สอบถามเรื่อง "พระไหว้พระ"
#1
โพสต์เมื่อ 08 September 2007 - 07:38 PM
1. พระที่อายุน้อยกว่าแต่บวชมานานกว่าเมื่อมาเจอพระที่อายุมากกว่าแต่เพิ่งบวชใหม่หรือบวชมาน้อยพรรษากว่า ไม่ทราบว่าใครจะต้องเป็นฝ่ายไหว้ก่อนครับ
2. เณรที่บวชมานานแล้วเมื่อมาเจอพระที่บวชใหม่ ไม่ทราบว่าใครควรจะเป็นฝายไหว้ก่อนครับ
3. เราจะทราบได้อย่างไรครับว่าท่านไหนคือพระ ท่านไหนคือเณร โดยเฉพาะเณรที่อายุ 18 - 19 ปี
ท่านใดมีความรู้เรื่องนี้ช่วยตอบหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ
#2
โพสต์เมื่อ 08 September 2007 - 09:38 PM
1. การลำดับพระนั้นไม่ได้สำคัญว่า ผู้บวชจะมีอายุมากกว่าหรือน้อยกว่า แต่จะนับถือกันที่ว่าใครบวชก่อนหรือบวชหลัง
ผู้บวชก่อน จะเรียกว่าภันเต ส่วนผู้ที่บวชทีหลังก็จะเรียกว่าอาวุโส ดังนั้น เมื่ออาวุโส (ผู้ที่อายุน้อยกว่าในการสร้างบารมี เมื่อมาเจอ ภันเต ก็ต้องคาราวะหรือไหว้ก่อน ส่วนภันเต ก็จะเป็นผู้รับไหว้ เป็นวินัยข้อหนึ่ง
2. ส่วนสามเณร กับพระบวชใหม่ นั้นจะนับถือกันที่ วินัย หรือศีล สามเณร มีศีล 10 ส่วนพระ จะมีศีล 227 ข้อ สามเณร ก็ต้องนับถือหรือไหว้พระ ก่อน หรือแม้แต่ ภิกษุณ๊ แม้บวชเป็นสิบพรรษา เมื่อเจอภิกษุผู้บวชใหม่แม้เพียงวันเดียว ก็ต้องไหว้พระภิกษุ ด้วย เป็นวินัยอีกข้อหนึ่ง
3.การจะดูว่า รุปไหนเป็นพระ หรือเป็นสามเณร ให้ดูจากการครองผ้า ถ้าเป็นการห่มดอง หรือ แบบที่วัดพระธรรมกายห่มกันนั้น จะมีผ้าอีกผืนหนึ่งเรียกว่า สังฆาฏิ ลองสังเกตุคุณครูไม่ใหญ่ครองผ้าดูนะ จะดูหนากว่า ไม่ทราบอธิบายเข้าใจหรือไม่ การเป็นพระ จะมีผ้าสามผืน คือ จีวร สบง และสังฆาฏิ ส่วนสามเณร มีสามสองผืน คือ จีวร กับ สบง นั่นเอง
หากผู้รู้ที่ จะแถลงแจ้งกว่านี้ก้อดีนะ
#3
โพสต์เมื่อ 08 September 2007 - 11:59 PM
แยกไม่ออกไม่เป็นไรเพราะยังไงทั้งสามเณรและพระภิกษุก็ควรค่าแก่การกราบไหว้โดยไม่มีข้อยกเว้นสำหรับพวกเรา ถูกต้องเปล่าครับผม
#4
โพสต์เมื่อ 09 September 2007 - 08:16 AM
#5
โพสต์เมื่อ 09 September 2007 - 03:37 PM
#6
โพสต์เมื่อ 09 September 2007 - 04:32 PM
#7
โพสต์เมื่อ 09 September 2007 - 05:33 PM
#8
โพสต์เมื่อ 09 September 2007 - 09:46 PM
ตอนผมบวชเณรมีตอนหนึ่ง ตอนเช้าก่อนทำวัตร ท่านบอกว่าตื่นแล้วเก็บข้าวของให้เรียบร้อยไม่งั้นพระอาจารย์จะเก็บให้
พอทำวัตรนั่งสมาธิเสร็จ ก็ไปฉัน พอกับมาเป็ฯช่วงพักผ่อน ผมเห็นพระอาจารย์เก็บข้าวของอยู่ของใครไม่รู้คงวางไม่เรียบร้อย
ผมและเพื่อนเณรไปช่วยและถามว่าทำไมพระอาจารย์ถึงทำอย่างงี้ พระอาจารย์บอกว่าเราทำเพื่อพระสงฆ์ซึ่งเป็นพระรัตนตรัย
ถึงเป็นเณรบวชเเล้วก็ถือเป็นหนึ่งในพระรัตนตรัย คือพระสงฆ์ เราทำเพื่อบูชาพระสงฆ์ คือพระรัตนตรัย แล้วยังเล่าอีกว่ามีอยู๋ตอนหนึ่งพระอาจารย์ เห็นพระบวชใหม่มา จึงไหว้แล้วอนุโมธนาบุญสาธุ แล้วใจคิดว่า ตอนนี้เราทำการสักการะพระสงฆ์ ในพระรัตนตรัย และอนุโมธนาบุญที่พระองค์บวชมาพระอาจารย์บอกว่าพระอาจารย์ไม่ได้ไหว้พระองค์นั้น แต่ไหว้พระรัตนตรัย คือพระสงฆ์
และอนุโมธนาบุญด้วย ทำให้ผมอึ้งและศรัทธาในพระอาจารย์มากขึ้นครับ
ปล.พระอาจารย์ผมมีเมลอยู่ใครอยากคุยกับท่านทางMSNเชิญได้ ตอนนี้พระอาจารย์บอกว่ามีเมลลูกศิทย์กว่า400เมล
ใครอยากสนธนาธรรมและกับพระอาจารย์เชิญได้ [email protected] ท่านบอกว่าให้ผมมาแจกเพื่อนผมเลยมาแจกเพื่อนร่วมวัฏฏสงสารทุกคนครับ ตอบปัญหาธรรม ท่านใดเชิญผมเอาบุญมาไห้เเล้ว ขอไห้โชคดี (ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนหลอกเพราะเว็บนี้มีแต่นักสร้างบารมี) ช่วงเวลาไม่แน่นอนแล้วแต่บุญและกรรมจ้า
#9
โพสต์เมื่อ 10 September 2007 - 09:06 AM
#10
โพสต์เมื่อ 10 September 2007 - 07:51 PM
เพิ่มเติมครับ คุณวุฒิ - bboon
บางครั้งพระท่านห่มแบบไม่ใช้สังฆาฏิ แต่ก็สังเกตได้ครับ คือ
แนวจีวรตรงไหล่ซ้ายจะมีตะเข็บ 2 รอย เป็นพระครับ
ถ้าไมีมี เป็นสามเณรครับ
ลองสังเกตดูนะครับ จะได้เรียกท่านถูก และท่านจะได้ไม่เขิน
และที่วัดเราสังเกตได้อีกหลายอย่าง เช่น สีจีวร เนื้อผ้า อังสะ
#11
โพสต์เมื่อ 10 September 2007 - 08:56 PM
1.ผู้ที่ยังไม่เข้าถึงธรรมกาย ต้องใหว้ก่อน
2.ผู้ที่ยังไม่เข้าถึงธรรมกาย ต้องใหว้ก่อน
3.ผู้ที่ยังไม่เข้าถึงธรรมกาย ต้องใหว้ก่อน
ผู้ใด ให้ผู้เข้าถึงพระธรรมกายไหว้ก่อน ผู้นั้นย่อมไม่เห็น พระธรรมกาย
ถ้าตอบกวน ก็อโหสิ ให้ด้วยนะ
#12
โพสต์เมื่อ 11 September 2007 - 04:29 PM
ที่กล่าวว่า ผู้ยังเข้าไม่ถึงพระธรรมกาย ต้องไหว้ ผู้เข้าถึงพระธรรมกายก่อน เสมอ
แนวความเห็นนี้ ยังมีข้อยกเว้นน่ะครับ
คือ ในกรณีของผู้ครองเรือน แม้ได้เข้าถึงพระธรรมกายโสดาบัน สกทาคามี อนาคามีแล้วก็ตาม ต้องกราบไหว้แม้สามเณรที่พึ่งบวชในวันนั้นครับ แม้ท่านจะยังไม่บรรลุธรรมใดๆ ก็ตาม ทั้งนี้เพราะสามเณรมีศีลสูงกว่า ผู้ครองเรือน
ดังเช่น ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ที่บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน หรือ ลูกสาวท่าน ที่บรรลุธรรมเป็นพระอนาคามี ท่านกราบไหว้พระเณรเสมอครับ แม้พระเณรท่านนั้น จะยังเป็นปุถุชน (ชนที่ยังหนาไปด้วยกิเลส) ก็ตาม
#13
โพสต์เมื่อ 11 September 2007 - 07:56 PM
ลูกสาวของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีเป็นพระสกทาคามี/สกิทาคามีนะครับ ไม่ใช่อนาคามีบุคคล
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#14
โพสต์เมื่อ 12 September 2007 - 01:22 PM
#15
โพสต์เมื่อ 12 September 2007 - 04:40 PM
#16
โพสต์เมื่อ 17 October 2007 - 11:53 AM