1 เคยได้ยินมาว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลังจากที่ตรัสรู้ ยังไม่มีฉัพพรรณรังสีต่อเมื่อเข้าเสวยวิมุตติสุขในรัตรบัลลังค์ที่ท้าวสักกะเนรมิตถวาย ในสัปดาห์ที่สอง จึงมีฉัพพรรณรังสี จริงไหม
2 อานิสงค์ของการถวายเทียนพรรษา หากเป็นเทวดาจะทำให้มีรัศมีของกายทิพย์มาก แต่หากเป็นมนุษย์จะส่งผลให้ผิวพรรณ วรรณะผุดผ่องได้ไหมค่ะ เกี่ยวกันไหม (เห็นผิวคนรู้จักแล้วรู้สึกว่างามจับตา มันดูสว่างใสมาก)
3 เพื่อนๆทราบไหมค่ะว่า ปกติแล้ว ตามวัดต่างๆ เราสามารถนำเทียนไปถวายได้เมื่อไหร่ค่ะ ช่วงนี้ วันอาสาฬหบูชา หรือวันเข้าพรรษาค่ะ
4 ที่วัดพระธรรมกาย มีถวายผ้าอาบน้ำฝนและหลอดไฟ ในวันจันทร์กับอังคารนี้ แต่ไม่มีถวายเทียนหรือค่ะ นำไปถวายเสริมได้ไหม
ขอบคุณค่ะ
สงสัย(จิปาถะ)ค่ะ
เริ่มโดย ดอกบัวสวรรค์, Jul 24 2010 03:14 PM
มี 9 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 24 July 2010 - 03:14 PM
#2
โพสต์เมื่อ 24 July 2010 - 04:44 PM
เจริญพร
1.น่าจะถูกต้องแล้ว (หากใครจำได้ว่าหลวงพ่อท่านเทศน์ไว้วันไหน ก็เอาลิ้งค์มาให้เพื่อนๆกระทู้อ่านกันนะ เพราะหลวงพี่เองก็ลืมแล้วเช่นกัน ถ้าจำผิดพลาดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้)
2.เข้าใจถูกต้องแล้ว ยิ่งทำมาก ผลบุญก็มากตามส่วนไปด้วย ทั้งยังทำให้ได้อานิสงส์ทิพยจักษุตอนเป็นเทวดา และได้ดวงตาเห็นธรรมได้โดยง่าย เมื่อเป็นมนุษย์ก็จะมีนัยน์ตาที่สดใส มีประสิทธิภาพสูง ปราศจากโรคภัยทางจักษุ
3.ได้ทุกวันและตลอดปีจ่ะ แต่มักนิยมถวายกันในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะวันเข้าพรรษา(เพราะสมัยก่อนพระเณรใช้เทียนอ่านหนังสือกัน)
4.ยุคนี้เขาถวายหลอดไฟฟ้า หรืออุปกรณ์ให้ความสว่าง แทนเทียนไข แล้วจ่ะ เพราะทนทานกว่า ใช้ประโยชน์ได้มากกว่า เหมาะกับกาลสมัย
หรือถ้ามีศรัทธา จะถวายเป็นค่าไฟฟ้าเลยก็ได้ ซึ่งเท่ากับได้บุญให้ความสว่างทุกอาคาร ทุกพื้นที่ภายในบริเวณวัด(2,500 ไร่) ถ้าเทียนไขจะให้ความสว่างค่อนข้างจำกัดพื้นที่ อาจเปรอะเปื้อนขี้เทียนเวลาหยดตามพื้น ยกเว้นว่า เราจะถวายเพื่อทำบุญด้วยและรักษาประเพณีด้วยก็ไม่ว่ากระไร จะนำมาเสริมก็ได้จ่ะ เหมือนเทียนพรรษาที่เขานิยมแกะสลักอย่างงดงามกัน
1.น่าจะถูกต้องแล้ว (หากใครจำได้ว่าหลวงพ่อท่านเทศน์ไว้วันไหน ก็เอาลิ้งค์มาให้เพื่อนๆกระทู้อ่านกันนะ เพราะหลวงพี่เองก็ลืมแล้วเช่นกัน ถ้าจำผิดพลาดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้)
