เจ้าที่ คือใคร ต้องไหว้ทุกวันพระด้วยเหรอค่ะ
#1
โพสต์เมื่อ 26 January 2007 - 12:37 PM
เขาบอกว่า ไหว้แล้วจะค้าขายดี มีโชคมีลาภ
ของที่ไหว้ มี แกง ข้าว ขนม น้ำ และมี คาถาไหว้ พร้อมจุดธูป
ดิฉันก็เชื่อนะค่ะ ทำตามที่เขาบอก แ่ต่ก็เกิดคำถามในใจว่า ทำไม ไม่แนะนำให้
สวดมนต์ รักษาอุโบสถศลี ในวันพระนะ
สงสัยค่ะ ว่าประวัติเจ้าที่นี้คือใคร
สำคัญมากแค่ไหน
ถ้าดิฉันไม่ทำ จะมีผลทำให้ดิฉันขายของไม่ดีจริงหรือเป่า
[email protected]
#2
โพสต์เมื่อ 26 January 2007 - 01:01 PM
ส่วนหมอดู เขาก็ทำตามวิชาที่เขาเรียนมา
ผมว่าน่ะ ทำบุญใส่บาตร แล้วแผ่ส่วนบุญ น่าจะได้บุญมากว่า ให้ได้มากกว่า ให้ได้สูงกว่า
ส่วนมากผีบ้านเขาก็ช่วยเราได้ในส่วนหนึ่ง แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับบุญ ของเราอีกนั่นแหล่ะ
ไม่มีบุญ ก็ไม่มีใครช่วยเราได้ ทำอย่างที่คุณว่าน่าจะดีกว่าน่ะครับ
#3
โพสต์เมื่อ 26 January 2007 - 01:24 PM
#4
โพสต์เมื่อ 26 January 2007 - 01:34 PM
แต่มีอยู่อันหนึ่ง อ่านดูน่าสนใจ...เอามาให้ท่านผู้รู้ชี้แจงอีกทีนะคะว่าข้อมูลตรงไหนไม่จะใช่
พระภูมิ - เจ้าที่
เราจะพบเห็นสิ่งเหล่านี้มีอยู่โดยทั่วๆไปที่เรียกว่า " ศาลหรือศาล
พระภูมิเจ้าที่ " จะอยู่ตามบ้าน ตามอาคารสำนักงาน โรงงาน ท้องไร่
ปลายนา สถานที่ต่างๆ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ก็มีอิทธิพลและส่งผลให้กับเรา
เหมือนกัน จำเป็นหรือไม่ว่าเราควรจะมีศาลพระภูมิหรือจะไม่มีดี ถ้าหาก
เรามีศาลพระภูมิอยู่แล้วเราจะปฏิบัติอย่างไร องค์พระภูมิที่มาสถิตย์อยู่ใน
ศาลเป็นอย่างไร? เป็นใคร? ส่วนมากแล้วเจ้าพิธีจะทำการอัญเชิญเทพ
เทวดามาสถิตย์ตั้งแต่ชั้นที่ ๑ ถึงชั้นที่ ๖ ขึ้นไปจนถึงพรหมตั้งแต่ชั้นที่ ๑ ถึง
ชั้นที่ ๒๐ ให้มาสถิตย์อยู่ที่ในศาล เราจะได้พระภูมิระดับชั้นไหนเป็นอะไรนั้น
ก็อยู่ที่ว่าเจ้าพิธีเขาจะทำการอัญเชิญได้ระดับไหนและก็ชั้นไหนอีกที
ถ้าหากเจ้าพิธีมีศีลและจิตของเขาไม่บริสุทธิ์ก็จะได้แค่เทพเทวดาชั้นที่ต่ำๆ
บางทีก็อัญเชิญเทพเทวดาไม่ได้ไม่มาเลย เจ้าพิธีบางคนก็ใช้มนต์คาถา
เรียกหรือสะกดดึงเอาเทพเทวดาลงมา วิธีนี้อันตรายกับเจ้าของบ้านเป็นอัน
มากเพราะท่านถูกบังคับลงมาท่านไม่ได้เต็มใจ จะทำให้เจ้าของบ้าน คน
ในบ้านหรือบ้านนั้นมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพ การเงิน การงาน
ครอบครัวไม่มีความสงบสุข ฯลฯ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร?ว่าเจ้าพิธีแต่ละคน
ใช้วิธีการแบบไหน พอเจ้าพิธีทำการอัญเชิญเทพเทวดาไม่ได้ ก็จะได้ระ
ดับพวกสัมพเวสีผีเร่ร่อนวิญญาณพเนจรต่างๆเข้าไปสถิตย์อยู่ที่ศาลแทนเทพ
เทวดา เพราะศีลไม่บริสุทธิ์หรือไม่ก็ทำการตั้งเครื่องสังเวยบวงสรวงเป็น
พวกเหล้าหรือของคาวต่างๆสิ่งเหล่านี้ท่านไม่รับไม่ต้องการ เราก็บูชากราบ
ไหว้ขอพรก็ไม่สำฤทธิ์ผลอะไร เพราะพลังพวกสัมพเวสีผีพเนจรเขาจะมี
พลังน้อยมาก เขาจะช่วยทำให้เราสำเร็จตามที่เราขอพรนั้นได้ยากมาก
เพราะตามลำพังพวกสัมพเวสีเขาก็ลำบากทุกข์ยากกันอยู่แล้วเขาจะช่วยอะไร
เราได้ บางทีที่เราขอพรจากพระภูมิท่านไม่ได้ผลก็เพราะว่าเทพเทวดาที่
อัญเชิญมานั้นมีฤทธิ์อภิญญาไม่ตรงกับอาชีพหรือความต้องการของเจ้าของ
บ้าน เช่น ถ้าเจ้าของบ้านเป็นข้าราชการก็ต้องอัญเชิญท่านที่เก่งและมีฤทธิ์
ทางอำนาจ วาสนาและบารมี คนที่ทำการค้าก็ต้องอัญเชิญท่านที่เก่งทาง
เมตตา การเงินการค้าขายเป็นต้น ส่วนศาลพระภูมิที่ตั้งและมีมานานๆแล้ว
บางแห่งอาจจะไม่มีอะไรสถิตย์อยู่เลย เพราะสัตว์ที่ไม่มีกายเนื้อเหมือน
มนุษย์และสัตว์ดิรัจฉานนั้นเขาเรียกว่า " โอปปาติกะ " คือสัตว์ที่ไม่มีกาย
เขาจะมีอายุไม่เท่ากันบางตัว ๗ วันตาย บางตัว ๑๕ วันตาย บางตัว ๓๐
วันตาย บางตัว ๑๐๐ วันตาย ฯลฯ...... พอตายแล้วเขาก็เกิดอีกเป็น
เหมือนเดิม ตัวเท่าเดิมไม่เป็นเด็ก เวียนตายเกิดอยู่อย่างนี้ตามอายุของแต่
ละตัว จนหมดหรือครบวาระของเขา หลังจากนั้นก็ไปสู่ภพภูมิใหม่ต่อไป
ตามแรงกรรมของเขาต่อไป ก็ทำให้ศาลไม่มีองค์เทพเทวดาสถิตย์อยู่ พอ
เรากราบไหว้บูชาด้วยเครื่องสังเวยพวกสัมพเวสีก็เข้าไปกินบางทีก็อาศัยอยู่ใน
ศาลเลยเพราะจะได้ไม่ต้องเร่ร่อนและอดอยากต่อไป ในที่แปลงหนึ่งๆมีอะไร
บ้าง ในเบื้องต้นแล้วอย่างน้อยเราก็จะเห็นมีคือ......
๑. เจ้าที่ (เป็นวิญญาณธรรมดา)
๒. ตายายหรือพ่อแก่แม่แก่ (เข้าใจว่าเป็นบรรพบุรุษ ที่จริงแล้วไม่ใช่)
๓. พระภูมิ (เป็นเทวดา)
๔. พระพรหม (เป็นพรหม)
๕. ทีจู้เอี๊ยะ (เป็นเซียน)
เจ้าที่ของเราที่กราบไหว้บูชาอยู่นั้นมีอยู่เหรอเปล่าว?...... ท่านเป็นใคร?.....
มีรูปร่างลักษณะอย่างไร?...... และมีพระนามว่าอะไร?......
ท่านมีความสามารถอิทธิฤทธิ์ทางด้านไหน?......
สิ่งที่เราปฏิบัติอยู่ถูกต้องหรือไม่?......
จริงๆแล้วท่านต้องการอะไร?......
#5
โพสต์เมื่อ 26 January 2007 - 02:18 PM
#6
โพสต์เมื่อ 26 January 2007 - 04:42 PM
ดังนั้น บุญ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด จะทำมาค้าขายร่ำรวย กิจการดี ต้องมีบุญ
จะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง โรคภัยไม่เบียดเบียน อายุก็ยืนยาว ก็ต้องมีบุญ
จะมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด แก้ปัญหาได้แคล่วคล่อง ถูกต้อง ก็ต้องมีบุญ
จะมีพวกพ้องบริวารคอยสนับสนุนช่วยเหลือ ก็ต้องมีบุญ
บุญเท่านั้น สำคัญที่สุดน่ะครับ
ส่วนที่คุณบุญโตนำมาโพส ก็เป็นหลักวิชาของพวกวิทยาธรเขาน่ะครับ บางส่วนตรงกับพระพุทธศาสนา แต่บางส่วนก็ไม่ตรงคัรบ
เช่น เจ้าที่ที่มาอยู่กับมนุษย์นั้น ที่บอกว่า มีตั้งแต่สวรรค์ชั้นต้น จนถึงชั้นสูงนั้น แท้จริงไม่ใช่ครับ มีเพียงพวกเทวดาชั้นต่ำ วิมานอยู่ที่พื้นดินติดกับมนุษย์เท่านั้นแหละครับที่มาอยู่ ยิ่งพรหมยิ่งไม่มาอยู่ใกล้มนุษย์ครับ เพราะเทวดาเขาเหม็นกลิ่นมนุษย์ ยกเว้นมนุษย์ผู้มีกลิ่นศีลหวนทวนลม เช่น พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ พระภิกษุผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ นั่นแหละครับ เทวดาถึงสามารถลงมาอยู่ใกล้ว มารับบุญ มาฟังธรรมได้น่ะครับ
#7
โพสต์เมื่อ 26 January 2007 - 04:48 PM
เก่งจัง!!! เพราะคนที่เขียนบทความนี้เค้ารับสะเดาะห์เคราะห์
#8
โพสต์เมื่อ 26 January 2007 - 07:46 PM
แต่ว่า ดันมีศาลพระภูมิ เจ้าที่ หรือนางกวัก รักยม กุมารทอง ฯลฯ ที่อยู่ในบ้าน และทำเนียมในบ้านก็เคยกราบไหว้บูชากันมาเสมอๆ จะมาเลิกเลยก็กะไรอยู่
แต่หากต้องการเลิกจริงๆนะคับ ก็ต้องหักดิบเลยคับ และยึดเฉพาะ พระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง ไม่ใช่ พระพุทธพระธรรมพระเครื่องกุมารทอง
