เรื่องจริงที่น่ารัก...ของในหลวง
#1
โพสต์เมื่อ 18 January 2006 - 09:47 PM
จากในวัง .... คุณจะรักในหลวงของเรามากยิ่งๆขึ้น
เหตุการณ์เกิดที่จังหวัดตาก เมื่อสมเด็จพระเทพฯทรงเสด็จไปเยี่ยมราษฏรตามที่ต่างๆ และได้ทรงเสด็จ
ไปเยี่ยมประชาชนในตลาดสด และถามความเป็นอยู่กับบรรดาแม่ค้าในตลาด แต่ก็มาถึงแม่ค้าปลา ซึ่ง
พระองค์ทรงตรัสถามว่า "ปลาพวกนี้ขายอย่างไงจ๊ะ"
แม่ค้าตอบว่า " ที่สวรรคตแล้ว กิโลละ 40 บาท และที่เสด็จไปเสด็จมากิโลละ 80บาทจ๊ะ"
เหตุการณ์นี้ ทำให้ข้าราชบริพาลที่ตามเสด็จหัวเราะกันทุกคน
---------------------------------------------------------
อีกครั้งหนึ่งที่ภาคอีสานเมื่อเสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบนบ้านของราษฎรผู้หนึ่ง ที่คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลายออก
แปลกใจในการกราบบังคมทูล ที่คล่องแคล่วและใช้ ราชาศัพท์ได้อย่างน่าฉงน เมื่อในหลวงมีพระราช
ปฏิสันถารถึงการใช้ราชาศัพท์ได้ดีนี้ จึงมีคำกราบทูลว่า
"ข้าพระพุทธเจ้าเป็นโต้โผลิเกเก่าบัดนี้มีอายุมากจึงเลิกรามาทำนาทำสวนพระพุทธเจ้าข้า.."
มาถึงตอนสำคัญที่ทรงพบนกในกรงที่เลี้ยงไว้ที่ชานเรือน ก็ทรงตรัสถามว่า " เป็นนกอะไรและมีกี่ตัว..
"
พ่อลิเกเก่ากราบบังคมทูลว่า "มีทั้งหมดสามตัว พระมเหสีมันบินหนีไป ทิ้งพระโอรสไว้สองตัว ตัวหนึ่งที่
ยังเล็ก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลย และทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว"
เรื่องนี้ดร.สุเมธเล่าว่าเป็นที่ต้องสะกดกลั้นหัวเราะกันทั้งคณะไม่ยกเว้นแม้ในหลวง
---------------------------------------------------------
เมื่อครั้งท่านพระชนม์มายุ 72 พรรษา มีการผลิตเหรียญที่ระลึกออกมาหลายรุ่น เจ้าของกิจการนาฬิกา
ยี่ห้อหนึ่งได้ยื่นเรื่องขออนุญาตนำ พระบรมฉายาลักษณ์ของท่าน มาประดับที่หน้าปัดนาฬิกาเป็นรุ่นพิเศษ
ท่านทราบเรื่องแล้วตรัสกับเจ้าหน้าที่ว่า
"ไปบอกเค้านะเราไม่ใช่มิกกี้เมาส์"
---------------------------------------------------------
มีอยู่ครั้งหนึ่งทรงเสด็จไปพระราชทานปริญญาบัตรให้กับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในระหว่างที่
ทรงเปลี่ยนในครุย ทรงโปรดสูบมวนพระโอสถ แต่ว่าทรงหาที่จุดไม่ได้ ทางอธิการบดีซึ่งเฝ้าอยู่ก็จุดไฟ
ให้พร้อมทูลว่า "ถวายพระเพลิงพระเจ้าข้า"
ในหลวงทรงชะงัก ก่อนจะแย้มสรวลน้อยๆกับอธิการบดี ว่า"เรายังไม่ตายถวายพระเพลิงไม่ได้หรอก"
---------------------------------------------------------
เคยมีเรื่องเล่าให้ฟังว่าในหลวงเสด็จไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อเยี่ยมเยียนราษฎร มีอยู่ครั้งหนึ่งพระองค์
ท่านทรงแจกพระเครื่องให้กับราษฎรจนหมดแล้ว แต่ราษฎรผู้หนึ่งกราบบังคมทูลขอรับพระราชทานพระ
เครื่องว่า
"ขอเดชะ ขอพระหนึ่งองค์"
ในหลวงทรงตรัสว่า "ขอเดชะ พระหมดแล้ว"
---------------------------------------------------------
ครั้งหนึ่งหลายๆ ปีมาแล้ว พระเจ้าอยู่หัวทรงประชวรนิดหน่อยเกี่ยวกับพระฉวี(ผิวหน้า)มีพระอาการคัน
มีหมอโรคผิวหนังคณะหนึ่งไปเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายการรักษาคุณหมอเป็นผู้ X วชาญทางโรคผิวหนังแต่ไม่
ได้ X วชาญทางราชาศัพท์ก็กราบบังคมทูลว่า
"เอ้อ - ทรง... อ้า-ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะ"
พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระสรวล ตรัสว่า "ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนี่จะท้องได้ยังไง"
แล้วคงจะทรงพระกรุณาว่าหมอคงจะไม่รู้ราชาศัพท์ทางด้านอวัยวะร่างกายจริงๆ ก็พระราชทานพระบรม
ราชานุญาตว่า
" อ้าพูดภาษาอังกฤษกันเถอะ"
เป็นอันว่าก็กราบบังคมทูลซักพระอาการกันเป็นภาษาอังกฤษไป
---------------------------------------------------------
เรื่องนี้รุ่นพี่ที่จุฬาฯเล่าให้ฟังว่า มีอยู่ปีนึงที่ในหลวงทรงเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร อธิการบดีอ่านราย
ชื่อบัณฑิตแล้วบังเอิญว่ามีเหตุขัดข้องบางประการ ทำให้อ่านขาดตอน ก็ต้องรีบหาว่าอ่านรายชื่อไปถึงไหน
แล้ว ปรากฏว่าในหลวงท่านทรงจำได้ ท่านเลยตรัสกับอธิการไปว่า
"เมื่อกี้นี้ (ชื่อ....) เค้ารับไปแล้ว"
และมีอีกปีนึงขณะที่พระราชทานปริญญาบัตรอยู่ดีๆ ไฟดับไปชั่วขณะ ทำให้บัณฑิตคนหนึ่งพลาดโอกาสครั้ง
สำคัญในการถ่ายรูป พอในหลวงทรงพระราชทานปริญญาบัตรเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะให้พระบรม
ราโชวาท ท่านทรงให้อธิการบดีเรียกบัณฑิตคนนั้นมารับพระราชทานอีกครั้ง เพื่อจะได้มีรูปไว้เป็นที่ระลึก
ตื้นตันกันถ้วนทั่วทั้งหอประชุม
---------------------------------------------------------
เรื่องการใช้ราชาศัพท์กับในหลวง ดูจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ใครต่อใครเกร็งกันทั้งแผ่นดิน และไม่เว้นแม้
กระทั่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายรายงาน ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนมีข้า
ราชการระดับสูงผู้หนึ่งกราบบังคมทูลรายงานว่า
" ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าพลตรีภูมิพลอดุลยเดช ขอพระ
ราชทานพระบรมราชานุญาตกราบบังคม ทูลรายงาน ฯลฯ "
เมื่อสิ้นคำกราบบังคมทูลชื่อในหลวงทรงแย้มพระสรวลอย่างมีพระอารมณ์ดีและไม่ ถือสาว่า " เออ ดี
เราชื่อเดียวกัน.."
ข่าวว่าวันนั้นผู้เข้าเฝ้าต้องซ่อนหัวเราะขำขันกันทั้งศาลาดุสิดาลัย เพราะผู้รายงานตื่นเต้นจนจำชื่อตน
เองไม่ได้
---------------------------------------------------------
วันหนึ่งพระองค์ท่านเสด็จเยี่ยมเยียนพสกนิกรของท่านตามปกติที่ต่างจังหวัด ก็มีชาวบ้านมาต้อนรับ
ในหลวงมากมาย พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมาตามลาดพระบาท ที่แถวหน้าก็มีหญิงชราแก่คนหนึ่ง
ได้ก้มลงกราบแทบพระบาท แล้วก็เอามือของแกมาจับ พระหัตถ์ของในหลวง แล้วก็พูดว่ายายดีใจเหลือ
เกินที่ได้เจอในหลวง แล้วก็พูดว่ายายอย่างโน้น ยายอย่างนี้ อีกตั้งมากมายแต่ในหลวงก็ทรงเฉยๆ มิได้
ตรัสรับสั่งตอบว่ากระไร แต่พวกข้าราชบริภารก็มองหน้ากันใหญ่ กลัวว่าพระองค์จะทรงพอพระราช
หฤหัยหรือไม่ แต่พอพวกเราได้ยินพระองค์รับสั่งตอบว่ากับหญิงชราคนนั้น ก็ทำให้เราถึงกับกลั้นหัวเราะ
ไว้ไม่ไหวเพราะพระองค์ทรงตรัส! ว่า
" เรียกว่ายายได้อย่างไร อายุอ่อนกว่าแม่ฉันตั้งเยอะ ต้องเรียกน้าซิถึงจะถูก"
---------------------------------------------------------
เช้าวันหนึ่ง เวลาประมาณ 7 โมงเช้า นางสนองพระโอษฐ์ ของฟ้าหญิงองค์เล็ก ได้รับโทรศัพท์เป็น
เสียงผู้ชาย ขอพูดสายกับฟ้าหญิง ทางนางสนองพระโอฐก็สอบถามว่าใครจะพูดสายด้วย ก็มีเสียงตอบ
กลับมาว่า" คนที่แบงค์ "
