ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ทำไปได้ยังไง???


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 5 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 n00m

n00m
  • Moderators
  • 637 โพสต์
  • Location:Patumthanee

โพสต์เมื่อ 12 April 2008 - 08:34 PM

ผมบังเอิญผ่านไปพบข้อความเชิญชวนไปดูหนังเรื่องหนึ่ง โดยเนื้อหาของหนังไม่สมควรได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ได้เลย ไม่รู้จะทำไงดีครับ ขอความเห็นว่าเราควรจะช่วยกันแสดงความเห็นทั้งต่อการฉายหนังและคนที่สร้างหรือไม่ครับ มีเบอร์โทรศัพท์และ website มาด้วยในรูปนะครับผม

--------------------------------------------------------
แสงศตวรรษ หรือชื่อภาษาอังกฤษ Syndromes and a Century เป็นภาพยนตร์ไทย กำกับโดย อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล เป็นหนึ่งในชุดผลงานของผู้กำกับ 6 คนจากทั่วโลก ร่วมกับผู้กำกับจากปารากวัย อิหร่าน ชาด ไต้หวัน และอินโดนีเซีย ที่ได้รับเชิญให้ร่วมผลิตภาพยนตร์เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาล “นิว คราวน์ โฮป” ในโอกาสเฉลิมฉลอง 250 ปีชาตกาลของ โวล์ฟกัง อะมาเดอุส โมซาร์ท คีตกวีชาวออสเตรีย เมื่อ พ.ศ. 2549 โดยได้รับทุนสนับสนุนจากทางการกรุงเวียนนา และออกฉายรอบปฐมทัศน์เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2549 ในเทศกาลภาพยนตร์เวนิส

ภาพยนตร์เรื่องนี้มีกำหนดฉายในประเทศไทย ในวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2550 แบบจำกัดโรง จำนวน 2 โรง แต่ภาพยนตร์ไม่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์ เมื่อวันที่ 2 เมษายน และ 10 เมษายน พ.ศ. 2550 โดยมีเงื่อนไขให้ตัดฉากสำคัญออกไป 4 ฉาก ซึ่งทางคณะกรรมการชี้ว่ามีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กรศาสนาและองค์กรทางการแพทย์ จึงจะอนุญาตให้ฉายได้ ซึ่งอภิชาติพงศ์ ได้ตัดสินใจที่ไม่ฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ในประเทศไทย

ฉากที่ไม่ผ่านการพิจารณาจากกองเซ็นเซอร์คือ
1) ฉากพระกำลังเล่นกีตาร์
2) ฉากหมอดื่มเหล้าในโรงพยาบาลขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่
3) ฉากหมอชายจูบแสดงความรักกับแฟนสาวที่แวะมาเยี่ยมที่โรงพยาบาล ก่อนจะต้องจากกันเมื่อฝ่ายหญิงต้องย้ายไปทำงานต่างจังหวัด และเกิดอารมณ์ทางเพศจนเห็นความผิดปกติของเป้ากางเกง
4) ฉากพระเล่นเครื่องร่อน

แนบไฟล์  47896.jpg   75.99K   84 ดาวน์โหลด

ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2551 มีประกาศว่าผู้กำกับภาพยนตร์ได้นำภาพยนตร์นี้เข้ารับการพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ถูกสั่งให้ตัดเพิ่มเป็น 6 ฉาก โดยอภิชาติพงษ์ใส่ฟิล์มดำแทนฉากที่โดนตัด เพื่อแสดงถึงการโดนบังคับตัดออก

#2 suppy001

suppy001
  • Members
  • 2210 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 April 2008 - 07:02 AM

Oh! ใครทำกรรมใดไว้ ดีหรือชั่วก็ตาม ตนจักต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น...สาธุ

#3 วัดในดวงใจ

วัดในดวงใจ
  • Members
  • 1199 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 April 2008 - 08:36 PM

art ไม่ clean
พระพุทธเจ้ารู้
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์

#4 เถลิงเกียรติ

เถลิงเกียรติ
  • Members
  • 760 โพสต์
  • Interests:N/A

โพสต์เมื่อ 13 April 2008 - 09:29 PM

มันจะมีมาเรื่อยๆ ครับ เพราะเป็นช่วงไขลงครับ
หลากหลายรูปแบบ หลายลีลา
ที่หมู่มารทั้งห้าฝูง เสกสรรปั้นมา
ที่เห็นนี่ เป็นเทวบุตรมาร เสกสรรปั้นแต่งมา

วิธีการในรูปแบบที่ทำได้ด้วยกายเนื้อ ในการปรับโครงสร้างของสิ่งไม่ดี (อธรรม)
คือการที่จะต้องสร้างเครือข่ายคนดี อย่างด่วนครับ smile.gif