ในรายการฝันในฝัน หลวงพ่อท่านเคยให้หลักวิชชาในการ ปล่อยพวกวิทยาธร หรือว่า เลิกหักดิบ เดี่ยวกับ สิงสิงทรงทรง โดยนัยนี้ครับ
1. ให้ตัดใจเลิก โดยนิมนตัพระมาทำบุญที่บ้าน ทำบุญ โดยอุทิศส่วนกุศล เจาะจงให้กับ ภุมเทวาที่อยู่ที่ศาลพระภูมนั้นครีบ
2. ให้อธิษฐานจิต ให้เขาทราบว่า บัดนี้ เรามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งแล้ว ขอท่านมีส่วนแห่งบุญที่เราได้ทำนี้ และให้ไปสู่ภพภูมิที่ดียิ่งๆขึ้นไป
3. ก็ให้พระท่านทำพิธีถอนเลยก็ได้ครับ หรือจะถอนเองก็ได้
แล้วก็นำศาลพระภูมิ กุมารทอง เจ้าที่ ฯลฯ นั้นไปทิ้งเสียคับ แล้วก็เลิกๆๆๆๆๆๆๆ ให้ตั้งมั่นอยู่ในพระรัตนตรัยเท่านั้น
หมั่นทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา แล้วอุทิศบุญไปให้เขาบ่อยๆครับ แล้วอย่าลืม (ขออย่าได้จองเวรกันเลยนะคับ)
#9
โพสต์เมื่อ 27 January 2007 - 09:44 AM
1. หลวงพ่อทัตตะท่านเคยบอกไว้ว่า วิญญาน สัมภเวสี ภุมเทวา อากาศเทวา และเทวดาทั่วไปนั้นล้วนแต่เห็นค่าของบุญอยากได้บุญเพิ่มเติมจึงต้องคอยปกปักษารักษามนุษย์ที่ทำความดี
2. ภพภูมิที่เราอยู่นี้ ไม่ได้มีเพียงภพภูมิเดียว แต่เป็นภพภูมิที่มีการซ้อนทับกันระหว่าง ภพละเอียดและภพหยาบ
ทีนี้เรามาดูตามคำสอนของคุณครูไม่ใหญ่กันนะครับ ผมเคยได้ยินคุณครูไม่ใหญ่ท่านกล่าวไว้ว่า ภพภูมิละเอียดนั้นก็เหมือนกับภพภูมิหยาบ นั่นก็คือมีอาณาเขตมีที่อยู่อาศัยตามกำลังบุญที่ตัวเองเคยทำในสมัยที่ยังเป็นมนุษย์ หากมีกำลังบุญอ่อนก็อยู่ในภพภูมิที่เสมอกับภพภูมิหยาบซึ่งก็คือ
1. เหล่าวิญญานเร่ร่อน(เหมือนขอทานหรือวณิพกในภพหยาบเพราะกำลังบุญน้อย)
2. สัพเวสี(เหมือนมนุษย์ทั่วไปที่มีฐานะยากจนมีกระต๊อบหรืออาศัยห้องพักหรือหอพักอยู่)
3. ภุมเทวา(ยกระดับขึ้นมาหน่อยเหมือนคนพอมีพอกินมีบ้านเล็กๆอยู่ มีพื้นที่เล็กๆในการปกครองเป็นของตัวเอง)
4. อากาศเทวา( ยกระดับขึ้นมาอีกเหมือนคนรวยแต่รวยไม่มากมีอาณาเขตเป็นของตัวเอง)
ภพภูมิละเอียดในชั้นนี้ก็เหมือนกับภพภูมิหยาบ เพียงแต่ซ้อนทับกันอยู่ ซึ่งก็หมายถึงอยู่ร่วมกับมนุษย์นั่นเองครับ นั้นก็หมายถึงมีพื้นที่ในการครอบครองเช่นเดียวกับเราหรือที่เดียวกับเรา หรืออีกนัยหนึ่งคือใช้พื้นที่ร่วมกับเรา และแน่นอน เนื่องจากกายละเอียดเหล่านี้ยังอยู่ในวัฐจักรกฏแห่งกรรม ยังมีกิเลสอยู่ จึงมีความคิดอ่านและจิตใจเหมือนพวกเรา
