![](http://www.geocities.com/niwat1334/jan/091.jpg)
รักเอย
...ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านไป หลายคู่ได้ตัดสินใจเข้าสู่ประตูวิวาห์
น่าจะเป็นเพราะบรรยากาศให้ ส่วนใครที่ยังโสดไม่ต้องคิดน้อยอกน้อยใจว่า
ทำไมเราจึงไม่ได้มีใครมาจับจองเป็นเจ้าของสักที เรื่องแบบนี้โบราณว่า
"คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า"
...มีคนบอกว่า ชีวิตแต่งงานนั้นเหมือนเดินชมสวนดอกไม้ เพราะมีสีสัน
สวยงามนานาชนิด แต่เดินยังไม่ถึงครึ่งวันก็เบื่อ เพราะอากาศเริ่มร้อนและ
เมื่อยขาแล้ว ให้ความรู้สึกอยากออกจากสวนอย่างเต็มแก่แต่ประตูถูกล็อก
เสียแล้วไม่สามารถออกไปได้ ในขณะเดียวกันก็มีคนที่พยายามหาทางปีนป่าย
หมายที่จะเข้ามาให้ได้ คนที่อยู่ในสวนได้แต่ยืนเกาะรั้วส่ายหน้าแล้วบอกว่า
"อย่าเข้ามาเลย ไม่มีอะไรหรอก" แต่แล้วก็ไม่มีใครเชื่อพยายามเข้ามาจนได้
ในไม่ช้าก็ตกอยู่ในสภาพเบื่อหน่ายเช่นเดียวกัน
...ความรักเป็นสิ่งงดงามหากหยิบยื่นให้แก่กันโดยไม่หวังผลตอบแทน
นอกจากปรารถนาให้คนที่ตนรักมีความสุข มีวิธีที่น่าคิดนะว่าเราจะรู้ได้อย่างไร
ว่าความรักนั้นเป็นรักที่ดีงาม ให้ลองสังเกตดูว่าถ้าเรารักใครแล้วปราถนา
อยากให้คนมากมายมารักเขาเช่นกัน ไม่ใช่มีเพียงเราเท่านั้นที่รักได้คนเดียว
ถ้ารู้สึกเช่นนี้ความรักก็ดูไม่น่าจะทุกข์จนเกินไป จะไม่มีความหึงหวง น้อยอก
น้อยใจใดๆเลย เหมือนคุณแม่ที่รักลูก ย่อมยินดีมาก หากรู้ว่าลูกของแม่เป็นที่รัก
ของคนมากมาย แม่ไม่รู้สึกหวงไม่ว่าใครจะมีความรักให้กับลูกท่านมากมายแค่ไหน
...บางคนไม่เข้าใจระหว่าง ความรักกับความใคร่ หรือ เมตตากับราคะ เพราะสิ่ง
ที่ก่ำกึ่งเหลือเกิน ต่างกันเพียงฟากหนึ่งมีแต่ให้กับอีกฟากรังจะเอามาเป็นของตน
ซึ่งถ้าไม่มีสามารถขีดแบ่งให้ชัดเจนความสัมพันธ์นั้นอาจไม่น่าประทับใจนัก
...อย่างไรก็ตาม ในเรื่องความรักนั้นจะว่าไปแล้ว ก่อนที่จะเริ่มรักใคร น่าจะลอง
เริ่มหันมารักตนเองเป็นอันดับแรกและรักอย่างถูกวิธี ด้วยการทำในสิ่งที่นำมาซึ่ง
ความสงบสุขแก่ตน โดยหมั่นทำความดีเริ่มจากแผ่เมตรตาให้กับสรรพชีวิตทั้งหลาย
เป็นการส่งความรักความปรารถนาดีที่ออกมาจากใจของเรา ซึ่งจะส่งผลย้อนกลับมา
ก่อความสุขให้กับเราไม่น้อยเลยทีเดียว
วนารี