ทำไมมีเชื้อโรคอยู่ในบ้าน เมื่อก่อนผมไม่เคยคิด
#1
โพสต์เมื่อ 04 October 2010 - 01:32 PM
แต่พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ และคณะศิษยานุศิษย์พูดถึงเรื่องพญามารอย่างขยายความรายละเอียดมากๆ ทีเดียว ในที่สุด ผมถึงบางอ้อว่า อ๋อ มันก็คล้ายๆ กับคำถามว่า ทำไมจึงมีเชื้อโรคอยู่ในบ้าน กับ ทำไมจึงมีเชื้อโรคอยู่ในโลก นั่นเอง
คำถามแรก ทำไมจึงมีเชื้อโรคอยู่ในบ้าน คำตอบ สามารถมองได้ 2 มุม แล้วแต่ว่าเราจะเลือกตอบมุมไหน คำตอบมุมที่หนึ่ง คือ เหตุที่มีเชื้อโรคอยู่ในบ้าน เพราะ เชื้อโรคมันเข้ามาในบ้าน
ส่วนคำตอบมุมที่สองคือ เพราะทุกคนไม่รู้ว่า เชื่อโรคมันเข้ามาอยู่ในบ้าน ซึ่งถ้ามองคำตอบจากมุมที่สอง วิธีการแก้ไขปัญหาคือ ต้องไปอบรมชี้แจ้งให้คนอื่นๆ รู้ว่า ตอนนี้คนเหล่านั้นมีเชื้อโรคอยู่ในบ้าน และชี้แนะวิธีแก้ไขด้วยการฉีดยาฆ่าและป้องกันเชื้อ เพื่อขจัดเชื้อโรคในบ้านให้หมดไปและไม่ให้เชื้อโรคใหม่เข้ามา เท่านี้บ้านก็จะปลอดเชื้อโรค
แต่มุมมองของคำตอบที่สอง จะไม่บอกว่า แล้วเชื้อโรคมาจากไหน ทำไมเชื้อโรคจึงเข้ามาอยู่ในบ้าน เพราะนี้เพราะวัตถุประสงค์ของคำตอบ ก็เพียงต้องการกำจัดเชื้อโรคที่อยู่ภายในบ้านให้หมดไปเท่านั้นเอง ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นต้องไปขยายความว่า เชื้อโรคมาจากไหน ทำไมจึงเข้ามาอยู่ในบ้าน
ตอบเพียงแค่ว่า เหตุที่มีเชื้อโรคอยู่ในบ้าน เป็นเพราะมนุษย์ทุกคนไม่รู้ว่ามีเชื้อโรคอยู่ในบ้าน เท่านั้นจบ
แต่หากเราตั้งคำถามใหม่ คำตอบก็จะเปลี่ยนไป เช่น เราตั้งคำถามว่า ทำไมจึงมีเชื้อโรคอยู่ในโลก คราวนี้คำตอบจะเปลี่ยนไปเป็น เป็นเพราะมีแหล่งกำเนิดเชื้อโรค หากต้องการให้เชื้อโรคหมดไปจากโลก ก็ต้องกำจัดแหล่งกำเนิดเชื้อโรคนี้ให้จงได้ เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละครับ
เช่นเดียวกัน หากเราต้องการกำจัดกิเลสเฉพาะตน เราก็ต้องไปหาสาเหตุว่า ทำไมเราจึงมีกิเลส คำตอบที่เราทราบจากตำราก็คือ เป็นเพราะเรามีอวิชชา(ความไม่รู้จริง)ว่าเราตกในอำนาจกิเลส วิธีแก้ปัญหาก็คือ ปฏิบัติธรรมเพื่อให้เกิดวิชชา(ความรู้จริง) จนสามารถขจัดกิเลสในตัวได้ในที่สุด
ซึ่งมาคิดดู คำตอบนี้ก็คือ คำตอบในมุมมองแรกว่า ทำไมบ้านจึงมีเชื้อโรคนั่นเอง คำตอบนี้ตอบเพียงแค่ว่า ไม่รู้จริงว่าถูกกิเลสครอบงำ ดังนั้น ให้รู้จริงซะ ก็จบ โดยไม่ต้องจำเป็นต้องไปตอบมุมมองที่สองว่า แล้วทำไมกิเลสจึงเข้ามาในใจมนุษย์ กิเลสเกิดมาจากไหน ใครส่งกิเลสมา เป็นต้น