2.เข้าใจถูกต้องแล้ว ยิ่งทำมาก ผลบุญก็มากตามส่วนไปด้วย ทั้งยังทำให้ได้อานิสงส์ทิพยจักษุตอนเป็นเทวดา และได้ดวงตาเห็นธรรมได้โดยง่าย เมื่อเป็นมนุษย์ก็จะมีนัยน์ตาที่สดใส มีประสิทธิภาพสูง ปราศจากโรคภัยทางจักษุ
3.ได้ทุกวันและตลอดปีจ่ะ แต่มักนิยมถวายกันในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะวันเข้าพรรษา(เพราะสมัยก่อนพระเณรใช้เทียนอ่านหนังสือกัน)
4.ยุคนี้เขาถวายหลอดไฟฟ้า หรืออุปกรณ์ให้ความสว่าง แทนเทียนไข แล้วจ่ะ เพราะทนทานกว่า ใช้ประโยชน์ได้มากกว่า เหมาะกับกาลสมัย
หรือถ้ามีศรัทธา จะถวายเป็นค่าไฟฟ้าเลยก็ได้ ซึ่งเท่ากับได้บุญให้ความสว่างทุกอาคาร ทุกพื้นที่ภายในบริเวณวัด(2,500 ไร่) ถ้าเทียนไขจะให้ความสว่างค่อนข้างจำกัดพื้นที่ อาจเปรอะเปื้อนขี้เทียนเวลาหยดตามพื้น ยกเว้นว่า เราจะถวายเพื่อทำบุญด้วยและรักษาประเพณีด้วยก็ไม่ว่ากระไร จะนำมาเสริมก็ได้จ่ะ เหมือนเทียนพรรษาที่เขานิยมแกะสลักอย่างงดงามกัน
#3
โพสต์เมื่อ 24 July 2010 - 05:39 PM
1. ถ้าว่ากันตามตำราก็ไม่ใช่ครับ แต่ถ้าตามตำรับของครูไม่ใหญ่นี่ ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะตามตำรา มีหลักฐานระบุเรื่องฉัพพรรณรังสี อย่างน้อยก็สองสามแห่งน่ะครับ
หลักฐานแรก บอกว่า ตอนที่เจ้าชายสิทธัตถะทรมาณตัวเองอย่างหนัก จนซูดซีดไปฉัพพรรณรังสีก็เริ่มหายไป
หลักฐานที่สอง บอกว่า ต่อมาพระโพธิสัตว์เลิกทรมาณตัวเอง กลับมาฉันอาหารอิ่มหนำเหมือนเดิม ฉันพรรณรังสีก็กลับมา ตอนที่นางสุชาดาตั้งใจทำข้าวมธุปายาสอย่างดีเพื่อถวายเทวดา ครั้นพอเห็นพระโพธิสัตว์มีฉัพพรรณรังสีเปล่งประกาย ก็สำคัญไปว่า ท่านเป็นเทวดาเลยน้อมนำอาหารไปถวาย นั่นคือ อาหารก่อนตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าน่ะครับ
ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ ท่านก็มีฉัพพรรณรังสีมาตั้งแต่ก่อนตรัสรู้แล้วล่ะครับ
ข้อ 2,3,4 ตอบตามหลวงพี่ท่านครับ
หลักฐานแรก บอกว่า ตอนที่เจ้าชายสิทธัตถะทรมาณตัวเองอย่างหนัก จนซูดซีดไปฉัพพรรณรังสีก็เริ่มหายไป
หลักฐานที่สอง บอกว่า ต่อมาพระโพธิสัตว์เลิกทรมาณตัวเอง กลับมาฉันอาหารอิ่มหนำเหมือนเดิม ฉันพรรณรังสีก็กลับมา ตอนที่นางสุชาดาตั้งใจทำข้าวมธุปายาสอย่างดีเพื่อถวายเทวดา ครั้นพอเห็นพระโพธิสัตว์มีฉัพพรรณรังสีเปล่งประกาย ก็สำคัญไปว่า ท่านเป็นเทวดาเลยน้อมนำอาหารไปถวาย นั่นคือ อาหารก่อนตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าน่ะครับ
ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ ท่านก็มีฉัพพรรณรังสีมาตั้งแต่ก่อนตรัสรู้แล้วล่ะครับ
ข้อ 2,3,4 ตอบตามหลวงพี่ท่านครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#4
โพสต์เมื่อ 24 July 2010 - 07:04 PM
QUOTE
กราบนมัสการพระคุณเจ้า ในความเห็นที่ 2 ด้วยความเคารพยิ่ง ครับผม
ขออนุญาติเสริม จขกท. ครับ
ข้อ. 1 ข้อมูลจาก :พระอภิธรรมจิตปรมัตถ์ สารัตถทีปนี ภาค๑
พระพุทธเจ้าของเราทรงบำเพ็ญบารมีเพื่อความเป็นพระสัพพัญญูพุทธเจ้า
ตั่งแต่เสวยพระชาติเป็น ดาบสโพธิสัตว์ชื่อสุเมธ ทรงตั้งความปรารถนาครั้งแรกไว้แทบบาทมูลแห่งพระทีปังกรพุทธเจ้า
แล้วทรงบำเพ็ญพระบารมี๓๐ทัศตลอดระยะเวลา ๔ อสงไขยแสนกัปจะนับจะประมาณมิได้
หลังจากนั้นไปในสัปดาห์ที่๔
เทวดาทั้งหลายได้เนรมิตเรือนแก้วขึ้นทางด้านทิศประจิม ชื่อรัตนฆรเจดีย์
ทรงนั่งขัดสมาธิ ณ เรือนแก้วนั้นพิจารณาอภิธรรมปิฎก เมื่อถึงสมันตปัฏฐาน
ก็ทรงรู้ทั่วถึงพระอภิธรรมปิฎกทั้งสิ้น อันประกาศความเป็นพระสัพพัญญูพุทธเจ้าอย่างแท้จริงในสัปดาห์ที่๔
โดยมีพระฉัพพรรณรังสีซ่านออกจากพระวรกายโดยรอบ อันเป็นสัญญลักษณ์รับรองความเป็นพระสัพพัญญูพระพุทธเจ้า
ฉัพพรรณรังสี คือ รัศมี๖ประการ มีสีเขียว สีเหลือง สีแดง สีขาว สีม่วง
และสีเลื่อมพราย แผ่ไปทะลุเบื้องล่าง ทะลุแผ่นดินซึ่งหนา ๒๔๐,๐๐๐ โยชน์
ทะลุน้ำรองแผ่นดินซึ่งหนา ๔๘๐,๐๐๐ โยชน์ ทะลุลมรองน้ำหนา ๙๖๐,๐๐๐ โยชน์
แล้วแล่นซ่านไปสู่อากาศเวิ้งว้าง ส่วนเบื้องบนพระรัศมีทั้งหลายก็พุ่งขึ้นผ่านเทพกามาวจรภูมิ
รูปพรหมภูมิ อรูปพรหมภูมิ แล้วแล่นไปสู่อากาศเวิ้งว้างด้านบน
การพิจารณาอริยสัจพร้อมกับการสิ้นไปแห่งกิเลสอาสวะก็ย่อมมีได้แม้แก่
พระปัจเจกพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง ข้อนี้จึงไม่ใช่ความต่างกันแห่งพระปัจเจกพุทธเจ้า
และ พระสัพพัญญูพุทธเจ้า รัศมีปกติซึ่งมีประมาณ๑วา มาแต่การประสูติก็เป็นรัสมีปกติที่มีอยู่ทั่วไปแด่ผู้มีบุญสมัยนั้น
จึงหาเป็นเครื่องรับรองความเป็นสัพพัญญูพุทธเจ้าในเบื้องต้นไม่
ต่อเมื่อพระสัพพัญญูโพธิสัตว์ได้ทรงพิจารณาพระอภิธรรมโดยเฉพาะ สมันตปัฏฐาน
ซึ่งมีนัยละเอียดลึกซึ้งด้วยพระญาณอันไม่ทั่วไปแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าและเหล่าพระสาวก
พระฉัพพรรณรังสีจึงเปล่งออกจากพระสรีระกาย จึงเป็นเครื่องรับรองความเป็นพระสัพพัญญูพุทธเจ้า
อย่างแท้จริงดังกล่าวแล้ว
..........................................................................................................
ข้อ.2 ถูกต้องแล้วครับ
...........................................................................................................
ข้อ.3-4 ส่วนตัวผมชอบถวายเป็นปัจจัยครับ เพราะค่าไฟตอนนี้แพงมาก ถวายเป็นปัจจัย จะเป็นการทำบุญที่
ตรงวัตถุประสงค์ และเป็นประโยชน์โดยตรง ครับ
และเป็นไปเพื่อบูชาคุณ พระภิกษุสามเณร ผู้ประพฤติดี ประพฤติชอบ เป็นการบูชาท่านผู้ควรบูชา
ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
อาจเป็นเรื่องที่แตกต่างหรือเกี่ยวข้องกับ วิทยาศาสตร์ หรือ วิศวกรรมศาสตร์
ดังนั้นเรื่องที่ข้าพเจ้าเขียนถ้าไม่ตรงกับความคิดเห็นของท่านใด ขออย่าได้มีอคติก่อน
แต่ถ้าตรงกับความคิดเห็นของท่านผู้ใด ขออย่าได้เชื่อไปก่อน
ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าเรื่องที่แสดงความเห็นเป็นแนวคิดของข้าพเจ้า
และข้อมูลที่ค้นคว้าเพื่อเสริมสร้างศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้มั่นคง
ซึ่งอาจจะถูกบ้างผิดบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็จะเป็นประโยชน์ เป็นข้อมูลหนึ่ง กับท่านที่ศึกษาทางพุทธศาสตร์
ข้าพเจ้ามีความเชื่อว่า แต่ละคนก็มีกรรมเป็นของตนเอง เราเป็นทายาทแห่งกรรม
ทำดีตามครูไม่ใหญ่ ต้องได้ดีแน่นอน
และสรุปได้ว่า การเอาธรรมในพุทธศาสนามาใช้ในการดำรงชีวิตไม่เคยล้าสมัย สามารถใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม
#5
โพสต์เมื่อ 25 July 2010 - 09:02 PM
ขอบคุณทุกๆท่านมากค่ะ
#6
โพสต์เมื่อ 26 July 2010 - 07:10 PM
ข้อ 2 นี้ ถ้าเทียนหรือประทีป จะส่งผลในเรื่องทิพย์จักษุ จะเป็นเทวดาที่มีทิพย์จักษุกว้างไกลมาก สว่างมาก ชัดแจ่มเห็นแจ้ง ถ้าอานิสงค์ส่งในกายมนุษย์ ก็จะเป็นผู้มีดวงตาสวย ไม่สั้นไม่ยาวไม่ต้อไม่บอด เพราะเป็นผู้ให้แสงสว่าง จะได้บรรลุธรรมโดยง่าย
...เท่าที่ทราบมา ถ้าเรื่องผิวพรรณวรรณะ มักเป็นการถวายจีวร เครื่องนุ่งห่ม หรือเป็นผู้รักความสะอาดหมั่นปัดกวาดดูแล อาสนะภิกษุสงฆ์ หรืออาวาส จะทำให้มีผิวผ่อง และถ้าไม่มีวิบากโทสะ หรือหงุดหงิดง่ายมาผสมก็จะมีผิวขาว + ผุดผ่อง และถ้าถวายน้ำหอม น้ำใช้ เครื่องหอม ของหอมแล้ว ก็จะมีผิวกายที่สะอาด มีกลิ่นหอม ทั้งกายทิพย์และกายหยาบอ่ะครับ