นางสนองพระโอฐก้อ งง .งง ว่าคนที่แบงค์ทำไมโทรมาแต่เช้า แบงค์ก้อยังไม่เปิดนี่หว่า พอฟ้า
หญิงรับโทรศัพท์แล้วถึงได้รู้ว่า คนที่แบงค์น่ะ ก็ที่แบงค์จริงๆนะ ไม่เชื่อเปิด กระเป๋าตังค์ แล้วหยิบแบงค์
มาดูสิ อิ อิ ขนลุกเลย
#2 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 18 January 2006 - 09:53 PM
#3
โพสต์เมื่อ 18 January 2006 - 10:03 PM
#4
โพสต์เมื่อ 18 January 2006 - 10:05 PM
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#5
โพสต์เมื่อ 18 January 2006 - 10:09 PM
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#6 *[a] N n ~!!*
โพสต์เมื่อ 18 January 2006 - 10:32 PM
เอ๊ะ..คำว่าเชี่ยวชาญทำมัยต้องเซ็นเซอร์อ่ะ ^^
#7
โพสต์เมื่อ 18 January 2006 - 10:46 PM
ขอบคุณที่นำเรื่องดี ๆ มาให้อ่าน
*******
ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
#8
โพสต์เมื่อ 18 January 2006 - 11:16 PM
กลั้นหัวเราะ ไว้ไม่ไหว ขําจริงๆ ขอบคุณค่ะ
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ ด้วยรักจากใจ ด้วยห่วงใย จากใจจริง
#9
โพสต์เมื่อ 18 January 2006 - 11:28 PM
อ่านแล้ว ยิ้ม + หัวเราะ ด้วยครับ (หัวเราะเพราะมีความสุขคร้าบ)
ไม่เสีย ชาติเกิดแล้ว ที่เกิดมาในประเทศไทย
ได้พบ กับ 3 สิ่ง ที่น้อยคนนักในโลกจะได้พบ จริงมั้ยครับ ^^~*
1. เกิดบนผืนแผ่นดินไทย พื้นแผ่นดินพุทธศาสนา
2. ได้มาพบกับศาสนาอันเป็นสิ่งประเสริฐ ได้พบคำสอนที่บริสุทธิ ได้พบกับผู้สืบทอดที่เป็น
เนื้อนาบุญแก่โลกหล้า
3. ได้พบพระมหากษัตริย์ ทรงมีทศพิศราชธรรม
เป็นสิ่งที่เป็นกำลังใจให้เราสร้างบารมี และเป็นคนดี ได้ไม่อยากครับ
ขออนุโมทนาบุญกับ เจ้าของกระทู้น้าคร้าบ....... สาธุ...... ^^~*
เ มื่ อ เ ร า ส ว่ า ง * * * โ ล ก * * * ก็ ส ว่ า ง ด้ ว ย ^^~*
ส า ธุ . . . ค รั บ ^^~*
#10 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 18 January 2006 - 11:48 PM
#11
โพสต์เมื่อ 19 January 2006 - 01:01 AM
#12 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 19 January 2006 - 05:44 PM
ชายหนุ่มคนหนึ่งหลังสอบเป็นสมาชิก VR ก็ได้ซื้อวิทยุมือถือมาใช้ แต่ตัวเล่นเยอะแยะไปหมด จึง ว ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนสมาชิกท่านอื่น
สมาชิกท่านหนึ่ง ว กลับมา สอนถึงการใช้วิทยุมือถือ
สุดท้ายชายหนุ่มคนนี้จึง ว ขอบคุณ สมาชิกท่านนี้ที่ ว เข้ามาแนะนำ และถามว่าท่านมี Call sign อะไร อยู่ที่ไหน
สมาชิกผู้นั้นตอบว่า เราคือ VR009 ขณะนี้กำลังโดยสารมากับเฮลิคอปเตอร์
ชายหนุ่มผู้นี้เพิ่งสอบ VR มาใหม่ๆ จึงไม่รู้ว่า VR009 คือผู้ใด ภายหลังไปสอบถามเพื่อนๆจึงถึงบางอ้อว่า VR009 คือ ในหลวงของเรา ซึ่งภายหลังวิทยุสมัครเล่นมีสมาชิกมากขึ้น ทางกรมไปรษณียโทรเลขจึงได้ถวาย Call sign แด่ในหลวงเป็น HS 1A
#13
โพสต์เมื่อ 19 January 2006 - 06:08 PM
55555+
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#14
โพสต์เมื่อ 19 January 2006 - 07:28 PM
ชอบเรื่องสุดท้ายจังกับที่ว่า ชื่อเหมือนกันน่ะ
ขอบคุณนะค๊าที่นำมาให้อ่านกัน
ย่อมมีแสงอรุณขึ้นก่อน
เป็นบุพนิมิตฉันใด
ความเป็นกัลยาณมิตรก็เป็นตัวนำ
เป็นบุพนิมิตแห่งการเกิดขึ้น
ของหนทางพระนิพพาน ฉันนั้น"
#15
โพสต์เมื่อ 11 August 2014 - 02:16 PM
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน