QUOTE
"การให้ยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยแม้แต่นิดนั้น...ถือว่าบาป"
อืมมม..อันนี้ไม่เคยได้ยินค่ะ
การทำงานทุกคนก็ต้องการเงิน การขายของ ทุกคนก็ย่อมต้องการผลกำไร ไม่อย่างนั้นก็อยู่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นการให้ยืมเงิน โดยคิดกำไรเป็นดอกเบี้ยนั้น ก็ถือว่าไม่ผิด เพราะเป็นการค้าขายชนิดหนึ่ง
แต่ขึ้นชื่อว่าการค้าแล้ว ถ้าทำโดยสุจริตใจ ไม่เอารัดเอาเปรียบลูกค้าจนเกินไป เช่นโกงตาชั่ง คิดดอกเบี้ยโหด ก็ถือว่าโอเค ไม่มีผล ไม่มีวิบาก เพราะถือว่าเป็นการประกอบสัมมาอาชีพ
แต่ที่บอกว่าบาป นั่นก็น่าจะเป็นเพราะ พอทำการค้าโดยหวังผลตอบแทนที่สูง จิตใจก็เริ่มครุ่นคิดแต่หนทางที่จะเอาแต่ได้กับได้เท่านั้น ด้วยการโก่งราคาเกินควร หรือคิดดอกเบี้ยโหด เป็นต้น
เพราะเรื่องการยืมเงินเนี่ย ถึงแม้ว่าระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ จะตกลงกันก่อน ที่จะยืมเงิน หรือทำทำสัญญาแล้วก็ตาม แต่ในแง่ปฎิบัติจริง คนเป็นลูกหนี้ เมื่อถึงเวลานัดชำระ ก็ต้องวิ่งเต้น หาเงินมาใช้คืน ซึ่งถ้าหากว่าดอกเบี้ยแพงมากๆ ในแต่ละเดือน อาจจะสามารถใช้หนี้คืนได้แค่ดอกเบี้ย ทำให้เงินต้นไม่ลด ก็ก่อให้เกิดห่วง เกิดกังวล หรือบางที หนี้ทบต้นไปเรื่อยๆ อย่างเช่น ผู้ถือบัตรเครดิต ที่ไม่สามารถใช้หนี้ได้ (ทำให้เกิดหนี้ทบต้นมากมาย บางรายถึงกับถูกบริษัทบัตรเครดิต ฟ้องล้มละลาย ก็มี) และผู้เป็นเจ้าหนี้เอง ก็นั่งนับเงินรอ หายไปซักบาท ซักสตางค์ก็ไม่ได้ ถ้าเขาไม่สามารถจ่ายได้ ก็ต้องฟ้องร้อง ยึดทรัพย์สินกันต่อไปยังงั้น มันเป็นอย่างนี้ค่ะ
นี่เอง ที่เป็นเหตุแห่งวิบากกรรม
ส่วนการแนะนำ โดยที่ไมได้ค่านายหน้า หรือมีส่วนได้เสียกับงานนี้
โดยส่วนตัวดิฉันไม่คิดว่าผิดค่ะ อย่างมาก เมื่อเราร้อนเงิน ก็อาจจะมีคนมาแนะนำให้เราไปกู้กับผู้ให้กู้ ในภพชาติต่อไปค่ะ
ทางที่ดี ชวนเขาทำบุญดีกว่านะคะ ชี้ขุมทรัพย์ให้เขา ถ้าหากเขาทำทานมากๆ จะได้ทำให้เขามีทรพัย์สมบัติอย่างชัวร์ๆ ไม่ต้องเดือดร้อนต้องไปหากู้หนี้ยืมสินอีกค่ะ