...เท่าที่ทราบมา ถ้าเรื่องผิวพรรณวรรณะ มักเป็นการถวายจีวร เครื่องนุ่งห่ม หรือเป็นผู้รักความสะอาดหมั่นปัดกวาดดูแล อาสนะภิกษุสงฆ์ หรืออาวาส จะทำให้มีผิวผ่อง และถ้าไม่มีวิบากโทสะ หรือหงุดหงิดง่ายมาผสมก็จะมีผิวขาว + ผุดผ่อง และถ้าถวายน้ำหอม น้ำใช้ เครื่องหอม ของหอมแล้ว ก็จะมีผิวกายที่สะอาด มีกลิ่นหอม ทั้งกายทิพย์และกายหยาบอ่ะครับ
..อันมือของฉันสองมือนี้ ดูเล็กนิดเดียวและไม่มั่นใจว่าฉันจะสร้างสิ่งดีๆ ให้เกิดแก่โลกใบนี้ได้.. แต่ฉันมั่นใจว่า ...หัวใจของฉันนี้ มอบไว้ให้แด่พระพุทธศาสน์....
#7
โพสต์เมื่อ 26 July 2010 - 10:50 PM
สาธุ สาธุ สาธุ
#8
โพสต์เมื่อ 28 July 2010 - 09:27 PM
ถ้าจุดเทียน+นั่งสมาธิ+อธิษฐาน ก่อนนอน ถวายเป็นพุทธบูชา แด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆวัน
จะได้อนิสงส์ มากไหมครับ
จะได้อนิสงส์ มากไหมครับ
พุทธบุตรสายโลหิตของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เราพันธุ์ดีสุดขั้ว ชั่วลืมไปหมดแล้ว,จิตใจสูงส่งเหลือเกิน,มีปัญญา,มีมงคล,ทำที่ท่านได้ที่เรา
เราพันธุ์ดีสุดขั้ว ชั่วลืมไปหมดแล้ว,จิตใจสูงส่งเหลือเกิน,มีปัญญา,มีมงคล,ทำที่ท่านได้ที่เรา
#9
โพสต์เมื่อ 29 July 2010 - 12:28 AM
...มหาศาลเชียวล่ะครับ แต่นั่นก็ยังบูชาแบบขอถึงนะ ..ถ้าเข้าถึงองค์พระใสชัดแจ่มอยู่กลางกายและบูชาเช่นนั้นไปด้วย บุญแบบว่าจักนับจักประมาณไม่ได้เชียวแหละ สู้ต่อ แม้มืดตื้อมืดมิด ก็มีสิทธิ์เข้าถึงธรรมกันทุกท่านเน้อ
..อันมือของฉันสองมือนี้ ดูเล็กนิดเดียวและไม่มั่นใจว่าฉันจะสร้างสิ่งดีๆ ให้เกิดแก่โลกใบนี้ได้.. แต่ฉันมั่นใจว่า ...หัวใจของฉันนี้ มอบไว้ให้แด่พระพุทธศาสน์....
#10
โพสต์เมื่อ 29 July 2010 - 12:20 PM
การจุดเทียน บูชาคุณพระรัตนตรัยเป็นบุญมหาศาล แต่จุดแล้วต้องระวังเพลิงไหม้ให้ดี เพราะเคยมี Case Study ที่จุดเทียนแล้วเพลิงไหม้เสียชีวิตมาให้แล้วครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร