สรุป รูปแบบของวัดยุคใหม่ ในพุทธศตวรรษที่ ๒๕ความเปลี่ยนแปลงของสภาพการเมือง การปกครอง การพัฒนาด้านเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ไม่เพียงแต่ส่งผลให้สภาพสังคมไทยในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมายเท่านั้น
ยังส่งผลให้วัดที่เปรียบเสมือนมหาวิทยาลัยสอนศีลธรรม
ต้องปรับตัวเปลี่ยนแปลงรูปแบบการสอนศีลธรรมให้ทันยุคสมัยไปด้วย
วัดพระธรรมกายเป็นวัดหนึ่งในอีกหลายๆวัดที่ปรับตัว
และเป็นวัดที่มีการปรับตัวขนานใหญ่จนเป็นที่รู้จักของประชาชนคนไทยมากขึ้น
และเป็นที่สนใจจากบรรดาผู้นำทางศาสนาทั่วโลก
จากผลงานที่เป็นรูปธรรม ซึ่งเป็น Independent variable
ส่งผลเป็น dependent variable ในด้านนามธรรม คือ
เน้นการยกระดับจิตใจ พัฒนาจิตใจมนุษย์ให้สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส สงบ
เยือกเย็นเป็นสุขใจ อย่างที่ไม่มีการพัฒนาใดๆเสมอเหมือน
การพัฒนาด้านจิตใจ ลงทุนง่าย ค่าใช้จ่ายน้อยมาก
เมื่อเทียบกับการลงทุนพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
ค่าใช้จ่ายน้อยมาก
เมื่อเทียบกับการลงทุนพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อวกาศและการสงคราม
....แค่
- ไม่ฆ่า ไม่เบียดเบียนใครๆ ทำใจเมตตาผู้อื่น ไม่ต้องวางแผน
ไม่ต้องซื้อหาอาวุธ ไม่ต้องๆๆๆ.....
- ไม่ยื้อแย่งทรัพย์สมบัติใคร รวมถึงทรัพยากรทางธรรมชาติของประเทศใดๆ
- ไม่ทำร้ายจิตใจผู้อื่นโดยการแย่งคนรัก ลูกเมียคนอื่น
- ไม่พูดโกหก ไม่หลอกลวงใครๆ
- ไม่ดื่มสุรา น้ำเมาและยาเสพติดทุกชนิด
แค่ 5 ไม่ เท่านั้น ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย
แค่มนุษย์ร่วมแรงร่วมใจกันรักษาความปกติของมนุษย์ 5 อย่าง
หรือเรียกเป็นภาษาทางศาสนาพุทธว่า รักษาศีล ๕ ให้เป็นปกติ
ลองตรองดูเถิดว่า
โลกที่ไร้สงครามทางทหาร สงครามการเมือง สงครามเศรษฐกิจ
โลกที่ไร้ความหวาดระแวง ไม่มีใครยื้อแย่งของรัก คนรัก
ชีวิตมนุษย์ จะสุขสงบร่มเย็นเป็นสุขมากเพียงใด
ดังนั้นถ้ามนุษย์ทุกเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์ มีเป้าหมายชีวิตเหมือนกันว่า
มีชีวิตอยู่อย่างมนุษย์ ไม่เบียดเบียน ไม่เอารัดเอาเปรียบใครๆ
มีชีวิตอยู่อย่างเอื้ออาทร เอื้อเฟื้อแบ่งปันกันกินแบ่งปันกันใช้
เพราะทรัพยากรในโลกมีมากพอสำหรับมนุษย์ที่เป็นคนดีมีศีลธรรมเสมอ
มีชีวิตอยู่เพื่อพัฒนาจิตใจให้สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส
เน้นเข้าถึงความสุขภายในจิตใจ มากกว่าความสนุกเพลิดเพลินจากวัตถุภายนอก
เพราะตายแล้ว เอาอะไรไปไม่ได้ ทั้งเสื้อผ้า นาฬิกา ต่างหู บ้านหรู ความรู้ แม้แต่ร่างกายของตัวเอง
ไม่มีชีวิตอยู่เพื่อแค่ตัวเองและพรรคพวก มีความสุขสะดวกสบาย
แต่มีชีวิตอยู่เพื่อทำคุณประโยชน์ให้คนอื่นด้วย
การพัฒนาจิตใจ คือสิ่งที่วัดพระธรรมกายและอีกหลายหมื่นวัดทั่วสังฆมณฑลทำมายาวนาน
และยังเป็นเป้าหมายหลักในการเผยแผ่ธรรมะเสมอ เพียงแต่ต้องปรับตัวให้ทันยุคสมัย
โดยเฉพาะในด้านการปกครอง การบริหาร สื่อการเรียน การสอน
และฉลาดใช้เทคโนโลยีที่มีในยุคสมัยนั้นๆมาส่งเสริมสนับสนุนการเผยแผ่ธรรมะ
บทวิพากษ์ ข้าพเจ้านำตัวอย่าง มาจากบทสัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์และนิตยสารต่างๆ
1. วัดพระธรรมกาย ในทรรศนะของพระ1.1 พระฝ่ายที่เห็นด้วย นำมาจากวาสาร กัลยาณมิตร ปีที่ 17 ฉบับที่ 195 มีนาคม พ.ศ.2545
ฉบับจารึกประวัติศาสตร์งานจุดไฟแก้วสลายร่าง คุณยายอาจารย์ มหารัตนอุบาสิกา จันทร์ ขนนกยูง
- สมเด็จพระสุคนธาธิบดี (บูครี) / สมเด็จพระสังฆราชแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา(ฝ่ายธรรมยุติ)
วันนี้เป็นประสบการณ์ที่ยกใจอาตมาอย่างมาก
พิธีสลายร่างคุณยายในวันนี้ไม่เหมือนพิธีใดๆที่อาตมาเคยเห็นมาก่อน
เป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง
รวมทั้งเป็นการแสดงถึงความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างน่าอัศจรรย์ - พระธรรมาจารย์นรัมปเนว อานันทะเถระ / เลขาส่วนพระองค์สมเด็จพระสังฆราชราชอุธุคมะศรี
พุทธรักขิตะมหานายากาเถระ (สยามวงศ์) ประเทศศรีลังกา
งานที่จัดขึ้นในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2545 ณ มหาธรรมกายเจดีย์
แม้สมเด็จพระสังฆราชเองท่านก็มีพระประสงค์มาร่วมงานนี้ แต่ทรงพระประชวรอยู่
อาตมาในฐานะผู้แทนรู้สึกเป็นเกียรติยิ่งที่ได้มาร่วมในวันนี้
งานวันนี้ช่างยิ่งใหญ่สวยงามอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของพระพุทธศาสนา
ภาพมหาสมาคมของภิกษุทั้งเถรวาท มหายานทั่วโลก 120,000 รูปรวมถึงฆราวาสอีกกว่าแสนคน โลกไม่
เคยประจักษ์อะไรอย่างนี้มาก่อน - พระอาจารย์ลามะ กังเชน / ประธานองค์กรพุทธเพื่อสันติภาพโลก ประเทศอิตาลี
วันนี้เป็นวันที่น่าอนุโมทนาอย่างยิ่ง เป็นการลงทุนเพื่อพระพุทธศาสนาที่ดีที่สุดในสหัสวรรษใหม่ - พระอาจารย์ ต้าเอินเจ้าอาวาสวัดมัญชูศรี มลฑลเสฉวน สาธารณรัฐประชาชนจีน
พิธีกรรมทั้งวันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่ สง่างามมาก พระสงฆ์กว่า 120,000 รูป และสาธุชนกว่าแสนคน
เป็นพุทธสมาคมที่มีสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกัน
ภาพคณะสงฆ์นั่งรวมกันอย่างเป็นระเบียบประดุจเมฆสีส้มพาดเต็มท้องฟ้า
ภาพสาธุชนในชุดขาวพราวตาเหมือนเมฆขาวท่ามกลางเมฆสีส้ม
ร่วมกันนั่งสมาธิสงบนิ่งก่อนถวายมหาสังฆทานแด่เจ้าอาวาสและพระสังฆาธิการจาก 3 หมื่นวัด
เป็นภาพอัศจรรย์บนโลกมนุษย์ 1.2 พระฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย
2. วัดพระธรรมกาย ในทรรศนะของประชาชน
2.1 ฝ่ายเห็นด้วย
- น.ส. อัมพวัน ศรีธรรม ม. ๖ โรงเรียนปากพะยูนพิทยาคาร จ.พัทลุง
พ่อแม่ของข้าพเจ้าทะเลาะกันบ่อยๆ ตัวข้าพเจ้าเองก็คุ้นเคยกับชีวิตแบบนี้
มาตั้งแต่เด็ก เมื่อ 3 ปีที่แล้วข้าพเจ้าได้อ่านหนังสือมงคลชีวิต
ทำให้ข้าพเจ้าเรียนรู้โลกมากขึ้น เนื้อหาในหนังสือชี้ให้เห็นคุณสมบัติของคนดี
การทำให้ครอบครัวมีความสุข ข้าพเจ้าปรึกษาพ่อแม่
ช่วยให้ท่านมีทัศนคติใหม่ในการดำเนินชีวิตให้มีความสุข
ความสัมพันธ์ครอบครัวเปลี่ยนไปในทางที่ดี จากที่เคยอยู่แบบตัวใครตัวมัน
ตอนนี้มีเรื่องอะไรทุกคนหันหน้าปรึกษากัน นำหลักธรรมและวิธีดำเนินชีวิตจากหนังสือมาใช้
- ครู อภิชญา คำจันทร์ โรงเรียนบ้านกองทูล จ.เพชรบูรณ์
โครงการตอบปัญหาธรรมะทางก้าวหน้า ส่งเสริมและปลูกฝังให้เยาวชนรักครอบครัว
ทำตัวเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ เป็นศิษย์ที่น่ารักของครูอาจารย์.... - ครูจิตรพิพัฒน์ รักสมบัติ โรงเรียนหนองมะเขือซองแมววืทยา จ.ขอนแก่น
ทางก้าวหน้า ทำให้ครูหลายท่านในโรงเรียนยึดมั่นในการรักษาศีล ๕ ลด ละ เลิกอบายมุขได้
ขออนุโมทนาในกุศลที่วัดพระธรรมกาย นิสิตและผู้สนับสนุนทุกท่าน เสียสละศาสนาและเพื่อสังคมไทย ”...................................
2.2 ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย
3. วัดพระธรรมกาย ในทรรศนะของฝ่ายการเมือง
4. วัดพระธรรมกาย ในทรรศนะของสื่อมวลชน
1.1 ตัวอย่างสื่อมวลชนฝ่ายที่เห็นด้วย
- จากหนังสือพิมพ์ เดลินิวส์ ฉบับที่ 17,963 วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ.2541
หน้า 3 คอลัมน์ ปลายนิ้วนายกำแหง โดย นาย กำแหง ภริตานนท์
วัดพระธรรมกาย
เราไม่ใช่ชาวธรรมกาย แต่มีคนที่รู้จักมักคุ้น ไม่น้อยที่เป็นชาวธรรมกาย
ยืนยันตรงนี้ได้ว่า เขาเหล่านั้นเป็นคนดีทั้งนั้น บาคน ดีจนคาดไม่ถึง
เคยคุยกับพวกเขาว่า ต้องเตรียมใจไว้ให้ดี สักวันหนึ่งวัดพระธรรมกายจะเจอมรสุม
เพราะในช่วงไม่กี่ปีนี้ วัดพระธรรมกายโดดเด่นจนน่าเป็นห่วง
มีการขยายเครือข่ายออกไปไม่เฉพาะในประเทศ แต่แผ่ขยายไปถึงต่างประเทศด้วย
บอกเขาไม่นาน ข่าววัดพระธรรมกายก็เปรี้ยงปร้างขึ้นมา
บางคนตั้งข้อสังเกตว่า เพราะเวลามาถึงแล้ว เป็นเวลาการถึงคิวฆ่า
ถ้ามีคำถามกับเราว่า มีความเห็นอย่างไรกับเรื่องของวัดพระธรรมกาย คงตอบสั้นๆได้แค่ว่า
การอบรมสั่งสอนให้คนเป็นคนดี ไม่ผิด การชักชวนคนให้เข้าวัด ก็ไม่ผิด
การชักชวนคนให้ทำบุญ ก็ไม่ผิด
เพราะคนทั่วไปโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นเยาวชนการที่เข้าไปอยู่ในวัด
ต้องดีกว่าเข้าไปมั่วสุมอยู่ตามสถานเริงรมณ์แน่นอน และการเสพธรรมะ ถึงอย่างไรก็ดีกว่าเสพยาเสพติด
อย่างไรก็ตามนี่เป็นการมองจากภายนอก มองอย่างผิวเผินและใจที่เป็นกลาง
ไม่ได้รู้อะไรลึกซึ้งและก็เปิดหูไว้กว้างเพื่อรับฟังเสียงคัดค้าน
ขณะเดียวกัน ก็ไม่สู้เห็นด้วยนักกับเสียงกล่าวขานที่ว่า
ทางฝ่ายบ้านเมืองไม่เห็นทำอะไรให้จริงจังเพื่อจัดการให้เด็ดขาดกับสำนักนี้
ทั้งนี้เพราะเห็นว่า การที่จะจัดการให้เด็ดขาดหรือฆ่าใครให้ตายนั้น ต้องมีหลักฐานการกระทำความผิด
ไม่ใช่ผิดเพราะ การเสนอข่าวของสื่อมวลชนบอกว่า ผิด
ไม่ใช่ผิดเพราะ มีการแสชี้นำ หรือเพราะมีคนไม่ชอบ
ตราบใดที่ยังไม่มีหลักฐานกระทำความผิด บ้านเมืองจะไปเอาโทษไม่ได้ ....
- จากหนังสือพิมพ์ มติชน ฉบับวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ.2541
หน้า 6 คอลัมน์ เดินหน้าชน โดย นายโอภาส เพ็งเจริญ
ดังที่เคยบอกไปแล้วว่าไม่ใช่สาวกวัดพระธรรมกาย ไม่เคยไป ไม่เคยร่วมกิจกรรม ไม่เคยบริจาค
สตางค์สักสลึงให้กับวัดนั้น เพียงแต่เคยได้ยินชื่อเสียง เคยได้อ่านถึงกิจกรรมของวัดนี้มาเท่านั้น
แต่รู้สึกอยู่ว่ากิจกรรมของวัดนี้น่าจะดีกว่าหลายๆวัดในประเทศไทย
ไม่ใช่จะยกย่องสรรเสริญว่า ดีวิเศษที่สุดแต่เพียงสำนักเดียว วัดเดียว
วัดอื่นก็มีดี มีน่าสนใจ ที่เคยเข้าไปสัมผัส เคยเข้าร่วมกิจกรรมด้วย เช่น
วัดชลประทานรังสฤษฏ์ หรือวัดสวนแก้ว
แต่ยังมีวัดอื่นๆ พระสงฆ์ที่วัดอื่นๆอีกมากมาย ที่มีพฤติกรรมไม่น่าเลื่อมใส
กิจกรรมที่ทำอยู่ไม่มีอะไรส่อว่า จรรโลงพระพุทธศาสนา
เมื่อพิจารณาวัดพระธรรมกาย ผมยังเชื่อว่า
สิ่งที่วัดพระธรรมกายและพระของวัดนี้ดำเนินอยู่ แม้จะมีข้อบกพร่องบ้าง
แต่น่าจะยังประโยชน์ให้เกิดแก่สังคมและประเทศชาติมากกว่าอีกหลายหมื่นวัด
วัดพระธรรมกาย ชวนคนเข้าวัดได้เป็นหมื่นเป็นแสนคนในแต่ละกิจกรรม
ไปทำทาน รักษาศีล ไปนั่งสมาธิ นั่งฟังธรรม ไปรับการกล่อมเกลาจิตใจ
ไม่ได้ไปขอหวยกัน ไม่ได้ไปดูดวงชะตาราศี ยังไม่เคยได้ฟังว่าที่วัดนี้ทำ
วัดพระธรรมกายสร้างศาลา สร้างเจดีย์ใหญ่โตเพราะเขามีคนไปทำกิจกรรมเยอะ ไม่เห็นจะผิดตรงไหน
วัดอื่นๆมีกี่วัดที่คนไปทำความดีรวมกันคราวละมากๆอย่างนี้
สร้างเจดีใหญ่โต ไม่ใช่ว่าเพิ่งสร้าง ได้ยินว่าเขาสร้างมาหลายปีแล้ว แต่ยังไม่เสร็จ
วัดพระธรรมกาย ชวนคนสร้างพระพุทธรูปประจำตัว ก็ไปพูดกันว่า
สร้างพระขาย ผมได้ยินว่า พระที่สร้างไม่มีใครเอากลับไปบ้าน
หากแต่ประดิษฐานไว้บนเจดีย์ แล้ววัดอื่นๆละ ไม่มีสร้างพระขายกันหรอกหรือ
ที่สร้างกันส่วนใหญ่นั้นสร้างขายขาด คือ
จ่ายตังค์ซื้อแล้วเอากลับบ้านด้วย พระเครื่องบางองค์ซื้อขายกันเป็นแสนๆ
บางวัดขายชุดสังฆทาน มีให้คนขายนก ขายเต่า ขายปลา
จัดสวดภาณยักษ์ บางวัดทำธูปยักษ์ ขายดอกไม้
ขายธูปเทียน ทองคำเปลว ขายผ้ายันต์ ขายน้ำหมากน้ำมนต์ มีลงโฆษณากันให้เกร่อเมือง
ในขณะที่วัดพระธรรมกาย สร้างชวนสร้างพระประจำตัว
เพื่อดึงดูดให้คนจำนวนมากเข้าวัดปฏิบัติธรรมพฤติกรรมวัดอื่น
เมื่อเทียบกับวัดพระธรรมกายแล้ว แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ผมไม่ได้เชื่อเรื่องอภินิหารอะไร เช่นเดียวกับไม่เชื่อเรื่องอภินิหารของพระของขวัญวัดพระธรรมกายด้วย
แต่ถ้าจะจัดการวัดพระธรรมกายเรื่องนี้ ก็ต้องไปจัดการวัดทั่วประเทศ
ผมไม่มีกิจการค้าวัสดุก่อสร้างให้วัดพระธรรมกายหรือวัดไหนๆ
เพราะฉะนั้น ถ้าวัดพระธรรมกายพัง ผมก็ไม่เดือดร้อนหรอก
แต่น่าเสียดายประโยชน์ที่สังคมจะได้รับจากวัดนี้
วัดพระธรรมกายสร้างอะไรใหญ่โต สวยงาม
เพราะใช้สถาปนิกออกแบบ อาคารดูใหญ่โตแข็งแรง เพราะมีวิศวกรควบคุม ทำไมไม่ชอบกัน
สังคมไทยต้องการอะไรกันแน่
ทบทวนแล้วผมก็ไม่พบคำตอบว่าอะไรดอก
แต่ออกตัวก่อนว่า ขออภัย ผมไม่ยอมเฮด้วย
1.2 ตัวอย่างฝ่ายสื่อมวลชนที่ไม่เห็นด้วย ข้าพเจ้าขอยกมาเฉพาะ พาดหัวข่าว ที่ดูตื่นเต้น ระทึกขวัญ เพื่อเน้นยอดขาย โดยไม่ขอระบุชื่อหนังสือพิมพ์
- แฉ ธัมมชโย มีสัญชาติมะกัน ถ้ามีปัญหาหอบสมบัติเผ่นได้เลย
วิเคราะห์ : แนวคิดแก้ไขปัญหาสื่อมวลชนของวัดพระธรรมกาย น่ายกย่องมาก คือ ไม่โทษประชาชนและสื่อมวลชน
เพราะ
- เขาเหล่านั้นไม่เคยมาวัด ไม่เคยร่วมกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง จึงเข้าใจวัดไม่ถูกต้อง
แก้ด้วยพุทธวิธี คือ ไม่สู้ (ไม่ว่าร้ายตอบโต้ ไม่ทำร้ายเขา) ไม่หนี ทำความดีเรื่อยไป
แนวทางการแก้ไขของวัดพระธรรมกาย ถูกต้อง แต่ ได้ผลช้า
คือ เมื่อมีข้อครหา กรณีวัดพระธรรมกาย
ซึ่งวัดพระธรรมกายก็แก้ไข คือ
ไม่สู้ ( ด้วยการโต้ตอบ ไม่ว่าร้ายตอบ )
ไม่หนี
มุ่งทำความดีเรื่อยไปตรงตามพุทธวิธี ดังครั้งที่ เหล่าเดียรถีร์ ที่เสื่อมลาภ สักการะ
วานให้ นางจิญจมาณวิกา แสร้งทำว่า ตั้งครรภ์กับพระพุทธองค์
พูดง่ายๆว่า เจตนาสร้างภาพร้ายๆให้มหาชนเข้าใจพระพุทธองค์ผิด
ซึ่งพระบรมศาสดา ก็ทรงนิ่ง ไม่สนใจ ไม่ชี้แจง
สุดท้าย เรื่องร้ายกลายเป็นดี ทั้งดีเพราะ
พระบรมศาสดา ไม่ได้ทำผิด และ บุญบารมีท่านมาก
และผู้ที่คิดร้ายต่อ ผู้ทรงศีล ทรงธรรม เช่นพระพุทธเจ้า
กรรมชั่วจึงตามสนอง รวดเร็วมากเป็นพิเศษ
หรือครั้งที่หลวงพ่อวัดปากน้ำฯ โดนข้อครหา เกี่ยวกับวิชชาธรรมกาย
ประมาณว่า
ใครอยากเป็นอสูรกาย ก็ไปเรียน วิชชาธรรมกาย
ซึ่งหลวงพ่อวัดปากน้ำฯ ก็เฉย ๆ ไม่ได้ออกมาโต้ตอบ ชี้แจงอะไร
แล้วก็เคี่ยวเข็ญการปฏิบัติธรรม ของท่านและเหล่าศิษย์ต่อไป
สุดท้ายคำครหานี้ก็เงียบไป
แต่ในยุคนี้ การไม่ชี้แจง ไม่ออกมาแก้ข้อกล่าวหา ตั้งแต่ต้น
กลับยิ่งทำให้ ภาพของวัดพระธรรมกาย แย่ลง
เพราะคนทั่วไปเข้าใจผิดไปว่า
การไม่ชี้แจง ไม่ออกมาแก้ข้อกล่าวหา เท่ากับว่า วัดพระธรรมกาย ยอมรับผิด
ซึ่งมันคนละเรื่องกันเลย
โดยส่วนตัว ผมเห็นว่า การแก้ไขตามพุทธวิธี และครูบาอาจารย์
นั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วครับ
แต่ผลที่ได้ ต้องใช้เวลานาน กว่าที่พุทธศาสนิกชนและวิญญูชนจะเข้าใจ
ทั้งนี้เพราะ
1.บุญบารมีไม่เท่าพระพุทธองค์
2.บุญบารมีไม่เท่าหลวงพ่อวัดปากน้ำฯ
3.อาจ บ่งชี้ได้บ้างว่า การทำงานใหญ่ ย่อมมีอุปสรรคมาก มีคู่แข่ง มีคู่แค้นมาก
4.ยุคสมัยนี้ ระบบการเผยแผ่ข่าวสาร ไปรวดเร็วมาก
การออกมาแก้ข้อกล่าวหา ตามข้อแท้จริง ตามสมควร
แต่ช้าไปไม่ทันการณ์
เพราะประชาชนจำนวนมาก มีภาพลบในใจซะแล้ว
การชี้แจงข้อแท้จริงภายหลังต่อสาธารณชน
จึงทำให้ดูเหมือนการแก้ตัว ของวัดพระธรรมกาย
และแม้มีพุทธสาสนิกชนที่ไปวัดพระธรรมกาย บางท่าน
มาให้ข้อมูลที่แท้จริง ก็มีบางท่านมองว่า
มาแก้ตัว ของวัดพระธรรมกาย ไปโน่น
- ถ้าโทษคนอื่นผิด คิดว่าเราไม่ผิด ก็จะไม่มีการแก้ไขปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้น
- ต้องโทษตนเองว่า ยังทำความดีไม่มากพอ ประชาสัมพันธ์ไม่ทั่วถึง จึงมีคนเข้าใจผิด
เพราะฉะนั้นต้องแก้ไขตนเองด้วย การทำความดียิ่งๆขึ้นไป
ดังนั้นช่วงปลายปี พ.ศ. 2541-2546 จึงมีโครงการกุศลหนาแน่น เช่น
เปิดบ้านกัลยาณมิตร มากกว่า 80,000 หลัง
จัดบวชอุบาสิกาแก้ว ทั้งในและต่างประเทศ 100,000 คน
จัดบวชอุบาสกแก้ว ทั้งในและต่างประเทศ ราว 70,000 คน
จัดสอบปัญหาธรรมะ สอบพระแท้ มีภิกษุ สามเณร สอบราว 100,000 รูป 2 ครั้ง
เปิดศูนย์ปฏิบัติธรรมในต่างประเทศ ทั่วภูมิภาคทั่วโลก ให้มากยิ่งขึ้น
จัดงานการกุศลที่รวมพระและสาธุชน จำนวนหลายแสนทั้งในและต่างประเทศ
นิมนต์สงฆ์ในสังฆมณฑล คราวละมากๆ มาร่วมงานบุญที่วัดพระธรรมกาย
เช่น มารับสังฆทาน-ไทยธรรม สวดอภิธรรม งานศพแม่ชี จันทร์ ขนนกยูง
ฯลฯ
5. วัดพระธรรมกาย ในทรรศนะของชาวต่างชาติที่ได้ร่วมกิจกรรมของวัด
...................................................
6. วัดพระธรรมกาย ในทรรศนะของข้าพเจ้า
6.1 อดีตถึงปัจจุบัน
มุมมอง ของพุทธศาสนิกชนที่ไปศึกษาพระพุทธศาสนา ที่วัดพระธรรมกาย มาร่วม 20 ปี
วัดพระธรรมกาย ในทัศนะของข้าพเจ้า
ศูนย์พุทธจักร ปฏิบัติธรรม วัดพระธรรมกาย สร้างมากว่า 37 ปีแล้ว
แต่ข้าพเจ้ามาศึกษาพระพุทธศาสนาที่วัดพระธรรมกาย เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2531 มานี่เอง
ดังนั้นเหตุการณ์ช่วงบุกเบิกสร้างวัด และการสอนศีลธรรมในยุคทุ่งนา 196 ไร่
ข้าพเจ้ารู้จักจากเอกสารและภาพถ่ายประวัติศาสตร์
วีดีทัศน์ และฟังคนรุ่นเก่าพูดกันมาเท่านั้น
ความยากลำบาก ปัญหาอุปสรรคในสมัยนั้นข้าพเจ้าไม่ได้สัมผัสจริง
แต่ยุคบุกเบิกธุดงคสถาน บนเนื้อที่กว่า 2,000 ไร่ ให้เป็นพุทธสถาน ดังที่เห็นในปัจจุบัน
ข้าพเจ้าได้สัมผัสจริง
จึงเห็นการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆในทิศทางที่ดี
ด้วยประสบการณ์จริง และความจริงที่ข้าพเจ้าพบ คือ
หมู่คณะที่สร้างวัดพระธรรมกาย และพัฒนาวัดพระธรรมกาย
ล้วนต้องเสียสละ ลำบาก เหน็ดเหนื่อย ทุ่มเทชีวิตจิตใจทำงานเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ คือ
สร้างวัดให้เป็นวัด
สร้างพระให้เป็นพระ
สร้างคนให้เป็นคนดี
เอาแค่หาข้าวหาน้ำ ให้คน มากกว่า 2,000 ชีวิต
กินแค่วันละ 2 มื้อ ทุกวันไม่มีวันหยุด
วิธีหาทรัพย์ก็ใช้ วิธีเดียว คือ
ทำตัวเป็นที่เลื่อมใสศรัทธา
ซึ่งการจะให้ใครมาศรัทธาตนเองได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
สำรวจง่ายๆว่า เรากิน นอน อยู่กับตัวเองมาตลอด 24 น.หลายสิบปี
เราเลื่อมใสตนเอง แค่ไหน
กิจวัตร กิจกรรม โครงการต่างๆที่วัดพระธรรมกายจัดขึ้น
ล้วนเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวมจริงๆ
ไม่ได้เสแสร้ง ทำดี เพราะอยากดัง
หวังลาภสักการะด้วยปรารถนาลามก
ลองตรองดูเถิดว่า
ถ้าต้องตื่นก่อนอรุณรุ่ง นอนดึกทุกวันไม่มีเว้นวันหยุดราชการ มากกว่า 37 ปี
ถ้าทำเพียงเพื่ออยากดังมีคนสรรเสริญ
เป็นคุณจะทำไหม
กินอาหารแค่ 2 มื้อ เช้า กลางวัน ทุกวัน ไม่มีเว้นวันหยุดราชการ มากกว่า 37 ปี
ถ้าทำเพียงเพื่ออยากดังมีคนสรรเสริญ
เป็นคุณจะทำไหม
มีเครื่องนุ่งห่มเพียงสามผืน(ไตรจีวร)
เปลี่ยนผ้าได้ปีละหนหลังกรานกฐิน
ถ้าทำเพียงเพื่ออยากดัง มีคนสรรเสริญ
เป็นคุณจะทำไหม
( ไตรจีวรครอง + ผ้าอาศัย คือ จีวรและสบง
สำหรับผลัดเปลี่ยนทำความสะอาด + 2 อังสะ แค่นั้น )
ต้องรักษาศีล ๒๒๗ เป็นอย่างน้อย มีมารยาทสงบ สง่า
ต้องทำตัวเป็นคนดีทุกวันไม่มีวันหยุด
ถ้าทำเพียงเพื่ออยากดังมีคนสรรเสริญ เป็นคุณจะทำไหม
ศาสนสถานที่สร้างมาจากแรงศรัทธามหาชน
ที่ส่วนมากไม่ใช่เศรษฐี สร้างวัด สร้างเจดีย์แล้ว
ไปเร่ขายก็ไม่ได้ ตายไปก็เอาไปไม่ได้
ต้องตกเป็นสมบัติของสงฆ์ ของแผ่นดิน
ถ้าทำเพียงเพื่ออยากดังมีคนสรรเสริญ เป็นคุณจะทำไหม
ดูอย่างวัดวาอารามในยุค อโยธยาตอนปลาย และ ยุค ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ สิครับ
ผ่านมากว่า 200 ปี ก็ตกเป็นสมบัติของแผ่นดิน
ผู้ร่วมบุกเบิกสร้าง ตายไปแล้วก็เอาไปด้วยมิได้
เหล่าอนุชน รุ่นหลังล้วน ขอบพระคุณ บรรพชนไทย กันถ้วนหน้า
ศาสนสถาน ที่วัดพระธรรมกาย ก็เช่นกันครับ
ทั้งอุโบสถ กุฎิพระ ธรรมสภา เจดีย์ วิหารธรรม
พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ( ธมฺมชโย ภิกขุ ) และหมู่คณะ
อุตสาหะ ตรากตรำ ลำบาก ทุ่มเททั้งชีวิต
สร้างพุทธสถานถวายเป็นพุทธบูชา
และเพื่อประโยชน์แก่พุทธบริษัททั่วโลกที่จรมาจากทิศทั้ง ๔
สุดท้ายก็เป็นสมบัติของแผ่นดินไทย
ของอนุชน ลูก หลาน เหลนโหลนชาวไทยอยู่ดี
ข้าพเจ้าทราบดีว่า ทำไม คนจำนวนมากยอมสละทรัพย์ของตนเอง
ที่หามาด้วยความยากลำบาก
นำมาบริจาคทาน เรื่องได้บุญ เป็นเรื่องนามธรรมคนทั่วไปเข้าใจตามได้ยาก
แต่ดูจากรูปธรรรมได้ คือ เงินที่บริจาคกลับกลายเป็นสิ่งที่เห็น จับต้อง ลิ้มรส สัมผัสได้ ทั้ง
สิ่งก่อสร้างศาสนสถานใหญ่โตมโหฬาร
ก็เพราะมีพุทธศาสนิกชนเรือนแสน เรือนล้านมาใช้งาน นะครับ
จำนวนคนมหาศาลมาทำความดีมากขึ้น
อาหาร น้ำดื่ม จำนวนมากที่ผลิตมาเลี้ยง ค่ารถบัสรับส่งคนมาวัด ฯลฯ
ที่สำคัญที่สุดคือ
จิตใจของผู้ให้สบาย สงบ วิถีชีวิตก็ราบรื่น
ทำบุญแล้วมีความสุข ความสุขทำให้คนทำซ้ำๆๆๆ
เห็นคุณค่าของความสามัคคีของคนดีจำนวนมาก
ว่าสามารถเปลี่ยนกระแสสังคม ให้สงบ มีสุขมากขึ้น
เห็นประโยชน์ของการเป็นกำลังให้คนทำความดี
#####ทัศนคติการบริจาคทาน
จากทำตามกำลังศรัทธา มาเป็นทำเต็มกำลังศรัทธา
นอกจากตัวเองแล้ว ต้องเชิญชวนผู้เป็นที่รัก
คนที่รู้จักและไม่รู้จักมาสร้างทานบารมีด้วยกัน
ข้อเสนอที่ควรปรับปรุง
ถ้าคุณยอมรับความจริงตามคติที่ว่า nobody Perfect
ไม่มีมนุษย์(ที่ยังมีกิเลส)คนใดดีพร้อมเลอเลิศ
ก็ต้องยอมรับได้ว่า
การทำงานทุกอย่าง ไม่ว่างานเพื่อส่วนตัวหรืองานเพื่อส่วนรวม
1. ย่อมมีทั้ง คนเห็นด้วย ไม่เห็นด้วยแล้วต่อต้าน เฉยๆ ยังไงก็ได้
2. ย่อมมีข้อบกพร่องให้ปรับปรุงแก้ไขกันทั้งนั้น
ข้อคิดที่ผมได้คือ
1 ) บุคคลทำความดี แม้กระทำด้วยใจสุจริต
ไม่ใช่ว่าจะมีแต่คนสรรเสริญ คนนินทาก็มี ขัดขวางก็มี คนเกลียดข้ามภพข้ามชาติก็มี
2 ) เราไม่ควร อิสสา ริษยา ในการทำความดี บำเพ็ญบุญบารมีของผู้อื่น
3 ) แม้เราทำความดี ด้วยใจสุจริต ก็อย่าประมาทในเรื่องมนุษยสัมพันธ์กับผู้อื่น
คือ อย่าประมาทในการต้อนรับ ปฏิสันถาร
เพราะ ถ้าเรามีมนุษยสัมพันธ์ที่แย่กับผู้อื่น หรือไม่สำรวมปาก ไปว่าร้ายใคร
อาจเป็นการสร้างศัตรู คู่แค้น
มาคอยขัดขวางการสั่งสมความดี บุญบารมีข้ามภพข้ามชาติได้
ภัยภายนอก ไม่ร้ายเท่าภัยภายใน
เพราะภัยภายนอกหล่อหลอมให้มนุษย์ฉลาด เข้มแข็งและสามัคคีกัน
ในทรรศนะของผมนั้น พุทธศาสนิกชนที่ขยันหมั่นไปบำเพ็ญกุศลที่วัดพระธรรมกาย
เป็นมนุษย์พันธุ์ ยิ่งตี ก็ยิ่งโต
ยิ่งทุบ ก็ยิ่งช่วยหล่อหลอมสามัคคีธรรมให้เหนียวแน่น
ยิ่งโดนต่อว่า เรื่องการบำเพ็ญทาน ก็ยิ่งขยันบำเพ็ญทานบารมี
ยิ่งใครว่าร้ายวัดพระธรรมกาย ก็ยิ่งทำให้รักวัดพระธรรมกาย
ทั้งนี้ไม่ใช่ว่า
พุทธศาสนิกชนที่ขยันหมั่นไปบำเพ็ญกุศลที่วัดพระธรรมกาย
บ้าบุญ หลงบุญ อยากได้สวรรค์ วิมาน อย่างงมงาย หรอกนะครับ
แต่เป็นเพราะ สาธุชนทั้งหลายเหล่านั้น เข้าไปเห็น เข้าไปร่วมกิจกรรมงานกุศล
ด้วยใจที่เที่ยงธรรมกับหลวงพ่อธมฺมชโย ต่อเนื่องมายาวนาน
บางคน 1 ปี บางคน 10 ปี 20 ปี 30 ปี 40 ปี
ได้ขยันประพฤติ ปฏิบัติธรรม จนมั่นใจว่า
ธรรม ย่อมคอยปกปัก คุ้มครอง รักษาผู้ประพฤติธรรม
ดังนั้น ความเข้าใจผิดพลาด คลาดเคลื่อนในระบบสื่อสารมวลชน ในประเทศไทย
กลับทำให้พุทธศาสนิกชนที่ขยันหมั่นไปบำเพ็ญกุศลที่วัดพระธรรมกาย
ยิ่งต้องขยันทำความดี ควบคู่กับการเผยแผ่ธรรมะ ประชาสัมพันธ์กิจกรรมงานกุศล
ไปให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น
ขอขอบคุณภัยภายนอก
ที่ช่วยหล่อหลอมหมู่คณะวัดพระธรรมกาย ให้เป็นนักสร้างบารมีที่สมบูรณืยิ่งขึ้น
ที่ช่วยประชาสัมพันธ์กิจกรรมงานกุศลของหมู่คณะวัดพระธรรมกาย ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
ที่น่ากลัวคือภายภายใน หมายถึง การแตกความสามัคคี การประพฤติตนเลวทราม
รวมถึงการคบคนชั่ว การยินดีสมาคมกับนิสัยชั่วๆที่ตนเองมีอยู่
คือ ความโลภ โกรธ หลง
วิธีและแนวทางแก้ไข ในทัศนะของข้าพเจ้า
สิ่งที่วัดพระธรรมกาย และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย
ควรปรับปรุง พัฒนาให้ดียิ่งขึ้น คือ
1 ) ควร ลดการใช้ คำ ที่ง่ายต่อการก่อให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
จากความหมายที่ต้องการจะสื่อ เช่น คำว่า รวย
เพราะโดยมาก คำจำพวกนี้ ผู้คนมักตีความไปเรื่อง โลภะ
เพราะผู้รับสาร มักคิดไปทาง ว่า
ทำความดีเพื่อปรารถนาโลกียะทรัพย์ มากกว่า โลกุตตระทรัพย์
2 ) การกล่าวสรรเสริญวิชชาธรรมกาย หรือ ครูบาอาจารย์ ในที่สาธารณะแบบ network
สมควรกล่าวแต่พองาม
เพราะในที่สาธารณะ ใครๆก็มีครูบาอาจารย์ที่เคารพ มีแนวปฏิบัติธรรม ที่คุ้นเคยอยู่
เดี๋ยวเขาไม่พอใจ ก็จะได้อมิตรได้นะครับ
และกระดานสานทนาเป็นที่สาธารณะ
เรื่องสามัญผล – ผลจากการปฏิบัติธรรม เป็นเรื่อง ปัจจัตตัง รู้ได้เฉพาะตน (และหมู่ผู้รู้ด้วยกัน)
แม้สามารถตรวจสอบได้จาก ความรู้ที่ครูอาจารย์ถ่ายทอดไว้ให้
ก็อาจมีประสบการณ์ หรืออื่นๆที่ต่างกันได้
ที่ต่างกันเพราะ
ศรัทธา ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติ วิมุติญาณทัสสนะและธาตุ-ธรรม สะอาด บริสุทธิ์ต่างกัน
เพราะระดับใจหยุด นิ่ง ต่างกัน (แม้เข้าถึงในระดับเดียวกัน)
ถ้าสนทนาธรรมกัน ในที่สาธารณะแบบนี้
ใครที่มีพื้นฐานเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมน้อย
หรือมีแนวการปฏิบัติต่างกันจากเรา
