"ปาน"...เป็นสัญลักษณ์ของการเกิดมาแล้วหลายภพชาติ ??????
#1
โพสต์เมื่อ 05 June 2006 - 10:10 AM
(หลังจากที่ได้เข้ามาศักษาและเป็นสมาชิกที่นี่ เข้าใจ(เอง)ว่า "ปาน" "ใฝ" ไม่สามารถบ่งบอก ชี้ชะตา กำหนดชีวิตคนได้(ตามคำทำนายที่มีอยู่มากมาย) ใช่ไหมคะ...นอกจากการสร้างสั่งสมบุญบารมีเท่านั้น)
#2
โพสต์เมื่อ 05 June 2006 - 11:32 AM
ไม่เกี่ยวครับ เพราะบางเคส เป็นปานเพราะเคยย่ำโคลนมาแล้วไปเดินทำให้พระวิหารเลอะเทอะก็มีครับ
อย่างลักษณะกายมหาบุรุษของพระพุทธองค์ ผิวท่านไม่มีตำหนิเลยนะครับ ดังนั้น สรุปได้ว่า ไม่เกี่ยวครับ
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#3
โพสต์เมื่อ 05 June 2006 - 11:48 AM
พ่อ...คือเมฆขาวบนผืนฟ้าใส
พ่อ...คือริ้วคลื่นโถมซบทราย
พ่อ...คือร่มไม้บนทางฝัน
พ่อ...คือสายลมเย็นในวันร้อน
พ่อ...คือบทกลอนปลุกปลอบขวัญ
พ่อ...คือความงดงามของคืนวัน
พ่อ...คือความภาคภูมิใจของฉันทั้งชีวิต
Add มาสนทนาธรรมกันได้นะคร้าบ :--> [email protected]
#4
โพสต์เมื่อ 05 June 2006 - 03:42 PM
ความจริงคนเราทุกคนต่างเกิดมาคนละหลายภพหลายชาติแล้วค่ะ บ้างก็เป็นผู้หญิง บ้างก็เป็นผู้ชาย
ถ้าเอากระดูกมากองทับกัน คงสูงคนละหลายๆโยชน์เลยค่ะ
#5
โพสต์เมื่อ 05 June 2006 - 07:42 PM
#6
โพสต์เมื่อ 06 June 2006 - 04:10 PM
เพราะกรรมที่ทำผ่านมาจึงมีร่องรอยปรากฏให้เห็น ถ้าเป็นชาติแรกในสังสารวัฏก็คงไม่มีไฝฝ้าราคีใดๆ ให้เห็น
#7
โพสต์เมื่อ 06 June 2006 - 04:43 PM
ทั้งหมดเป็นสัญลักษณ์ยืนยันว่า เราเกิดมานับภพนับชาติไม่ถ้วนแล้ว จนป่านนี้ก็ยังไม่เข้าพระนิพพานน่ะครับ
#8
โพสต์เมื่อ 07 June 2006 - 09:56 AM
ขอโยงไปนิดนึงค่ะว่า....แล้วการที่เราเอาอาหารให้สุนัขจรจัดกินทุกวัน ซึ่งทำให้บ้านเมืองสกปรก...อย่างนี้เราได้ทั้งบุญและบาปหรือปล่าวค่ะ
#9
โพสต์เมื่อ 07 June 2006 - 01:06 PM
การทำทานแก่สัตว์เดรัจฉานย่อมได้ผลทักษิณา ๑oo อัตภาพ หมายความว่า บุญนี้จะส่งผลให้เราเป็นผู้มีอายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณถึง ๑oo ชาติครับ ส่วนที่ถามมาว่าเป็นบาปหรือไม่? คำตอบคือ ไม่ครับ เพราะคุณอย่าลืมว่าสุนัขจรจัดทั้งหลายแหล่นี้เขามีความอดโซสูงนะครับ เรียกได้ว่า มีอะไรที่สามารถกินได้ พอเราโยนให้เขากินเขาก็ซัดเรียบไม่เหลือทิ้งไว้ให้บ้านเมืองของเราต้องสกปรกเลอะเทอะหรอกครับ
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#10
โพสต์เมื่อ 07 June 2006 - 01:25 PM
=> http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=1671
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#11
โพสต์เมื่อ 06 March 2007 - 04:47 PM
#12 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 13 September 2011 - 11:45 AM