ผมอ่าน มติชนวันนี้ ( 3 กค ) ครับ ว่า องค์ จตุคามรมเทพ คือ พระรามโพธิสัตวื ผู้จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า หลังจาก พระศรีอริยเมตไตรย ( หน้า 6 ครับ) อ้างถึง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสกับพระสารีบุตร ว่า หลังจากเกิดไฟบัลลัยกัลป์ขึ้น เกิดมีสูญญกัลป์ ต่อมาเกิดมีแผ่นดินขึ้นใหม่ ชื่อว่ามัณฑะกัปป์ พระพุทธเจ้าจะบังเกิดขึ้น 2 พระองค์คือ พระรามโพธิสัตว์ และ พระเจ้าปัสเสนทิโกศล
จึงเรียนปรึกษาผู้รู้ในพระไตรปิฎก ว่า จริงหรือไม่ครับ
ขอบพระคุณครับ
ช่วยผมด้วยครับ
เริ่มโดย อ้วน บ่อโยก, Jul 03 2007 04:36 PM
มี 6 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 03 July 2007 - 04:36 PM
#2
โพสต์เมื่อ 03 July 2007 - 05:08 PM
ไม่ใช่จากพระไตรปิฎกครับ แต่เป็นพระคัมภีร์ชั้้นหลัง ที่รจนาโดยพระเถระยุคหลังพุทธกาล ดังข้างล่างนี้ แต่โดยความคิดส่วนตัวแล้ว ผมเห็นว่า รามเทพ กับ รามพุทธเจ้า เพียงแค่มีชื่อมาพ้องกันเท่ากันเองครับ แต่แม้จะเป็นคนๆเดียวกัน ผมเห็นว่าไม่ควรนับถือครับ เพราะในเมื่อที่พึ่งอันสูงสุดคือ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันท่านยังคงอยู่ (คำสอนท่านยังอยู่) ย่อมเป็นที่พึ่งให้กับเราอย่างมหาศาล ไร้ความจำเป็นต้องให้บุคคลอื่นนอกจากพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ มาเป็นที่พึ่งครับ
แต่นับถือกันในฐานะเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตายล่ะก็ได้ครับ
http://www.waluka.co...i...op=1&page=0
...
อนาคตวงศ์ เป็นคัมภีร์พรรณนาประวัติของพระพุทธเจ้าในอนาคต 10 พระองค์ก่อนหน้านี้มีวรรณคดีบาลีว่าด้วยเรื่องพระพุทธเจ้าในอนาคต รวม 4 เรื่อง คือ
1. คัมภีร์อนาคตวงศ์ เป็นผลงานของท่านพระกัสสปเถระชาวอินเดียใต้ มีชีวิตอยู่ในช่วงประมาณ พ.ศ. 1703-1773 ผลงานนี้ประพันธ์ด้วยคาถาตลอดเรื่อง มีทั้งหมด 147 คาถา
2. อมตรสธารา อรรถกถาอนาคตวงศ์ 3 ผูกจบ ผลงานของท่านพระอุปติสสเถระ ชาวลังกาทวีป
3. อมตรสธารา ฎีกาอนาคตวงศ์ 7 ผูกจบ ผลงานของท่านพระอุปติสสเถระ
คัมภีร์ทั้ง 3 เรื่องปรากฏในรายการชื่อคัมภีร์ที่ พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ สมัยกรุงศรีอยุธยา พระราชทานส่งไปช่วยผดุงพระพุทธศาสนาในประเทศลังกา เมื่อ พ.ศ. 2299
4. คัมภีร์ทสโพธิสัตตุปปัตติกถา กล่าวถึงพระพุทธเจ้าในอนาคต 10 พระองค์ ท่านพระบัณฑิตเถระได้ตรวจสอบและจัดทำคำแปลเป็นภาษาสิงหล พิมพ์เผยแพร่ในลังกาเมื่อ พ.ศ. 2496
สำหรับอนาคตวงศ์นี้ เป็นคัมภีร์อนาคตวงศ์ฉบับร้อยแก้วที่รจนาในประเทศไทย ซึ่งแตกต่างไปจากร้อยกรองของท่านพระกัสสปเถระ ซึ่งรจนาก่อนสมัยสุโขทัย เพราะในบานแพนกของหนังสือ ไตรภูมิพระร่วง พระราชนิพนธ์ของ พญาลิไท ได้ระบุชื่อคัมภีร์อนาคตวงศ์ไว้ด้วย
สถานที่แต่งและสมัยที่แต่ง ในเนื้อหาของคัมภีร์อนาคตวงศ์นี้ มิได้กล่าวถึงผู้แต่งและประวัติการแต่งไว้ เนื้อหาสาระ กล่าวว่า พระสารีบุตรเถระ ทูลอาราธนาให้ตรัสแสดงเรื่อง พระพุทธเจ้า ในอนาคต 10 พระองค์ ซึ่งจัดเป็นอุเทศที่ 1-10 ดังต่อไปนี้ ( แปลโดย อ.ประภาส สุรเสน ( ป.ธ. 9 ) ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาโบราณ กรมศิลปากร )
.....
อุเทศที่ 2 เรื่อง พระรามพุทธเจ้า
เมื่อศาสนาของพระศรีอริยเมตไตรยสิ้นไปแล้ว จะเกิดไฟบรรลัยกัลป์ล้างแผ่นดินเมื่อภัทรกัปล่วงไปแล้ว เป็นช่วงสุญญกัป ต่อจากสุญญกัป เป็นมัณฑกัป ในมัณฑกัปจะมีพระพุทธเจ้า 2 พระองค์ คือ พระรามพุทธเจ้า และ พระธรรมราชาพุทธเจ้า
พระรามพุทธเจ้า เสด็จอุบัติก่อน มหาชนได้อาศัยต้นกัลปพฤกษ์ต้นหนึ่งบังเกิดด้วยพระพุทธานุภาพเลี้ยงชีวิต ในอดีตชาติ พระรามพุทธเจ้าเสวยพระชาติเป็นมาณพชื่อนารทะ ในสมัยของพระกัสสปพุทธเจ้า มาณพนั้นจุดไฟที่ศีรษะบูชาพระพุทธเจ้า ได้รับพุทธพยากรณ์แล้วไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต
แต่นับถือกันในฐานะเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตายล่ะก็ได้ครับ
http://www.waluka.co...i...op=1&page=0
...
อนาคตวงศ์ เป็นคัมภีร์พรรณนาประวัติของพระพุทธเจ้าในอนาคต 10 พระองค์ก่อนหน้านี้มีวรรณคดีบาลีว่าด้วยเรื่องพระพุทธเจ้าในอนาคต รวม 4 เรื่อง คือ
1. คัมภีร์อนาคตวงศ์ เป็นผลงานของท่านพระกัสสปเถระชาวอินเดียใต้ มีชีวิตอยู่ในช่วงประมาณ พ.ศ. 1703-1773 ผลงานนี้ประพันธ์ด้วยคาถาตลอดเรื่อง มีทั้งหมด 147 คาถา
2. อมตรสธารา อรรถกถาอนาคตวงศ์ 3 ผูกจบ ผลงานของท่านพระอุปติสสเถระ ชาวลังกาทวีป
3. อมตรสธารา ฎีกาอนาคตวงศ์ 7 ผูกจบ ผลงานของท่านพระอุปติสสเถระ
คัมภีร์ทั้ง 3 เรื่องปรากฏในรายการชื่อคัมภีร์ที่ พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ สมัยกรุงศรีอยุธยา พระราชทานส่งไปช่วยผดุงพระพุทธศาสนาในประเทศลังกา เมื่อ พ.ศ. 2299
4. คัมภีร์ทสโพธิสัตตุปปัตติกถา กล่าวถึงพระพุทธเจ้าในอนาคต 10 พระองค์ ท่านพระบัณฑิตเถระได้ตรวจสอบและจัดทำคำแปลเป็นภาษาสิงหล พิมพ์เผยแพร่ในลังกาเมื่อ พ.ศ. 2496
สำหรับอนาคตวงศ์นี้ เป็นคัมภีร์อนาคตวงศ์ฉบับร้อยแก้วที่รจนาในประเทศไทย ซึ่งแตกต่างไปจากร้อยกรองของท่านพระกัสสปเถระ ซึ่งรจนาก่อนสมัยสุโขทัย เพราะในบานแพนกของหนังสือ ไตรภูมิพระร่วง พระราชนิพนธ์ของ พญาลิไท ได้ระบุชื่อคัมภีร์อนาคตวงศ์ไว้ด้วย
