ถามคนเคยบวช - บวชแล้วตัวคุณเองได้อะไร
#1
โพสต์เมื่อ 05 January 2010 - 09:41 PM
ก็เลยตัดสินใจอย่างแน่วแน่เด็ดเดี่ยวแล้วค่ะ ว่าจะต้องไปชวนคนบวชให้ได้ อย่างน้อย 100 คน
แต่ว่า..
ตอนนี้ได้ยินเพียงแต่ว่า บวชแล้วดี บวชแล้วพุทธศาสนาจะฟื้นฟู สังคมจะดีขึ้น
แต่ยังไม่ค่อยรู้ว่า บวชแล้ว คนบวชได้อะไร ที่ว่าดีน่ะ ดีอย่างไร
จึงอยากขอความรู้จาก ผู้ที่มีประสบการณ์ดีๆ ที่ตนเองได้จากการบวชน่ะค่ะ (บวชจากวัดไหนก้อได้ บวชพระหรือ เณร ก็ได้ค่ะ)
เพราะจะได้ไปชวนคนอื่นๆ ให้เขาเห็นประโยชน์จากการอบรมคุณธรรมครั้งนี้อย่างชัดเจนมากขึ้น
กราบขอความเมตตาด้วยนะคะ
ขอบคุณล่วงหน้า และขออนุโมทนาบุญกับธรรมทานครั้งนี้ด้วยค่ะ จะได้นำความรู้ไปใช้ให้เต็มที่
แล้วจะมาส่งข่าวบุญให้ได้ร่วมอนุโมทนาบุญกันอย่างต่อเนื่องค่า ^^
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#2
โพสต์เมื่อ 05 January 2010 - 09:56 PM
ตอบหน่อยซิคะ
#3
โพสต์เมื่อ 05 January 2010 - 10:24 PM
เราต้องมาทำความเข้าใจก่อนว่าคำว่าบวชนั้นหมายความว่าอย่างไร .....
บวช แปลว่า งดเว้นจากการทำชั่วต่างๆ ด้วยการสละโลกีย์ทิ้งเหย้าเรือนไปถือเพศเป็นนักบวช เป็นสมณะ เป็นภิกษุสามเณร เป็นต้น เพื่อขัดเกลากิเลสและเพื่อความหลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งมวล
ย้อนไปในช่วงวัยที่ได้บวชสามเณรนั้นเเถวบ้านได้มีการจัดบรรพชาสามเณร 1 เดิือน(เเอบภูมิใจเล็กๆว่าสมเด็จวัดปากน้ำท่านมาบวชให้ด้วย อิอิ) ตอนนั้นเพียงคิดว่าบวชตามใจเเม่เพราะเเม่อยากให้บวช ไม่ได้คิดว่ามันจะสำคัญอะไร เเต่พอได้อยู่ในโครงการจากเด็กที่ ค่อนข้างดื้อ ชอบเถียงผู้ใหญ่ เเละคิดว่าตัวเองเก่งพอเเล้ว ต้องมาทำอะไรที่ตรงข้ามกัน ตื่นเช้ามา ทำวัตรเช้า บินทบาตร เห็นคนมากมายได้ใส่บาตร พระอาจารย์ได้อบรมเเละชี้โทษของเถียงพ่อเถียงเเม่ เป็นเด็กดื้อ จะมีผลอะไรบ้าง ได้เห็นผู้ใหญ่มากมายก้มกราบเรา ทำให้เราได้คิดว่าตัวเราเองทำตัวเองให้ควรกราบไหว้รึไม่ จากนั้นก็เริ่มคิดถึงจุดบกพร่องของตัวเอง เเละก็เริ่มปรับปรุงตัว จนครบโครงการคุณเเม่ก็เหมือนได้ลูกชายคนใหม่กลับไปอยุ่บ้าน
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ถ้าถามว่าการบวชนั้นดีอย่างไรผมก็อาจจะบอกได้ว่า ด้วยท่าทีที่สงบสำรวม จะทำให้เราได้คิด พิจารณาตัวเองถึงสิ่งที่เราได้ทำทั้งดีและไม่ดีตอนเป็นฆราวาส ตลอดจนได้ฝึกฝนได้ขัดเกลาจิตใจตนเอง เเละที่สำคัญได้ยกระดับจิตใจของเราให้สูงขึ้น ......