เขาจะเกิดความไม่เข้าใจเกี่ยวกับวิชชาธรรมกายไปจนถึงหลวงพ่อวัดปากน้ำฯ
จนเกิดความเข้าใจผิด นะครับ
พระเดชพระคุณหลวงพ่อทตฺตชีโว เคยปรารภถึง
การทำหน้าที่กัลยาณมิตรแบบขาดความระมัดระวัง นอกจากไม่ได้ดีแล้วยังเสียด้วย เช่น
การใช้ถ้อยคำเทิดทูน ครูบาอาจารย์มากๆ มีเรื่องละเอียด อจินไตย เชิงอภินิหาร มาประกอบ
โดยที่คนทั่วไปไม่เข้าใจตามได้ วิธีแบบนี้ ง่ายที่จะ เสีย มากกว่า ได้
พูดง่าย ๆ หลวงพ่ออยู่ที่วัดดีๆ ก็มีคนหมั่นไส้ หรือเข้าใจผิดต่อ ครูบาอาจารย์ได้ง่าย
3 ) เคร่งครัดในปาติโมกข์ศีล ระวังมารยาท การปฏิสันถารต้อนรับ
4 ) หมั่นฝึกฝน หล่อหลอม ภิกษุ สามเณรและทุกคนที่มาวัด ให้เป็นคนดี
ที่กล้าทำความดีอย่างเปิดเผย สง่างามไม่ต้องอายใคร
ไม่ต้องลักลอบทำความดี
ทีคนทำชั่วเขายังไม่อายกันเลย
5 ) โครงการทุกโครงการกุศลที่ทำอยู่แล้ว ทำให้เข้มข้นยิ่งไปอีก เช่น
เทเหล้าเผายาสูบ ทางก้าวหน้า อบรมธรรมทายาททั้งในประเทศและต่างประเทศ
ถวายสังฆทาน ปัจจัยไทยธรรมแด่สังฆมณฑล
โครงการมุทิตา สักการะเปรียญธรรม ๙ ประโยค ฯลฯ
6 ) ริเริ่มโครงการทำความดีใหม่ๆ ให้ทันกระแสโลกาภิวัฒน์&กามานุวัตร
(หมุนไปตามกระแสกาม)
7 ) การประชาสัมพันธ์ fact ในผลงานและคุณประโยชน์ที่วัดพระธรรมกายทำอยู่จริง
ให้ปรากฏเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนแก่ประชาชน สังคมไทยและคนทั่วโลก โดยอาศัย
เทคโนโลยี internet & mass media Mass communication เช่น
จัดรายการทางวิทยุ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ Anniamtion 2D & 3Dเกี่ยวกับธรรมะ เช่น พุทธประวัติ ,ทสชาดก ฯล
8 ) จัดงานกุศลที่รวมหน่วยงานและบุคคลมีชื่อเสียง
มีศักยภาพในการถ่ายทอดความคิดที่เป็นสัมมาทิฏฐิ
ให้คนในสังคม ให้คนในประเทศ
ให้คนในโลกตื่นตัวทำตามได้ เช่น
หน่วยงาน UN , พสล. , ยพสล. ,
กระทรวงศึกษาธิการ กรมการศาสนา มหาเถรสมาคม มจร. ฯล
ส่วนบุคคลก็เช่น .......
6.2 แนวโน้มในอนาคต
* ความเจริญและความเสื่อม
- ด้าน ปริยัติธรรม
- ด้าน ธรรมปฏิบัติ
.....................................................
- ด้าน ศาสนาสถาน
...................................
- ด้าน ศาสนทายาท
.........................................
- ด้าน ระบบสาธารณูปโภคโดยรอบวัด
.......................................................
- ด้าน การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับชาวต่างชาติ ต่างศาสนา
...................................................
- ความเจริญด้าน การพัฒนาศักยภาพบุคลากร
ต่อไปประเทศไทย จะมีผู้นำระดับประเทศ ภูมิภาค จังหวัด ท้องถิ่น
ที่มีความรู้ความสามารถควบคุ่คุณธรรม เช่น การรักษาศีล ๕ เป็นปกติ
ผู้ว่าราชการจังหวัด นายกเทศบาล อบต. ที่ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มสุรา เข้าวัดฟังธรรม สวดมนต์ นั่งสมาธิ
นักธุรกิจ ที่ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มสุรา เข้าวัดฟังธรรม สวดมนต์ นั่งสมาธิ
ดารานักร้อง นักแสดง ที่ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มสุรา เข้าวัดฟังธรรม สวดมนต์ นั่งสมาธิ
ครูอาจารย์ ลด ละเลิก อบายมุข เป็นต้นแบบแม่พิมพ์ที่น่าเคารพ บูชา
นักเรียน นิสิต ไม่ดื่มน้ำเมา ขายยา(เสพติด) บ้าเซ๊กส์
...........................................
- ด้านการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมอันดีงามของประเทศไทย
.................................