แต่หากเรามุ่งกำจัดกิเลสให้สรรพสัตว์ทุกๆ จักรวาล จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องหาต้นแหล่งของกิเลส ว่าเกิดมาจากไหน ใครส่งมาควบคุมใจมนุษย์ ก็เลยมีการพูดถึงเรื่องนี้อย่างละเอียดละออ นั่นเอง
#2
โพสต์เมื่อ 04 October 2010 - 03:13 PM
#3
โพสต์เมื่อ 04 October 2010 - 04:01 PM
#4
โพสต์เมื่อ 04 October 2010 - 06:09 PM
อนุโมทนาบุญกับข้อคิดธรรมดีๆครับ
#5
โพสต์เมื่อ 04 October 2010 - 06:13 PM
ส่วนผู้ที่ไม่ได้คิดไปกำจัดแหล่งกำเนิดโรค คิดแค่กำจัดเชื้อโรคในบ้าน ก็ควรให้การสนับสนุน ถ้าไม่สนับสนุนก็ไม่ควรขัดขวาง
ไม่ใช่พอเห็นว่าการกำจัดแหล่งกำเนิดโรคนั้นเป็นไปไม่ได้ ยากกส์เกินไป หรือเป็นเรื่องเพ้อฝัน ลมๆเล้งๆ ก็จะมาขัดขวาง
ถ้าไม่คิดสนับสนุนหรือคิดไปกำจัดแหล่งเชื้อโรคด้วยกัน ก็เพียงแค่ยืนมองเฉยๆ ก็พอ
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#6
โพสต์เมื่อ 04 October 2010 - 07:31 PM
#7
โพสต์เมื่อ 04 October 2010 - 07:31 PM
#8
โพสต์เมื่อ 04 October 2010 - 08:12 PM
#9
โพสต์เมื่อ 04 October 2010 - 09:55 PM
แต่คือกิเลสในใจมนุษย์ต่างหากที่เป็นเชื้อให้เกิดโรคต่างๆ
เช่นโรคตับแข็ง ไม่ได้เกิดจากแบคทีเรียหรือไวรัส แต่เกิดจากแอลกอฮอร์ที่ดื่มเข้าไป
โรคจิตประสาท เกิดจากจิตที่หวั่นไหวกับโลกธรรมแปด
ถูกหวยดีใจมากจนบ้าก็มี อกหักเสียใจมากจนบ้าก็มี
โรคชรา ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรคใดๆ แต่เพราะเรามีกิเลสเราจึงเป็นโรคนี้
กิเลสน้อยก็แก่ช้า เช่นคนในยุคพระศรีอาริยะเมตไตร
กิเลสมากก็แก่เร็วเช่นคนยุคนี้
การกำจัดเชื้อโรคให้สิ้นเชื้อไปจากโลก จึงไม่ใช่การพ่นยาปฏิชีวะนะให้ทั่วโลก
จึงมิใช่การทาแอลกอฮอร์หรือไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ให้ทั่วหล้า
แต่คือการกำจัดต้นเหตุแห่งกิเลส ที่มาของเชื้อโรคทั้งปวง
หากในใจของมนุษย์ยังมีเชื้อกิเลสอยู่แม้เพียงคนเดียว มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายย่อมมีโอกาสป่วยได้
ดังนั้นจึงควรกำจัดเชื้อกิเลสทั้งหลายให้หมดไปจากโลกโดยเร็ว
#10
โพสต์เมื่อ 04 October 2010 - 10:23 PM
#11
โพสต์เมื่อ 05 October 2010 - 09:09 AM
#12
โพสต์เมื่อ 05 October 2010 - 10:04 AM
เมื่อไหร่ "ใจเราจะหยุดนิ่ง" ได้ซะที
ว่าแล้ว ก็ ทำสมาธิดีกว่า
#13
โพสต์เมื่อ 05 October 2010 - 01:02 PM
ตัวอย่างเห็นภาพพจน์เลย เหมือนฝันไปเห็นมา
เมื่อตะวันจะส่องแสง เมฆหมอกจะปกปิดได้ด็แค่ชั่วคราวเท่านั้นเอง