#4
โพสต์เมื่อ 05 January 2010 - 10:30 PM
- ได้นำปิติโกลาหล นำกุศลมาสู่ครอบครัวและหมู่ญาติ เพราะบวชคนแรกในบ้าน(เขาเห่อกันน่ะ)
- ได้ครองผ้ากาสาวพักตร์ อันเป็นผ้าชุดสุดท้าย เป็นชุดแฟชั่นที่อมตะมากว่า 2พันปี
- ได้เกิดใหม่แบบโอปปาติกะ เกิดเป็นสมณะ(ในโบสถ์)แล้วโตทันที
- ได้ชื่อว่า ธรรมทายาท โอรสจากพระโอษฐ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
- ได้เป็นศาสนทายาท เป็นอายุพระศาสนา
- ได้ทำหน้าที่เสมือนเป็นเนื้อนาบุญ
- ได้แปลงเพศ จากเพศฆราวาสสู่เพศบรรพชิต แล้วก็แปลงกลับมาเมื่อลาสิกขา
- ได้พบพ่อใหม่ คือ พระอุปัชฌาย์
- ได้บำเพ็ญสมณธรรม ทั้งคันธุระและวิปัสสนาธุระ
- ได้ความรู้จากพระอาจารย์ ผู้เป็นต้นแบบพระแท้
- ได้พบเพื่อนผู้ร่วมประพฤติพรหมจรรย์
- ได้ร่วมกันพัฒนาบุกเบิกธุดงคสถาน
- ได้ลงปาฏิโมกข์ทุกวันพระ
- ได้บิณฑบาตโปรดผู้ยากไร้
- ได้ใช้ชีวิตเรียบง่ายอันประเสริฐ
- ได้ฉันน้อย จำวัดน้อย พูดน้อย นั่งมาก
- ได้สำรวมอินทรีย์
- ได้ฝึกฝนอบรมใจ ฝึกอดทนต่อภัยต่างๆ
- ได้พบเสวนาธรรมกับพระป่า ผู้เป็นพระอคันตุกะของวัด
- ได้ฝึกธุดงควัตร(ทุ่งนา ฟ้าโล่ง เนสัชชิกังคัง)
- ได้ปัญญา รู้เป้าหมายชีวิตที่แท้จริง
- ได้รู้จักตนเองมากขึ้น
- ได้พบสุขอันแท้จริง
- ได้เป็นคนดีที่โลกต้องการ หลังลาสิกขา
- ได้อานิสงส์อันไม่มีประมาณ
ฯลฯ
#5
โพสต์เมื่อ 05 January 2010 - 10:56 PM
เลิกเบียย์ได้ เลิกเที่ยวฟังเพลงตามผับ
เข้าวัดมากขึ้น ทำทานมากขึ้นื ตามตักบาตรแทบทุกงานที่จะไปได้ นั่งสมาธิก่อนนอนมา 3 ปีติดแล้ว
อันนี้แปลก หลังบวชแล้ว งานมาตรึม มาแบบเลือกแต่งานดีๆได้เลย ว่าจะเอางานไหน และเสร็จเป็นอัสจรรย์ คือ บางตัวไม่เคยทำ ก็ทำเสร็จในเวลาอันรวดเร็ว (งานวิจัยทาง electronic)
และสุดท้าย เหมือนโลกเป็นของเรา มองไปทางไหน มีแต่ความสบายใจ
#6
โพสต์เมื่อ 06 January 2010 - 08:21 AM
จำช่วงที่อบรมได้เลยว่า "ไม่เคยนั่งสมาธิครั้งไหนได้ดีเท่าตอนบวชเ็็ป็นสามเณชธรรมทายาทเลย" ฮืม
จำได้เลยว่าตอนลาสิกขา ได้บอกกับตัวเองไว้แล้วว่า "เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ต้องกลับมาสวมผ้าผืนนี้อีกครั้ง" ฮืม
ลองดูซิครับครั้งหนึ่งในชีวิตลูกผู้ชาย ผมว่าถ้าใครเป็นชายแล้วไม่ได้บวช ฮืม ฮืม เสียดายโคตรๆ
ปล.นี่เฉพาะที่ได้ส่วนตัวแค่สั้นๆ นะครับ ไม่รวมส่วนอื่นๆ อีกมากมาย :-)
IMG90001013343A.jpg 70.88K 67 ดาวน์โหลด
#7
โพสต์เมื่อ 06 January 2010 - 09:46 AM
#8
โพสต์เมื่อ 06 January 2010 - 10:08 AM
#9
โพสต์เมื่อ 06 January 2010 - 10:08 AM
ได้ค้นพบความสุขที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์
ได้นั่งธรรมะแบบเต็มที่
ได้หลักธรรมในการนำชีวิตที่ยังหลงเหลืออยู่ประกอบแต่คุณงามความดี
ความรู้สึกที่ก้าวเท้าออกจากโบสถ์ ครั้งแรกหลังเกิดเป็นพระแล้ว
ด้วยความปิติที่มิอาจประมาณได้ชุ่มฉ่ำเย็นตลอดทั้งวัน
รู้ว่าฝนพันปีเป็นอย่างไร และความอัศจรรย์ใจหลายอย่าง
คุณแสงตะวันคิดเหมือนกันเลยครับ ผ้าผืนสุดท้าย
ได้รู้ว่าการบวชไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ประสบการตอนหนึ่งจากการบวชธรรมทายาทที่มิอาจลืมได้ไปจนวินาทีที่ละโลกไปแล้ว
ความตื้นตันใจที่ไม่มีประมาณตอนการเวียนประทักษิณ ก่อนเข้าโบส์และการกล่าวคำลาบวชกับบิดามาดา
ได้สร้างองค์พระบนยอดโดมร่วมกับพระธรรมทายาทให้พระอุปปัชฌาย์
เอาเป็นว่าการบวชมีแต่สิ่งที่ทำให้เกิดความตื้นตันใจบ่อยครั้งมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
รู้สึกถึงกระแสบุญที่หลั่งไหลว่าซาบซ่านชุ่มเย็น กว่าตอนที่ตนเองเป็นฆารวาส
ได้รู้ว่าเราเกิดมาทำไม
หน้าที่หลักคือมุ่งสู่พระนิพพาน
ชีวิตที่เหลืออยู่ให้ทำแต่ความดี ทางกาย ทางวาจาและทางใจ
กราบอนุโมทนบุญครับ
#10
โพสต์เมื่อ 06 January 2010 - 12:13 PM
เทคนิคที่ว่าคือ เมื่อมีปัญหา อย่าหันไปพึ่งยาเสพติด อย่าทำร้ายตัวเอง แต่ค่อยๆ หยุดใจ แล้วสติสตางค์ก็จะกลับคืนมาให้เราแก้ไขปัญหา
หมั่นพัฒนาใจให้แข็งแรง ขึ้นทุกวัน ด้วยทาน ศีล ภาวนา
#11
โพสต์เมื่อ 06 January 2010 - 02:21 PM
ได้แก่
การฝึกสำรวมกายและสำรวมใจ (เป็นการหักดิบพฤติกรรมเก่าในเพศคราวาส ซึ่งคิดว่าดีแล้ว แต่ยังต้องปรับเปลี่ยนอย่างอุกฤต ทั้งร่างกายและจิตใจใหม่ ซึ่งต้องดำรงชีวิตอยู่กับผ้าเพียง 3 ผืน กับปัจจัยการดำรงชีพส่วนตัวอื่นๆอีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น คือ บาตร ผ้าห่ม เสื่อ มุ้ง รองเท้า ขัน สบู่ ยาสีฟัน แชมพู ส่วนหมอนวัดพระธรรมกายจะไม่มีให้ใช้ ยกเว้นไปจำที่วัดอื่น)
การถือศีลปฏิบัติและเรียนรู้เรื่องศีลของพระ (ซึ่งเป็นเรื่องกดดันกายมนุษย์ให้ต้องปฏิบัติดีอย่างเดียวทั้งต่อหน้าและลับหลัง ซึ่งต้องเปลี่ยนเป็นบุคคลที่มีแต่ด้านสว่างเพียงอย่างเดียว ไม่มีด้านมืดอีกต่อไป ซึ่งความกดดันจะค่อยลดลงตามลำดับเมื่อปรับตัวได้และมีความเคยชินในข้อวัตรปฏิบัติแล้ว หรือไม่ก็ถูกกดดันให้ต้องสึกลาเพศออกไปเป็นคราวาสเลย เพราะร้อนผ้าเหลือง)
การอยู่รวมกันเป็นหมู่คณะ แต่มีใจสันโดด (การเป็นสมณะเป็นการดำรงชีวิตแบบอยู่รวมหมู่คณะ อยู่ในสายตาซึ่งกันและกัน ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง ซึ่งจะดำรงตนอยู่ได้ต้องปรับตัว ปรับกายและปรับใจ ให้เป็นผู้ให้ความสำคัญของหมู่คณะก่อน มีความละอายเป็นที่ตั้ง และที่สำคัญเมื่ออยู่ไปนานใจจะถูกปรับให้รักสันโดด โดยการเอาใจมุ่งสู่ภายในเข้าไปหาความสงบภายในอย่างเดียว)
เมื่อเข้าเดือนที่ 2 ก็จะยกบุคคลธรรมดาให้น่านับถือ กราบไหว้ได้สนิทใจครับ