สถานที่แต่งและสมัยที่แต่ง ในเนื้อหาของคัมภีร์อนาคตวงศ์นี้ มิได้กล่าวถึงผู้แต่งและประวัติการแต่งไว้ เนื้อหาสาระ กล่าวว่า พระสารีบุตรเถระ ทูลอาราธนาให้ตรัสแสดงเรื่อง พระพุทธเจ้า ในอนาคต 10 พระองค์ ซึ่งจัดเป็นอุเทศที่ 1-10 ดังต่อไปนี้ ( แปลโดย อ.ประภาส สุรเสน ( ป.ธ. 9 ) ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาโบราณ กรมศิลปากร )
.....
อุเทศที่ 2 เรื่อง พระรามพุทธเจ้า
เมื่อศาสนาของพระศรีอริยเมตไตรยสิ้นไปแล้ว จะเกิดไฟบรรลัยกัลป์ล้างแผ่นดินเมื่อภัทรกัปล่วงไปแล้ว เป็นช่วงสุญญกัป ต่อจากสุญญกัป เป็นมัณฑกัป ในมัณฑกัปจะมีพระพุทธเจ้า 2 พระองค์ คือ พระรามพุทธเจ้า และ พระธรรมราชาพุทธเจ้า
พระรามพุทธเจ้า เสด็จอุบัติก่อน มหาชนได้อาศัยต้นกัลปพฤกษ์ต้นหนึ่งบังเกิดด้วยพระพุทธานุภาพเลี้ยงชีวิต ในอดีตชาติ พระรามพุทธเจ้าเสวยพระชาติเป็นมาณพชื่อนารทะ ในสมัยของพระกัสสปพุทธเจ้า มาณพนั้นจุดไฟที่ศีรษะบูชาพระพุทธเจ้า ได้รับพุทธพยากรณ์แล้วไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#3
โพสต์เมื่อ 03 July 2007 - 05:19 PM
ขออนุโมทนาบุญกับคุณหัดฝันด้วยครับ...สาธุ
#4
โพสต์เมื่อ 03 July 2007 - 05:39 PM
ผมค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม
ข้อมูลที่ได้ มาจาก คัมภีร์ อนาคตวงศ์ ซึ่ง เป็นผลงานของท่านพระกัสสปเถระชาวอินเดียใต้ มีชีวิตอยู่ในช่วงประมาณ พ.ศ. 1703-1773
ถ้าเป็นไปตามนี้ ผมก็เข้าใจมากขึ้นนะครับ
คงไม่ต้องตอบ ครับ
ข้อมูลที่ได้ มาจาก คัมภีร์ อนาคตวงศ์ ซึ่ง เป็นผลงานของท่านพระกัสสปเถระชาวอินเดียใต้ มีชีวิตอยู่ในช่วงประมาณ พ.ศ. 1703-1773
ถ้าเป็นไปตามนี้ ผมก็เข้าใจมากขึ้นนะครับ
คงไม่ต้องตอบ ครับ
#5
โพสต์เมื่อ 03 July 2007 - 06:50 PM
อะไร? ที่ไม่รู้ ก็ได้รู้.......
ขอบคุณครับ...
ขออนุโมทนา สาธุด้วยครับ
ขอบคุณครับ...
ขออนุโมทนา สาธุด้วยครับ
...โปรดพิจารณา...นี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว... ถ้าผิดพลาดประการใด...วอนผู้รู้ หรือ คิดแตกต่างช่วยแก้ไขให้ด้วย _/I\_ ขอบคุณครับ
#6
โพสต์เมื่อ 03 July 2007 - 07:22 PM
อนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยนะครับ สาธุๆๆ
#7
โพสต์เมื่อ 04 July 2007 - 08:57 PM
ตามที่คุณหัดฝันบอกนั่นแหละครับ
คนละท่านคนละเรื่องกัน
เนื้อหาค่อนข้างเยอะ เพราะมีการกล่าวถึงพระพุทธเจ้าพระองค์ถัดไปไว้ในหลายตำรา เอาไว้ว่างๆจะพิมพ์ให้อ่านนะครับ
แต่ที่แน่ๆ เรามีพระพุทธเจ้าของเราเอง เรามีพระธรรมของเราเอง เรามีพระสงฆ์ที่ประพฤติดี ประพฤติชอบของเราเองในปัจจุบันนี้ ทำไมต้องรอพระพุทธเจ้าพระองค์หน้าด้วยละครับิ มาทำปัจจุบันชาติให้เต็มเปี่ยมกันเถอะครับ
อนุโมทนาบุญครับ
.............................................................................................................................................
ในบรรดาอสุญญกัปทั้ง ๕ ประเภทนี้ ภัทรกัป(กัปที่เจริญ)เป็นอสุญญกัปที่ปรากฏขึ้นได้ยากอย่างยิ่ง และหมู่สัตว์ที่ได้มาบังเกิดในภัทรกัป จะประกอบด้วยคุณความดี และ ความสุขเป็นอันมาก คือ
๑. สัตว์ที่ปฏิสนธิด้วย "ติเหตุกะ" จะทำอาสวะกิเลสให้สูญสิ้นไปได้
กล่าวคือ สัตว์ที่เคยทำบุญด้วย ติเหตุ คือ เหตุสาม อันประกอบด้วย อโลภะ(ความไม่โลภ) อโทสะ(ความไม่โกรธ) และ อโมหะ(ความไม่หลง) เมื่อได้มาบังเกิดเป็นมนุษย์ หรือ เทวดาอยู่ใน ภัทรกัป ก็จะสามารถทำอาสวะกิเลสของตนให้สูญสิ้นไปได้
๒. สัตว์ที่ปฏิสนธิด้วย "ทวิเหตุกะ" จะได้ไปบังเกิดในสุคติภูมิ
กล่าวคือ สัตว์ที่เคยทำบุญด้วย ทวิเหตุ คือ เหตุสอง อันประกอบด้วย อโลภะ(ความไม่โลภ) และ อโทสะ(ความไม่โกรธ) เมื่อได้มาบังเกิดอยู่ใน ภัทรกัป ก็จะทำให้ได้เป็นมนุษย์และเทวดา ผู้มั่งคั่ง รูปงาม ไม่มีศัตรู แต่ปราศจากปัญญา
๓. สัตว์ที่ปฏิสนธิด้วย "อเหตุกะ" จะได้ปฏิสนธิด้วยเหตุในภพใหม่
กล่าวคือ สัตว์ที่เคยทำบุญแต่ปราศจาก เหตุสาม หรือ ทำบุญบ้าง ไม่ทำบุญบ้าง หรือ แม้ทำบุญก็ประกอบด้วย โลภะ(ความโลภ) โทสะ(ความโกรธ) และ โมหะ(ความหลง) แต่เมื่อได้มาบังเกิดอยู่ใน ภัทรกัป ก็จะทำให้ได้ เหตุสาม ในภพใหม่ หรือ ทำให้ได้ เหตุสอง ในภพใหม่
จะเห็นได้ว่า ปัจจุบันชาติที่เราได้มาเกิดนี้ประเสริฐสูงสุดแล้ว เพราะฉะนั้นอย่ามัวรีรออะไรกันอีกอยู่เลย รีบสร้างสมบุญกุศลกันเถิด เพื่อเราจะได้ปฏิสนธิด้วย "ติเหตุกะ" ในภพชาติถัดไป
.............................................................................................................................................
