กระทู้นักคำนวณครับ
#1
โพสต์เมื่อ 26 May 2008 - 09:03 PM
เทียบเวลากับมนุษย์โลกแล้ว เราจะอยู่กันยาวขนาดไหนครับผม
มนุษย์โลกตอนนี้ 100 ปีก็นับว่านานแล้ว แต่ถ้าเราไปอยู่ ดุสิต
1 วันของสวรรค์ชั้นดุสิตบุรี เท่ากับ กี่ปีของโลกมนุษย์หรอครับ ท่านผู้รู้
......
เผื่อคนคิดทำไม่ดี ก็อย่าไปทำเลยดีกว่าครับ เพราะว่าเวลาก็พอๆกาน ไม่ใช่ความสุข มันจะทุกข์ซะมากกว่านะสิครับ
อนุโมทนา กับผู้รู้ ครับผม
#2
โพสต์เมื่อ 26 May 2008 - 09:29 PM
#3
โพสต์เมื่อ 26 May 2008 - 09:41 PM
50 ปีมนุษย์ เป็น 1 วัน จาตุมหาราชิกา...........อายุขัย 9ล้านปีมนุษย์........500ปีทิพย์
100 ปีมนุษย์ เป็น 1 วัน ดาวดึงส์.................อายุขัย 36 ล้านปีมนุษย์.........1000 ปีทิพย์
200 ปีมนุษย์ เป็น 1 วัน ยามา....................อายุขัย 144 ล้านปีมนุษย์........2000 ปีทิพย์
400 ปีมนุษย์ เป็น 1 วัน ดุสิต......................อายุขัย 576 ล้านปีมนุษย์......4000 ปีทิพย์
800 ปีมนุษย์ เป็น 1 วัน นิมมานรดี.................อายุขัย 2304 ล้านปีมนุษย์ ......8000 ปีทิพย์
1600 ปีมนุษย์ เป็น 1 วัน ปรนิมมิตวสวัตตี...........อายุขัย 9216 ล้านปีมนุษย์ ......16000 ปีทิพย์
*1วัน หมายถึง 1 วัน1คืนสวรรค์
1ปีสวรรค์ มี 12 เดือน ใน1เดือนมี 30 วัน
1ปีสวรรค์จะเท่ากับ360วัน
เรารู้สึกว่าเวลาบนสวรรค์ยืดยาวมาก เพราะเราเอาเวลาของเราไปเทียบ แต่จริงๆแล้ว เวลาบนสวรรค์
1วันมันไม่นาน 1วันของที่นั่นมันอาจแค่แป๊ปเดียวเอง ถ้าเราไปอยู่จริงๆจะไม่รู้สึกว่ายาวนานเหมือน400ปีหรอกมั๊ง
มันก็แค่วันหนึ่งของเขา... ไม่รู้นะ..ก็แล้วแต่จะคิดกันไป
คนในสมัยพุทธกาล นางวิสาขาอยู่สวรรค์ชั้นนิมมานรดี เพิ่งมาอยู่ได้แค่เพียง 3-4วันเอง ทั้งๆที่ละโลกไปตั้ง
ประมาณ 2500 ปีแล้ว สร้างบุปผารามไว้ใหญ่โต ศาสนาพุทธในอินเดียรุ่งเรืองมาก เพิ่งมาอยู่ได้3-4วัน
หายหมดทั้งวัด ทั้งศาสนาก็แทบไม่เหลือ ถ้ารู้เข้าคงตกใจ
ส่วนอนาถบิณฑิกเศรษฐี อยู่ชั้นดุสิตเพิ่งมาอยู่ได้ไม่ถึง 7 วันเอง ก็เหมือนกัน เชตวันมหาวิหารก็เหลือแต่ซาก
...สังขารทั้งปวงว่างเปล่าหนอ...
#4
โพสต์เมื่อ 27 May 2008 - 09:31 AM
แต่ผู้ที่ทำบุญเล็กน้อยปนบาป ก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดในโลกมนุษย์อีกยาวนาน ยิ่งช่วงอายุขัยน้อยๆ ตายเกิดตายเกิด นับไม่ถ้วนสิ
วัฐฏสงสาร...