เพราะเป็นผู้ปฏิบัติในศีลของพระภิกษุได้อย่างคุ้นเคย มีความสำรวมกายและใจ รักสันโดด มีความเป็นระเบียบเสมอกันทั้งหมู่คณะ มีประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกัน
เมื่อปรับกายได้ ใจก็พร้อมสำหรับการฝึกอบรม และเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ ได้อีกมากมาย โดยเฉพาะการฝึกปฏิบัติทางจิตให้ยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ แล้ววันหนึ่งก็จะกายเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพธรรมที่แท้จริง เป็นธาตุธรรมที่ฝ่ายมารเกรงกลัวมาก เป็นผู้กำจัดภัยในวัฏฏสงสาร หรือในยุกค์สมัยปัจจุบันนี้ แทนคราวาสได้อย่างดีทีเดียวครับ (ตอนท้ายนี้เป็นเป็นเรื่องลึกคงอธิบายมากไม่ได้ครับ)
แม้เป็นพระภิกษุใหม่ที่ฝึกมาน้อย แต่เป็นพระภิกษุที่ได้รับการบวชแบบที่เชื่อมต่อศีลโดยตรงจากพระพุทธเจ้าแล้ว มาอยู่รวมกันในสถานที่เดียวกัน หรือในประเทศเดียวกันเป็นจำนวนมาก ก็เหมือนเป็นฐานกำลังที่รองรับคุณความดีของพระพุทธเจ้าในอดีตมารวมกันเลยทีเดียวครับ เมื่อรวมพลังอำนาจฝ่ายดีได้เป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว สามารถเปลี่ยนแปลงโลกให้ผลิกกลับเข้าสู่เส้นทางแห่งคุณความดีอย่างที่ใจต้องการได้เลยครับ ความมหัศจรรย์จะบังเกิดได้ง่ายๆ ครับ...ขอให้ช่วยกันครับถ้าอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่
ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆ ท่านที่มีส่วนร่วมในการสร้างสันติสุขให้กับโลกนี้ครับ
#12
โพสต์เมื่อ 06 January 2010 - 02:34 PM
ที่ได้แน่นอน คือ ได้ฝึกฝนตนเอง ฝึกอย่างหนัก แต่ไม่สาหัส ทำทุกอย่างเพื่อตนเอง
ฉันอาหารของชาวบ้าน แต่ทำเพื่อตนเอง ยิ่งฝึกตนมากเท่าไหร่เจ้าของภัตต์ยิ่งได้บุญมากเท่านั้น
ได้โอกาสฝึกตนทั้งให้ทาน รักษาศีล นั่งสมาธิ มากจริง ๆ มีสติตลอด
เมื่อสึกออกมาแล้วได้ข้อวัตรปฏิบัติมาใช้ในการดำเนินชีวิต บวชเถอะครับ ไม่ผิดหวัง บุญล้วน ๆ
บ่าวอุบล ใช่พี่อุทิศ ไหมหนอ ?
#13
โพสต์เมื่อ 07 January 2010 - 10:49 PM
...มาบวชแล้วได้เจอ"กัลยาณมิตร"ครับ
ได้รู้ว่ากัลยาณมิตรเป็นทั้งหมดของพรหมจรรย์ ตราบใดที่ยัง
ไม่หมดกิเลส ศรัทธาของเรายังมีขึ้นมีลง การมีกัลยาณมิตร
มาช่วยประคับประคอง เตือนสติ ให้กำลังใจ ฯลฯ สำคัญมาก!
เหมือนตอนล่างสุดของคุณหัดฝันที่เขียนว่า "ได้ดี เพราะมีกัล
ยาณมิตร"
...อีกประการหนึ่งก็คือ ทำให้ผมได้มั่นใจว่า บุญแม้จะมองไม่เห็น
ด้วยตาเปล่า แต่สัมผัสได้จริงๆ ล่าสุดตอนบวชรุ่นกองพล7,000
ผมเข้าไปในโบสถ์ขณะทำพีธีอุปสมบท แม้จะบวชต่างวัดต่างอำเภอ
ต่างจังหวัดกัน แต่แค่นึกได้ว่ากำลังทำพิธีพร้อมๆกัน ผมสัมผัสได้ถึง
กระแสบุญเย็นๆที่ไหลเข้ามาที่ศูนย์กลางกาย!
...ได้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์
อนุโมทนาบุญร่วมกันนะคร้าบ....
ถ้าอยากได้"จริง"จะได้...แต่ตอนจะได้ไม่"อยาก"