แบบหมู่คณะวัดพระธรรมกาย นี่แหละครับ ยอดเยี่ยม

ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
อาจเป็นเรื่องที่แตกต่างหรือเกี่ยวข้องกับ วิทยาศาสตร์ หรือ วิศวกรรมศาสตร์
ดังนั้นเรื่องที่ข้าพเจ้าเขียนถ้าไม่ตรงกับความคิดเห็นของท่านใด ขออย่าได้มีอคติก่อน
แต่ถ้าตรงกับความคิดเห็นของท่านผู้ใด ขออย่าได้เชื่อไปก่อน
ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าเรื่องที่แสดงความเห็นเป็นแนวคิดของข้าพเจ้า
และข้อมูลที่ค้นคว้าเพื่อเสริมสร้างศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้มั่นคง
ซึ่งอาจจะถูกบ้างผิดบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็จะเป็นประโยชน์ เป็นข้อมูลหนึ่ง กับท่านที่ศึกษาทางพุทธศาสตร์
ข้าพเจ้ามีความเชื่อว่า แต่ละคนก็มีกรรมเป็นของตนเอง เราเป็นทายาทแห่งกรรม
ทำดีตามครูไม่ใหญ่ ต้องได้ดีแน่นอน
และสรุปได้ว่า การเอาธรรมในพุทธศาสนามาใช้ในการดำรงชีวิตไม่เคยล้าสมัย สามารถใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย

ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม



#5 Ray

Ray
  • Members
  • 168 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 April 2008 - 11:13 AM

แล้วเราจะรู้ได้งัยว่าใครคือมาร ใครคือเทวบุตรมาร อะไรมารทำมา

#6 วันใส

วันใส
  • Members
  • 93 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 April 2008 - 11:11 PM

สังคมปัจจุบันเป็นอย่างนี้จริง ๆ นะ ดูง่าย ๆ สื่อต่าง ๆ ทั้งสื่อทางโทรทัศน์ หนังสือพิมพิ์ นิตยสาร วารสาร มักที่จะเสนอข่าวในทางเสื่อมเสีย แม้กระทั่งหนังถ้าใครอยากดังต้องสร้างแบบเกอร์อินโต แล้วต้องแบบเปิดโลกทัศน์ที่คับแคบและเป็นเชิงลบของคนสร้าง เนี่ยเกอร์อินโตชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับความศรัทธานี่เสียหายหนัก ดูเวลามีข่าวเกี่ยวกับพระสงฆ์องคเจ้ารวมสามเณร เถร ชี เรื่องที่บุคคลท่านเหล่านี้ทำความดีทำคุณประโยชน์โปรดสัตว์ ไม่เคยมีให้ได้ชม ได้ยลกันหรอกไปดูได้เลยทุกช่อง ซึ่งจริง ๆ มีข่าวที่บุคคลเหล่านี้สร้างสรรค์ไว้มากมายในทุกวัน ไม่ใช่มีแต่ข่าวพระสวดศพกับฌาปนกิจศพเป็นอย่างเดียว แต่ลองพอมีข่าวเสื่อมเสียทั้งจริงและไม่จริงไม่รู้ล่ะขอลงข่าวประจาน ทำลายไว้ก่อน ไม่มีการกรองข่าว แค่ขอมีข่าวไม่ดีของผู้อื่นจะจริงหรือไม่ ไม่สนใจ ขอเอามาสนองกิเลสหวังแค่ให้มีข่าวเลี้ยงปากท้องตัวเองไปวันหนึ่ง ๆ กับสังคมที่ไม่ชอบเห็นใครดีกว่าตัวเองมักชอบที่จะบริโภคข่าวไม่ดีของคนอื่นโดยที่ไม่ไตร่ตรองว่าจริงเท็จแค่ไหน แบบว่าคอยสมน้ำหนวกอะไรประมาณนั้น แล้วพอข่าวที่ออกไปทำให้เขาเสียหายทั้งที่สรุปแล้วเขาไม่ได้ทำอะไรผิดแม้แต่น้อยแต่ข่าวกลับเงียบหายไม่มีการกลับมารายงานแก้ข่าว ปล่อยความดีให้ลืมหายแต่เอาความชั่วร้ายไปป้ายผู้อื่น ปล่อยให้เขาเป็นจำเลยของสังคม บางกรณีมีการลงสื่อแก้ข่าวแล้วขอโทษแต่ไม่เห็น ขอโทษแบบกระหน่ำ ๆ เหมือนตอนที่โจมตีเขาเลย นี่มันเป็นอย่างนี้ แค่ต้องการบริโภคสื่อเชิงสร้างสรรจรรโลงใจจะมีที่ไหนให้ได้จิตใจจะได้ไม่หดหู่ ตกต่ำลงทุกวัน ๆ สงสัยจะมีแต่ DMC ช่องนี้ช่องเดียวจริง ๆ ถ้าใครไม่ติดจานก็อดรับรู้ว่าแท้ที่จริงยังมีพระ เณร เถร ชี ที่เขาทำคุณประโยชน์แก่ชาวโลกไว้มากมายเพียงใด
แม้มืดตื้อมืดมิดก็มีสิทธิเข้าถึงธรรม