ปัญญาทางโลกและทางธรรม
#1
โพสต์เมื่อ 26 March 2006 - 04:55 AM
แต่ปัญญาในทางธรรมนั้น คือพระสารีบุตรที่ได้รับยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่าเว้นจากพระองค์แล้ว
มีพระสารีบุตรเท่านั้นที่สามารถเทศน์แทนได้
ในทางพุทธศาสนามองคนมีปัญญามีลักษณะอย่างไร ?
และต้องฝึกฝนตนอย่างไรจึงได้ชื่อว่าเป็นผู้มีปัญญาในทางธรรม ?
#2
โพสต์เมื่อ 26 March 2006 - 09:05 AM
น้าจี้
#3
โพสต์เมื่อ 26 March 2006 - 09:05 AM
พี่ครับผมปลอกมะม่วงกินแล้ว ลูกมะม่วงจากต้นนึงหวาน แต่ลูกมะม่วงอีกต้นนึงเปรี้ยว ผมจะทำยังไงดี ต้นที่ออกรสเปรี้ยวมันถึงจะเปลี่ยนเป็นออกรสหวานแทนหรอครับ ^-^
-----------------------------------------
คนบางคนดู ภายนอก ลักษณะดีมีปัญญาแต่มันก็ไม่ได้หมายถึงเค้าจะฉลาดไปซะทุกเรื่องหรอก คือกันแหละ ถ้าอยากรู้ว่าคัยฉลาดดีมีปัญญา มันคงดูแต่ลักษณะเพียงผิวเผินไม่ได้ มันต้องเค้าไปสนทนากะคนคนนั้นก่อนถึงจะรู้ว่ามีปัญญาจริงมั๊ย มันก็เหมือนเรา เห็นคนแก่คนนึงใส่รองเท้าแตะใส่เสื้อขาดๆ เดินเตะฝุ่นอยู่ข้างถนน เค้าอาจจะเป็นเศรษฐีพันล้านก็ได้คัยจะไปรู้ กับ อีกคนนึงแต่งตัวสะ โก้หรู ดูเป็นผู้ดีมีปัญญา พอไปสืบสาวดูข้างหลัง อาจจะมีหนี้สิ้นล้นพ้นตัวเรยก็ได้คัยจะไปรู้ละเนาะ
-----------------------------------------------
หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน--- คนในโลกนี้ผ้าขี้ริ้วห่อทองก็มี ผ้าขี้ริ้วห่ออย่างอื่นก็มี
--------------------------------------------------------------
ควรไม่ควรแล้วแต่จะกรุณา
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#4 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 26 March 2006 - 11:14 AM
#5
โพสต์เมื่อ 26 March 2006 - 01:36 PM
ทำบุญ.....ปฏิบัติธรรม.........ช่วยจิตตน..........ต่อมาเมตตาคนข้างเคียง....ครอบครัว....
ชุมชน...สังคนสร้างเครือข่ายคนดี.........ช่วยทำประโยชน์กว้างใหญ่ขึ้น......ยังเพื่อนมนุษย์
ไฟล์แนบ
#6
โพสต์เมื่อ 26 March 2006 - 02:08 PM
ทั้งที่แก้ไขเพื่อตัวเองและชี้ทางแก้ไขเพื่อผู้อื่นได้
โดยต้นเหตุแห่งทุกข์ทั้งหลายคือการเกิด ผู้มีปัญญาทางธรรม ย่อมหาทางที่จะไม่เกิดอีกเพื่อแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
ดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท พยายามลดความผิดพลาดหรือบาปให้น้อยลงที่สุดจนหมดไป
พยายามเพิ่มคุณความดีให้ยิ่งๆขึ้นไป และทำจิตใจให้ผ่องใสอยู่ตลอดเวลา
นี่เป็นต้นทางแห่งการเกิดปัญญาทางธรรมค่ะ
#7
โพสต์เมื่อ 26 March 2006 - 02:45 PM
หัวใจสำคัญของพระพุทธศาสนา ๓ ประการได้แก่
๑.ไม่ทำความชั่วทั้งปวง
๒.ทำความดีให้ถึงพร้อม
๓.ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส
ไฟล์แนบ
#8
โพสต์เมื่อ 26 March 2006 - 03:57 PM
คุณยายฯ เคยตอบคำถามของหลวงพ่อทัตตชีโว ว่า "ทำไมพระสารีบุตรจึงเลิศด้วยปัญญา" ..