#5
โพสต์เมื่อ 27 May 2008 - 10:05 AM
แต่ระยะเวลาเพียงแค่นี้ไม่อาจจะเทียบกับความยาวของ 1 มหากัปได้ ที่ยาวนานเป็น หลักล้านล้านล้าน... (ไม่รู้กี่ล้าน) ปี เพราะฉะนั้น ก็จะต้องกลับลงมาเวียนว่ายตายเกิดในเมืองมนุษย์อีก ซึ่งก็อาจพลัดไปอบายได้
ยกเว้นผู้มีบุญบารมีระดับพระอรหันต์ พระบรมโพธิสัตว์ ที่ท่านมีกำลังบุญขนาดท่องสวรรค์ จนกว่าจะบรรลุธรรมก็มี
คำว่าท่องสวรรค์หมายถึง หมดกำลังบุญจากสวรรค์ชั้นหนึ่ง ก็ไปเกิดที่สวรรค์อีกชั้นหนึ่ง เช่น สมมุติหมดกำลังบุญจากสวรรค์ชั้นที่ 6 ก็ไปเกิดสวรรค์ชั้นที่ 5, 4, 3, 2, 1 แล้ววนกลับ 1, 2, 3, 4, 5, 6 วนกลับไปกลับมา
หรือไม่วนก็ได้ เกิดที่สวรรค์ชั้นเดิม ตายจากชั้นนั้นแล้วก็เกิดต่อที่สวรรค์ชั้นเดิม อย่างนี้ก็มี
#6
โพสต์เมื่อ 27 May 2008 - 11:16 AM
#7
โพสต์เมื่อ 27 May 2008 - 12:57 PM
(๒) ถ้า ๑ ชั่วโมง อ่านบทความธรรมะจบ ๑ บท, ๑ วันดาวดึงส์ อ่านได้ ๘๗๖,๐๐๐ บทความ (เทวดาไม่นอนและไม่ slow motion. )
(๓) ถ้า ๑ วันดาวดึงส์ เสวย ๓ ครั้งเหมือนมนุษย์, แต่ละครั้งจะห่างกัน=876,000/3= ๒๙๒,๐๐๐ ชั่วโมง=(292,000/24)/365= ๓๓.๓๓ ปีมนุษย์หรือ100/3=33.33
(๔) ถ้าจะไปดูพระอินทร์เสวยแต่ละครั้ง ต้องรอ ๓๓.๓๓ ปีมนุษย์ แต่ถ้าเทวดาเสวยไม่พร้อมกัน ก็จะดูได้ทุกวันมนุษย์(real time), แต่ถ้าอยากดูการเสวยของพระอินทร์โดยเฉพาะณ.บัดเดี๋ยวนี้(ขอยืมสำนวนหลานมาครับ ขออภัยณ.บัดnow 55555) ก็คงต้องย้อนเวลาไปดูเทป(จุตูปปาตญาณ)
(๕) ถ้าทุกวันพระใหญ่ขึ้น๑๕ค่ำไปฟังธรรมที่เทวสภา๑ครั้ง, ๓๐วัน(๗๒๐ชั่วโมง)ก็จะฟังธรรม๑ครั้ง, ๑วันดาวดึงส์ก็จะฟังธรรม=876,000/720=1,216.67 ครั้ง
(๖) ดาวดึงส์๑,๐๐๐ปีทิพย์(๓๖๐,๐๐๐วันดาวดึงส์)ได้ฟังธรรม=1,216.67x360,000=438,001,200ครั้ง และจากข้อ(๒)จะ=876,000x360,000=315,360,000,000บทความธรรมะ
(๗) คิดดูคร่าวๆแล้ว เทวดาดาวดึงส์จะได้ความรู้ธรรมะจบพระไตรปิฏกหลายๆรอบ, ก่อนขึ้นไปอาจจะยังอ่านพระไตรปิฏกยังไม่จบหรือเป็นมิจฉาทิฐิ แต่ถ้าได้กัลยาณมิตรที่ดาวดึงส์ ขากลับลงมาเป็นมนุษย์อีกรอบก็จะมีสัมมาทิฐิ ถึงแม้จะลืมๆไปบ้างตอนคลอด แต่ก็น่าจะพอมีเศษคุ้นที่ศูนย์กลางกายอยู่บ้าง
(๘) โชคดีที่พระอินทร์องค์ปัจจุบันเป็นพระโสดาบันแล้ว จึงมีการแสดงธรรมพระพุทธศาสนาที่ธรรมสภา เพราะพระอินทร์ในอดีตบางองค์เป็นมิจฉาทิฐิ ในยุคนั้นคงไม่มีการแสดงธรรมของศาสนาพุทธ พระอินทร์จึงสำคัญมาก
(๙) คำถาม " เทวดาดาวดึวส์เสวยกี่ครั้งต่อวันดาวดึงส์ ?" (ขอถามเผื่อสวรรค์ชั้นอื่นๆและกิจกรรมอื่นๆด้วย)
#8
โพสต์เมื่อ 27 May 2008 - 01:07 PM
วันอาทิตย์มีคนมาวัด ฟังธรรม ปฏิบัติธรรม ขณะเดียวกัน มีคนไปเดินตามห้างสรรพสินค้า ไปสนามม้า สนามมวย สนามกีฬาต่างๆ แหล่งอบายมุขก็มาก ที่เข้าวัดนั้นมีจำนวนน้อยกว่ามากครับ
เช่นเดียวกัน บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นั้น มีมาประชุมฟังเทศน์ฟังธรรมกันที่เทวสภาก็มี ที่ไปเดินโต๋เต๋ ไม่สนใจธรรมะ แต่เที่ยวชมสวนสวรรค์ต่างๆ กันมาก กับทั้งที่อยู่แต่ในวิมานไม่สุงสิงกับใครก็ไม่น้อย
ดังนั้น จึงไม่ต้องพูดถึงว่า เมื่อลงมาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว พวกเขาจะสนใจธรรมะกันมากน้อยเท่าใด
#9
โพสต์เมื่อ 27 May 2008 - 07:03 PM
#10
โพสต์เมื่อ 27 May 2008 - 08:08 PM
#11
โพสต์เมื่อ 31 May 2008 - 03:19 AM
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#12
โพสต์เมื่อ 31 May 2008 - 08:50 PM
ได้ความรู้เยอะทีเดียว
อนุโมทนาบุญค่ะ