อืม เกริ่นแค่นี้พอหอมปากหอมคอนะครับ ทีนี้มาดูกันว่า ทำไมเราถึงเรียกกายละเอียดที่พักอาศัยและมีที่ดินปกครองร่วมกับเราเหล่านี้ว่าเจ้าที่ ตามที่ทุกท่านได้ทราบมาว่า เหล่ากายละเอียดหรือเทวดาอยู่ได้ด้วยกำลังบุญดังนั้นย่อมเป็นที่แน่นอนว่าหากมีคนอุทิศบุญกุศลให้ เขาย่อมมีอายุอยู่ได้นานมากกว่ามนุษย์ ซึ่งมนุษย์นั้นมีอายุที่จำกัดด้วย สังขาร ดังนั้นเมื่อสังขารของกายหยาบแตกดับเรากลายเป็นกายละเอียดก็ต้องไปอยู่อาศัยในภพภูมิเดียวกับเขา พื้นที่ที่เราครองในภพภูมิหยาบนั้นก็จะกลายเป็นพื้นที่ของกายหยาบรุ่นต่อๆไป ดังนั้นตามที่ผมเข้าใจด้วยอายุและระยะเวลาของเขาที่ยาวนานกว่าภพหยาบจึงทำให้เขามีอายุเป็นเจ้าของที่ยาวนานกว่าเรา จึงเรียกกายละเอียดที่สถิตอยู่ในแต่ละพื้นที่นั้นว่าเจ้าที่ไงครับ
แล้วทำไมเราถึงต้องไหว้พวกเขาด้วยล่ะ อันนี้ผมคิดว่าต่างฝ่ายต่างความคิดกันน่ะครับ ตามคำสอนของคุณครูไม่ใหญ่และหลวงพ่อทัตตะ เหล่ากายละเอียดนั้นจะอยู่ได้ด้วยอำนาจบุญ แล้วทีนี้เขาจะเอาบุญได้จากไหนล่ะ เป็นกายละเอียดคงมาทำบุญเองไม่ได้ ใส่บาตรพระ พระก็มองไม่เห็น
เอ๋ แล้วจะทำยังไงดีถึงจะได้บุญมาเพิ่มเติมบุญของตน เอ๋ กายหยาบที่พักอาศัยร่วมพื้นที่ของเราคนนี้กำลังจะไปทำบุญนี่ หากเขาไปทำบุญแล้วเราอนุโมทนา เราก็ย่อมต้องได้บุญด้วยแน่ๆเลย อย่ากระนั้นเลย ตามไปคุ้มครองเขาดีกว่า แต่เอ๋ กายหยาบคนนี้ทำบุญเสร็จแล้วนี่ แบ่งบุญให้เราบ้างเถอะนะเราขออนุโมทนาบุญด้วย แล้วเราจะตามคุ้มของเธอต่อไป อ้าว เขาไม่เอ่ยปากแบ่งบุญให้เราเลย แบบนี้เราก็ไม่ได้บุญน่ะสิ แงแงแง ทำไงดี สาธุสักหน่อยสิ นะนะนะ เอ่ยปากแบ่งบุญให้เราบ้างเถอะนะ อุส่าตามมาคุ้มครอง
หากทุกท่านอ่านวรรคข้อความด้านบน คงพอทราบถึงจิตใจของเทวดาที่คอยตามคุ้มครองเรานะครับ ผมคิดว่าการไหว้เจ้าที่เจ้าทางในเชิงเปรียบเทียบของหลวงพ่อแล้ว คือการยกมือไหว้แบ่งบุญให้กับเหล่ากายละเอียดที่พักอาศัยอยู่ร่วมพื้นที่กับเรามากกว่าน่ะครับ เพื่อให้เหล่ากายละเอียดนี้คอยตามคุ้มครองเราเหมือนเป็นบอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยมให้กับเรา