คนละท่านคนละเรื่องกัน
เนื้อหาค่อนข้างเยอะ เพราะมีการกล่าวถึงพระพุทธเจ้าพระองค์ถัดไปไว้ในหลายตำรา เอาไว้ว่างๆจะพิมพ์ให้อ่านนะครับ
แต่ที่แน่ๆ เรามีพระพุทธเจ้าของเราเอง เรามีพระธรรมของเราเอง เรามีพระสงฆ์ที่ประพฤติดี ประพฤติชอบของเราเองในปัจจุบันนี้ ทำไมต้องรอพระพุทธเจ้าพระองค์หน้าด้วยละครับิ มาทำปัจจุบันชาติให้เต็มเปี่ยมกันเถอะครับ
อนุโมทนาบุญครับ
.............................................................................................................................................
ในบรรดาอสุญญกัปทั้ง ๕ ประเภทนี้ ภัทรกัป(กัปที่เจริญ)เป็นอสุญญกัปที่ปรากฏขึ้นได้ยากอย่างยิ่ง และหมู่สัตว์ที่ได้มาบังเกิดในภัทรกัป จะประกอบด้วยคุณความดี และ ความสุขเป็นอันมาก คือ
๑. สัตว์ที่ปฏิสนธิด้วย "ติเหตุกะ" จะทำอาสวะกิเลสให้สูญสิ้นไปได้
กล่าวคือ สัตว์ที่เคยทำบุญด้วย ติเหตุ คือ เหตุสาม อันประกอบด้วย อโลภะ(ความไม่โลภ) อโทสะ(ความไม่โกรธ) และ อโมหะ(ความไม่หลง) เมื่อได้มาบังเกิดเป็นมนุษย์ หรือ เทวดาอยู่ใน ภัทรกัป ก็จะสามารถทำอาสวะกิเลสของตนให้สูญสิ้นไปได้
๒. สัตว์ที่ปฏิสนธิด้วย "ทวิเหตุกะ" จะได้ไปบังเกิดในสุคติภูมิ
กล่าวคือ สัตว์ที่เคยทำบุญด้วย ทวิเหตุ คือ เหตุสอง อันประกอบด้วย อโลภะ(ความไม่โลภ) และ อโทสะ(ความไม่โกรธ) เมื่อได้มาบังเกิดอยู่ใน ภัทรกัป ก็จะทำให้ได้เป็นมนุษย์และเทวดา ผู้มั่งคั่ง รูปงาม ไม่มีศัตรู แต่ปราศจากปัญญา
๓. สัตว์ที่ปฏิสนธิด้วย "อเหตุกะ" จะได้ปฏิสนธิด้วยเหตุในภพใหม่
กล่าวคือ สัตว์ที่เคยทำบุญแต่ปราศจาก เหตุสาม หรือ ทำบุญบ้าง ไม่ทำบุญบ้าง หรือ แม้ทำบุญก็ประกอบด้วย โลภะ(ความโลภ) โทสะ(ความโกรธ) และ โมหะ(ความหลง) แต่เมื่อได้มาบังเกิดอยู่ใน ภัทรกัป ก็จะทำให้ได้ เหตุสาม ในภพใหม่ หรือ ทำให้ได้ เหตุสอง ในภพใหม่
จะเห็นได้ว่า ปัจจุบันชาติที่เราได้มาเกิดนี้ประเสริฐสูงสุดแล้ว เพราะฉะนั้นอย่ามัวรีรออะไรกันอีกอยู่เลย รีบสร้างสมบุญกุศลกันเถิด เพื่อเราจะได้ปฏิสนธิด้วย "ติเหตุกะ" ในภพชาติถัดไป
.............................................................................................................................................
สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ .....
ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน .....
ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ .....
อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