
โพสต์เมื่อ 27 April 2006 - 10:08 PM
ที่บอกว่า '''โดยปรกติแล้วชั้นที่สูงกว่า จะมีบุญมากกว่าครับ แต่ก็มีกรณียกเว้นคือ ผู้มีบุญมากกว่าเทวดาพรหมทั้งหลาย เช่นพระโพธิสัตว์ อธิษฐานขออยู่ที่ชั้นที่ต่ำกว่า เช่น ชั้นดุสิต เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะชั้น 4, 5, 6 มีความพิเศษแตกต่างกันไปดังนี้ครับ
ชั้น 1,2,3 ไม่ได้มีความพิเศษอะไร
ชั้น 4 มีความพิเศษคือ เทพบุตร เทพธิดา บนสวรรค์ชั้นนี้ สามารถจุติได้ทุกเวลาที่ปรารถนา โดยทำสมาธิแล้วอธิษฐานจิตขอจุติ ก็จะจุติลงมาสร้างบารมีได้เลย ดังนั้น พระโพธิสัตว์จะนิยมไปอยู่กันน่ะครับ เพื่อที่จะเลือกเวลาลงมาเกิดสร้างบารมีได้เต็มที่
ชั้น 5 มีความพิเศษที่ชั้น 1-4 ไม่มีคือ เนรมิตเปลี่ยนได้ ยกตัวอย่างเช่น วิมาณ ราชรถ ชั้น 1-4 มีหน้าตาอย่างไร ก็เป็นหน้าตาอย่างนั้นตลอดอายุขัย เปลี่ยนไม่ได้ แต่ถ้าอยู่ชั้น 5 วันนี้เบื่อวิมาณหน้าตาแบบนี้แล้ว เนรมิตเปลี่ยนหน้าตารูปทรงวิมาณ ราชรถได้เต็มที่เลยครับ
ชั้น 6 มีความพิเศษคือ คล้ายๆ ชั้น 5 ที่เนรมิตได้ตามปรารถนา แต่ต่างกันตรงที่ ไม่ต้องเนรมิตเอง แต่จะมีบริวารรู้ใจมาคอยเนรมิตให้ครับ
มีหลักฐานอื่น ที่มาจากพระไตรปิฎก หรือ จากแหล่งอื่น ที่ไม่ได้มาจากวัด พระธรรมกายหรือเปล่าฮะ
ไครรู้ช่วยหา ให้หน่อย นะครับ
สาธุๆ
'