ทาน บุญ และ บารมี
#1
โพสต์เมื่อ 03 March 2006 - 02:29 PM
ทำบุญ
สร้างบารมี
สามอย่างนี้แตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร
สามอย่างนี้ให้ประโยชน์อย่างไร
เราควรทำอันไหนมากที่สุด
ขอบคุณค่ะ สาธุ
#2
โพสต์เมื่อ 03 March 2006 - 02:52 PM
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#3
โพสต์เมื่อ 03 March 2006 - 04:08 PM
ทำบุญ
สร้างบารมี
สามอย่างนี้แตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร
สามอย่างนี้ให้ประโยชน์อย่างไร
ตอบ 1 .ทาน คือ การให้ การเสียสละแบ่งปัน เป็นหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุสิบ เป็นส่วนหนึ่งของบุญซึ่งทำแล้ว จะทำให้เกิดบุญ
2.บุญ คือ บุญ คือ พลังงานบริสุทธิ์ชนิดหนึ่ง ที่เกิดขึ้นมาในใจทุกครั้ง เมื่อเราตั้งใจจะละชั่ว ตั้งใจทุ่มเททำความดี และตั้งใจกลั่นใจให้ใสเป็นแก้ว ใส เป็นเพชร
3.บารมีคืออะไร
คำจำกัดความโดยย่อของคำว่า "บารมี" มีอยู่ ๒ ประการ
ประการที่ ๑ บารมี คือ บุญที่มีคุณภาพพิเศษ ซึ่งเกิดจากการสร้างบุญที่มีองค์ประกอบ ๓ ประการ ได้แก่
๑. ทำอย่างถูกวิธี คือ สร้างบุญอย่างถูกหลักวิชชา ไม่ใช่ทำแบบสะเปะสะปะ และไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องด้วย
๒. ทำแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน คือ ในการทำบุญแต่ละครั้ง ไม่ใช่ทำแบบเหยาะๆ แหยะๆ แต่ว่าทำแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพันกันทีเดียว
๓. ทำอย่างต่อเนื่อง คือ ทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่นานๆ ถึงจะทำสักครั้งหนึ่ง หรือไม่ใช่ทำเป็นบางครั้งบางคราวเท่านั้น
ประการที่ ๒ บารมี คือ นิสัยดีๆ เมื่อทำความดีโดยเอาชีวิตเป็นเดิมพันเป็นประจำ ครั้งแล้วครั้งเล่า ปีแล้วปีเล่า ชาติแล้วชาติเล่า ในที่สุดก็เกิดเป็นนิสัยดีๆ ขึ้นมา คือนิสัยชอบเอาชีวิตเป็นเดิมพันในการสร้างความดีนั่นเอง
ตอบ เราควรทำทุกอย่างควบคู่กันไปทุกๆอย่างสม่ำเสมอทำด้วยใจที่รัก เพราะทาน เป็นที่มาแห่งบุญ และบุญก็เป็นที่มาแห่งบารมี ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งก็ไม่ได้
#4
โพสต์เมื่อ 03 March 2006 - 04:23 PM
น้าจี้
#5
โพสต์เมื่อ 03 March 2006 - 04:58 PM
ใครขาดบุญสำหรับหล่อเลี้ยงใจ คนนั้นก็หมดอายุขัย
แค่บุญมาหล่อเลี้ยงใจหย่อนหรือน้อยไปหน่อย ความเดือดร้อนจะเริ่มมา
เคยสุขภาพแข็งแรง ถ้าบุญน้อย โรคภัยไข้เจ็บเริ่มมา สติปัญญาเริ่มหย่อน
กิจการงานที่ทำอยู่ทำท่าจะร่อแร่ทรุดโทรม...
คุณยายมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง สรุปว่า
ในชีวิตมนุษย์เรื่องใหญ่ก็คือเรื่อง "บุญ" ไม่มีอะไรเกินไปกว่านั้น
และสิ่งที่มาตัดรอนบุญของเราก็สิ่งที่ตรงกันข้ามที่เราเรียกว่า บาป
ธรรมะทั้ง 84000 ข้อ
เมื่อสรุปแล้วก็มีแต่เรื่องบุญเรื่องบาป ที่คุณยายฯว่า
หรือสรุปแบบหลวงปู่ สรุปในเชิงภาคปฏิบัติเหลือเพียงหนึ่ง คือ หยุดเป็นตัวสำเร็จ
คือทำใจหยุด ให้นิ่ง แล้วจะเป็นการปฏิบัติถูกธรรมะทั้ง 84000 ข้อโดยปริยาย
เพราะฉะนั้นตลอดชีวิตของคุณยายฯ คุณยายฯ งกบุญเป็นที่สุด
เพราะเห็นแล้วว่า บุญ มีความจำเป็นต่อชีวิตของเรา
...
แม้คนเรานอนหลับอยู่เฉย ๆ ก็ต้องใช้บุญ
ฟังฉบับเต็มได้ที่นี่ครับ
พระธรรมเทศนาของพระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโว
พระธรรมเทศนาของพระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโว
#6
โพสต์เมื่อ 03 March 2006 - 05:30 PM
ทำทาน ให้ประโยชน์ 2 สถานคือ
ประโยชน์ส่วนตน คือ เป็นการตัดอภิชฌา พยาบาท มิจฉาทิฐิ ได้ เช่น ให้สิ่งของหรือธรรมทานเพื่อตัดตระหนี่(มิจฉาทิฐิ) ให้สิ่งของหรือธรรมทานเพื่อตัดความมักมาก (อภิชฌา) ให้สิ่งของหรือธรรมทานเพื่อทำให้จิตอ่อนโยนมีเมตตาปราศจากโทสะ(พยาบาท)
ประโยชน์ส่วนรวม คือ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รักของคน สัตว์ เทวดา พรหม รวมความคือสัตว์โลกทั้งหลาย
ทำบุญ ให้ประโยชน์ 2 สถานคือ
ประโยชน์ส่วนตน คือ เมื่อสะสมบุญ คือ คุณงามความดีให้เจริญด้วย ทาน ศีล ภาวนา อยู่เนือง ๆ ย่อมเป็นผู้มีจิตใจแจ่มใส มีกำลังใจ และความเพียรในกิจการทั้งปวง และเป็นผู้ดำรงตนด้วยความไม่ประมาท อานิสงค์ของผู้ที่สั่งสมบุญอยู่เนืองๆ ย่อมได้ มนุษย์สมบัติ ทิพย์สมบัติ และนิพพานสมบัติ
ประโยชน์ส่วนรวม คือ ผู้ที่สั่งสมบุญเนืองๆ เป็นผู้น่าเข้าใกล้ปราศจากโทษ เป็นผู้ไม่คิดร้าย พูดร้าย หรือทำร้ายผู้ใดด้วยธรรมลามก ผู้ที่สั่งสมบุญย่อมชี้ชวนคนที่อยู่ใกล้ชิดให้เจริญในบุญกุศลด้วย ดังนั้นผู้สั่งสมบุญจึงเป็นบัณฑิตผู้น่าเข้าใกล้ที่สุดครับ กล่าวคือสังคมใดมีคนทำความดีเนืองๆ มากๆ สังคมนั้นน่าอยู่ครับ
สร้างบารมี ให้ประโยชน์ คือ บารมีเป็นของเฉพาะตนไม่สาธารณะทั่วไป แต่บุคคลทั่วไปพึ่งบารมีพอได้บ้าง เพราะบารมีเป็นการสะสมคุณความดีหรือกำลังใจเพื่อให้ประสบกับความสำเร็จทั้งในภพนี้และภพหน้า จวบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรมครับ คือ มีนิพพานเป็นที่ไปครับ
ถามว่า "เราควรทำอันไหนมากที่สุด "
ตอบ การให้ทานเป็นต้นของบุญ บุญเป็นต้นของบารมี ถ้าประสงค์จะสร้างบารมีก็ต้องให้ทุกชนิด สละสิ่งของทุกอย่าง บริวาร ลูก เมีย พ่อ แม่ พี่ น้อง ปู่ ย่า ตา ยาย บ้าน ฐานันดร์ ฯลฯ และสละกิเลสในใจทั้งปวงให้มากที่สุด เมื่อสละกิเลส ตัณหา ความอยากได้ อยากมี อยากเป็นออกไปมาก บุญก็เกิดในใจมาก เมื่อบุญถูกสะสมในใจมากเข้า ก็จะกลั่นตัวเป็นบารมี บารมีสะสมมากเข้าก็จะขยายออกเป็น อุปบารมี เมื่ออุปบารมีสะสมมากเข้าก็จะขยายออกเป็น ปรมัตถบารมี แม้ผู้ใดปรารถนาจะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็จะสมหวังได้ด้วยบารมีนี้แลครับ
สรุป คือ การให้ทานหรือการสละเป็นจุดเริ่มต้นของบุญและบารมีทั้งปวงครับ
#7
โพสต์เมื่อ 03 March 2006 - 05:34 PM
เคยได้ยินมาว่าเราสร้างบารมีได้เช่นเวลาเราไปบริจาคทรัพย์ไม่ว่าจะเพื่ออะไร แล้วก็จารึกชื่อเอาไว้เพื่อให้คนเห็น พอคนเห็นก็เกิดบารมี อย่างนี้แสดงว่าที่ฟังมาก็ไม่ถูกต้องนะสิ
อย่างนี้เราจารึกชื่อเราไว้เพื่ออะไร (เช่นชื่อที่เสาแก้ว) เพื่อให้ผู้อื่นอนุโมทนาบุญเท่านั้นหรือ
ขอบคุณค่ะ
#8
โพสต์เมื่อ 03 March 2006 - 05:45 PM
ตอบ ไม่ทราบครับ นานาจิตตังนะครับ บางทีอาจจะเพื่อให้เจ้าของบุญรู้สึกปลื้ม หรือไม่ก็เพื่อเป็นการแสดงความโปร่งใสมั้งครับ
สรุปคือ ยิ่งบุญมากบารมีมาก ยิ่งต้องละกิเลส ตัณหา ความทะยานอยาก ในลาภสักการะทั้งปวง พระโพธิสัตว์ต้องไม่ติดใจในโภคทรัพย์ ไม่ติดใจในทิพย์สมบัติ มุ่งเพียงอย่างเดียวคือ พระนิพพานครับ
สรุปง่ายๆ คือ บารมีคือการละชั่ว ทำดี ทำจิตให้บริสุทธิ์ ยิ่งจิตบริสุทธิ์จากกิเลสมากบารมีก็มาก จิตบริสุทธิ์จากกิเลสน้อย ยังมีโลภะ ราคะ โมหะ อยู่บารมีก็น้อยครับ
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#9 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 03 March 2006 - 08:02 PM
#10
โพสต์เมื่อ 03 March 2006 - 08:18 PM
วงกลมในสุด คือ ทาน วงกลมที่ ๒ คือ บุญ และวงกลมที่ ๓ คือ บารมี
อธิบายว่า การบำเพ็ญทานนั้น จัดเป็นหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ ๑o ประการ ดังนั้น ทานจึงซ้อนอยู่ในบุญ (วงกลมในสุดซ้อนอยู่ในวงกลมที่ ๒) ส่วนบารมีนั้น คือ บุญที่ผ่านการสั่งสมกลั่นตัวแล้วอย่างยิ่งยวด ฉะนั้น บุญจึงเป็นส่วนหนึ่งของบารมี (วงกลมที่ ๒ ซ้อนอยู่ในวงกลมที่ ๓) ดังนี้
ป.ล. ที่ได้กล่าวมาแล้วทั้งหมดนี้ เป็นเพียงการอุปมาให้เห็นภาพได้ง่ายและชัดเจนขึ้นแต่เพียงเท่านั้น อันที่จริงแล้วการกลั่นตัวของบุญไปเป็นบารมีในภาคปฏิบัติ ไม่ได้เป็นดังที่ได้อุปมาไว้นะครับ
#11
โพสต์เมื่อ 03 March 2006 - 10:46 PM
น้าจี้
#12
โพสต์เมื่อ 04 March 2006 - 01:02 AM
ดูศักดิ์สิทธิ์จังเลยค่ะ
#13
โพสต์เมื่อ 05 March 2006 - 01:45 PM
#14
โพสต์เมื่อ 29 June 2007 - 12:10 PM