เราจะได้เดินทางไปไหนมาไหนได้โดยปลอดภัย หากเราทำการค้ากายละเอียดเหล่านี้ก็จะดลใจคนที่ผ่านไปผ่านมาให้สนใจเข้ามาดูเข้ามาซื้อสินค้าของเรา เราจะได้มีรายได้เพิ่มขึ้นมีปัจจัยในการทำบุญเพิ่มขึ้น กายละเอียดเหล่านั้นก็จะได้รับบุญเพิ่มขึ้น เหมือนกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายต้อนรับของทางวัด ยกมือไหว้อนุโมทนาบุญกับเรา เราก็ยกมือไหว้สาธุตอบ เขาก็ได้บุญร่วมกับเราฉันใดฉันนั้นครับ
แต่การไหว้เจ้าที่เจ้าทางในความคิดของพวกหมอดูหมอเดานั้นเป็นเพียงความคิดตื้นๆ ในระดับปัญญาของมนุษย์ที่มีกิเลสอยู่น่ะครับ นั่นก็คือ เราเป็นเจ้าของที่นี้มาก่อนเจ้านะ เจ้าพึ่งมาใหม่เจ้าต้องกราบไหว้เรา หาของมาเซ่นไหว้เรา หน๋อย เจ้านี่ไม่ยอมกราบไหว้ไม่ยอมเซ่นไหว้เราเหรอ ดี งั้นเราจะทำให้เจ้าอยู่ในที่ของเราไม่ได้ นี่เป็นความหมาย ความคิดในระดับสติปัญญาของพวกหมดดูหมอเดาครับหวังว่าทุกท่านคงเข้าใจกันนะครับ
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#10
โพสต์เมื่อ 27 January 2007 - 01:41 PM
อยากให้คนที่เขางมงาย ชอบเชื่่อหมอดู เคารพกราบไหว้ เซ้นไหว้
ได้มากอ่านจัง จะได้ตาสว่าง และกลับมา ยึดหมั่นถือหมั่นในพระรัตนตรัย จัง
กราบอนุโมทนาบุญค่ะ
[email protected]
#11
โพสต์เมื่อ 27 January 2007 - 06:30 PM
หลังๆนี่พอเข้าวัดแล้วเจ้าที่หรืออะไรก็ช่างไม่ไหว้จะไหว้พระอย่างเดียว
เพราะหลวงพ่อท่านบอกว่าไม่ควรไหว้ แต่จำไม่ได้ว่าทำไมไม่ควร
จนถึงปัจจุบันนี้ก็ไม่ได้ไหว้เจ้าที่เลยค่ะ
#12
โพสต์เมื่อ 30 January 2007 - 02:45 PM
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
#13 **คนดี**
โพสต์เมื่อ 14 February 2011 - 07:11 PM
#14 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 27 July 2011 - 03:34 PM
สำหรับเรื่องเจ้าที่ โดยส่วนตัวคิดว่า เมื่อก่อนพื้นที่ในทุกอณูแผ่นดิน ล้วนแล้วแต่เคยมีเจ้าของ เคยมีคนตาย ซากศพ ซากสัตว์ วิญญาณต่าง ๆ มากมาย มีทั้งวิญญาณที่ดีและไม่ดี มีทั้งวิญญาณที่มีเมตตาธรรมและไม่มีเมตตาธรรม หากไปอยู่ในที่ที่มีวิญญาณที่ดุร้าย หวงที่อยู่ หรือวิญญาณที่มีโทสะ โมหะ สูง ที่เค้าเรียกว่า เจ้าที่แรง เราก็ควรจะมีเมตตาเซ่นไหว้อาหาร น้ำ ผลไม้ ของกินต่าง ๆ ให้แก่เค้า ถือว่าเป็นการทำทานให้วิญญาณ เค้าจะได้ลดแรงอาฆาต เป็นการบรรเทาทุกข์ให้เค้าด้วย
หากไปอยู่ในที่ที่เป็นวิญญาณที่ดี เจ้าของบ้านก็อาจอยู่เย็นเป็นสุข ซึ่งวิญญาณ ก็เคยเป็นมนุษย์เหมือนกับเรา มีทั้งคนดีและไม่ดี แต่ถ้าเรามีเมตตา กรุณา ก็ควรแบ่งปันให้เขาบ้าง โดยไม่ต้องสนใจว่าเขาจะเป็นใคร ขอเพียงมีเมตตา กรุณา เอื้ออาอรแก่กัน ก็เป็นบุญ ทำให้เราสบายใจ ทำในสิ่งที่ดีที่ไม่เดือนร้อนใครก็ทำไปเถอะ.....แต่อย่าลืมทำบุญรักษาศีลด้วยล่ะ
#16
โพสต์เมื่อ 19 August 2013 - 01:26 PM
ผมเคยอ่านหนังสือเรียนของ DOU เรื่องปรโลกวิทยา ได้บอกหน้าที่หลักของภุมเทวาหรือพระภูมิเจ้าที่เจ้าที่ไว้ว่า
หากเป็นภุมเทวาที่มีปัญญามาก เป็นสัมมาทิฏฐิ ท่านจะคอยจับตาดูเเลคนดีเพราะคนดีมักสั่งสมบุญเเละเเบ่งบุญให้ท่านอนุโมทนาเสมอๆ
ทุกวันพระ หัวหน้าเขตของภุมมเทวาจะรวบรวมบัญชีบุญที่ได้เเบ่งให้ภุมเทวาในปกครองไปจดบันทึกจากมนุษย์ที่ตนดูเเล รวมส่งให้เทพในภูมิจาตุมหาราชิกาที่มีศักดิ์สูงกว่าส่งต่อๆกันจนถึงท้ามหาราชทั้งสี่ของจาตุมหาราชิกา อันได้เเก่ ท้าววิฬุหก ท้าววิฬุปักษ์ ท้าวทตรถ เเละท้าวเวสวรรณ จากนั้นทั้งสี่ท่านก็จะพร้อมใจกันไปเฝ้าพระอินทร์ที่ดาวดึง เมื่อทวยเทพผู้ไม่ประมาทจากสวรรค์ทุกชั้นมาไหว้มหาจุฬามณีในวันพระ พระอินทร์ก็จะรับหน้าที่เป็นผู้ประกาศชื่อมนุษย์ที่ได้สั่งสมบุญในรอบนั้นๆ หากเป็นช่วงที่มนุษย์ทำบุญมาก เหล่าทวยเทพก็ต่างอนุโมทนาในบุญ เเละยินดีปรีดา เพราะสวรรค์จะมีเทพบุตรเทพธิดา สมาชิกใหม่มาร่วมเทวสมาคมด้วย เเต่หากช่วงใดมนุษย์สั่งสมบุญน้อย เหล่าเทวดาก็จะพากันสลดใจตามเพราะสวรรค์จะต้องเงียบเหงาเสียเเล้ว
ฉะนั้นเราต้องสั่งสมบุญทุกวันทั้งทาน ศีลภาวนา อย่าให้ขาดเพราะมีผู้จับตามองเราอยู่มากมาย
ส่วนเรื่องของ กุมารทอง รักยม อะไรพวกนี้ผมว่าท่านคงหวังจะพึงผู้มีบุญมาช่วยท่านจากวิบากกรรมมากกว่า อยากให้เราไปพึ่งท่านนะครับ
#17
โพสต์เมื่อ 21 August 2013 - 12:05 PM
เจ้าที่ คือผู้เป็นใหญ่ในที่นั้นๆ สามารถปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ตกแต่ง ตัดทอนสิ่งต่างๆที่อยู่ในที่นั้นๆ ได้ตามแต่ปรารถนา ซึ่งผมคิดว่า เจ้าของบ้านนั่นแหละครับเป็นเจ้าที่ ที่แท้จริง
ส่วน เจ้าที่ ที่เป็นกายละเอียด ก็อาจจะมีครับ ก็ดูแลสมาชิกกายละเอียดที่อยู่ในเขตแดนของตนไป ส่วนจะมีฤทธิ์ดลบันดาลอะไรได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับกำลังบุญในตัวของเขา เราหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะอยู่เพียงคนเดียวโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับชีวิตอื่น แม้ไม่มีคน แต่ก็จะมีโอปปาติกะทั้งดีเลวประณีตต่างกันวนเวียนผ่านมาผ่านไป หรือมาอยู่ด้วย ซ้อนภพภูมิกันอยู่
ดังนั้นทางที่ดีที่สุด แนะนำให้ทำตัวอย่างไรให้เป็นที่น่ารัก ชื่นอกชื่นใจผู้อื่น(รวมทั้งโอปปาติกะด้วย) ง่ายๆที่สุดก็ด้วยการแผ่เมตตา แผ่ความปรารถนาดีให้แก่ทุกๆสรรพชีวิต การยกเครื่องเซ่นไหว้ หากจะทำก็ให้ตั้งเจตนาเพื่อเผื่อแผ่ เพื่อแบ่งปัน ไม่ใช่กระทำไปเพื่อบูชา หรือขอให้เขาเป็นที่พึ่ง หรือขอเป็นลูก(ศิษย์)เขา หรือเพราะกลัวว่าเขาจะทำมิดีมิร้าย... หากตั้งเจตนาอย่างหลัง จะกลายเป็นผังให้เราอาจต้องกลายไปเป็นบริวารของเขาจริงๆ (กรณีนี้ให้ระวังให้ดี เหมือนกับการไปครอบครู ยกหัวโขน หัวฤาษีครอบ ครูของเรามีเพียงพระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์เท่านั้นประเสริฐที่สุด) แต่ถึงอย่างไรก็จะเสียทรัพย์ซื้อเครื่องเซ่นไหว้ ผมว่านะครับ แนะนำให้เอาไปทำบุญ ถวายพระดีกว่า เปลี่ยนของหยาบที่จับต้องได้ให้เป็นบุญเสียก่อน(ดังที่คุณครูไม่ไหญ่เมตตาสอนไว้)แล้วเราค่อยอธิษฐานแบ่งบุญนั้นให้แก่โอปปาติกะทั้งหลายที่บ้าน การยกเครื่องเซ่นไหว้อาจถึงพวกเขาบ้างแต่นิดดดดเดียว พวกเขาก็คงดีใจว่าเราใจดี เราใจบุญยังนึกถึงพวกเขา ยังอยากแบ่งปันให้พวกเขา แต่ของหยาบที่ตั้งไว้ปักธูปควันตลบแค่ไหนก็ยากจะสำเร็จประโยชน์แก่พวกเขา สรุปเปลี่ยนให้เป็นบุญดีที่สุดแล้วค่อยอุทิศให้
สุดท้ายต้องชวนเขาทำความดี ให้ชวนเขาสวดมนต์ นั่งสมาธิพร้อมๆกัน แนะนำให้เขาไปวัดด้วยกัน ไปทำบุญกุศลร่วมกัน เปิด DMC ให้เขาดูไปด้วย และบอกสอนแนะนำธรรมะดีๆให้เขาฟัง รับรองครับว่าไม่นานบ้านของคุณ จะมีแต่โอปปาติกะที่ดีๆ น่ารัก เข้ามาอยู่มาปกปักรักษา ดูแล อำนวยความสะดวกในบางเรื่องให้ จะมีเทวดาผู้มีบุญมาลงรักษา หรือถึงขนาดว่า มีเทวดาชั้นสูงๆ ส่งเทวดาบริวารมาตามดูแลเลยทีเดียวครับ..