คุณยายท่านนั่งหลับตา เจริญาภาวนานิ่ง ๆ ประมาณห้านาที แล้วท่านก็ตอบชัดเจนว่า
"พระสารีบุตรเกิดมากี่ภพกี่ชาติก็ตาม มีนิสัยติดตัวพิเศษอย่างหนึ่งคือ เป็นคนที่เลิศด้วยความกตัญญูกตเวที"
ข้อความนี่เป็นส่วนหนึ่งของหนังสือ "ทำไมพระสารีบุตรจึงเลิศด้วยปัญญา" ซึ่งสมควรอ่านอย่างยิ่ง โหลดอ่านได้จากที่นี่เลยครับ http://www.kalyanami...k/pdf/saree.pdf
อย่าให้ความตั้งใจที่ดี เปลี่ยนแปลงไป กับกาลเวลา
เพราะเราไม่รู้ว่า่วันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร เราอาจจะอยู่หรือตาย
สิ่งที่เอาไปได้มีแต่บุญกับบาปเท่านั้น ฉนั้น เราต้องอยู่กับวันนี้
วันที่เราบอกตัวเองว่า วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุด ในวันหนึ่งของชีวิตการสร้างบารมีของเรา
โอไดบะ
โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
#9
โพสต์เมื่อ 26 March 2006 - 07:33 PM
ใจว่าความกตัญญูทำให้มีปัญญาได้อย่างไร
ตัวอย่างพระสารีบุตรนั้นคือผู้มีปัญญาเป็นเลิศทางธรรม ไม่รู้ผมจะเข้าใจถูกหรือไม่เป็นเลิศ
ทางธรรมคือ สามารถแสดงอริยสัจ 4 ได้ลึกซึ้ง และ แสดงธรรมจักรได้ดี แต่ไม่รู้ว่าปัญญาของ
พระสารีบุตรนอกจากแสดงธรรมแล้ว ยังมีด้านอื่นอีกหรือไม่ ผู้มีปัญญาทางธรรมเป็นเลิศจำเป็น
ต้องมีปัญญาทางโลกครบทุกด้านด้วยหรือไม่ ? เช่นในศิลปศาสตร์สาขาต่าง ๆ ที่ใช้ในทางโลก
#10
โพสต์เมื่อ 26 March 2006 - 09:48 PM
แม้ชีวิตนี้ก็ให้ได้
#11 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 26 March 2006 - 11:10 PM
แล้วจะเข้าใจคำว่า "กระจ่าง" ดียิ่งขึ้น
ปล.ผมก็พี่งอ่านเหมือนกัน ดีมากเลยอยากชวนไปอ่านกันครับ
#12
โพสต์เมื่อ 27 March 2006 - 11:15 AM
แต่พระโพธิสัตว์สร้างบารมีโดยเกิดเป็นมโหสถบัณฑิตนั้นเป็นผู้มีความรู้รอบด้าน
เลยสงสัยว่าปัญญาบารมีนั้นรวมถึงความรู้ทางโลกและศิลปศาสตร์สาขาต่าง ๆ ทั้งหมด
หรือไม่
#13
โพสต์เมื่อ 27 March 2006 - 12:04 PM
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#14
โพสต์เมื่อ 27 March 2006 - 12:48 PM
1. ปัญญาทางธรรมระดับเบื้องต้น คือ รู้ผิดชอบชั่วดี รู้ว่าอะไรบุญอะไรบาป หรือ ที่เรียกว่า สัมมาทิฐิ 10 (ความเห็นที่ถูกต้อง 10 ประการ) ได้แก่ ทานดีจริง บูชาคนที่ควรบูชาดีจริง พ่อแม่มีพระคุณจริง กฏแห่งกรรมมีจริง พระอรหันต์มีจริง เป็นต้น
2. ปัญญาทางธรรมะระดับสูง คือ เห็นทางพ้นทุกข์ ดำเนินไปตามทางจนสามารถพ้นทุกข์ได้ หรือ ที่เรียกว่า เห็นอริยสัจ นั่นเอง
ผมชอบใจคำของดร.ชินเวช สารสารท ผู้บริจาคจานดาวธรรมในโรงเรียนในอีสาน 200 โรงเรียน และตั้งกองทุน จีเอฟ สร้างปัญญา มอบทุนการศึกษาให้เด็กขอนแก่นทุกโรงเรียนจนจบการศึกษา
ท่านให้ความหมายสั้นๆ ว่า ปัญญาทางโลก หรือ IQ (intelligence quotient) หรือเรียกสั้นๆ ว่า เก่ง ส่วนปัญญาทางธรรม ท่านใช้คำว่า DQ (Dhamma quotient) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า ดี
รวมความก็คือ เก่ง และ ดี
นั่นคือ เหตุผลที่ท่านติดจานดาวธรรมให้โรงเรียนอีสาน 200 โรงเรียน เพื่อให้เด็กเป็นคนเก่ง และดี
#15 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 27 March 2006 - 03:21 PM
การฟึกตนของผู้ที่มีปัญญาทางธรรม อันดับแรกต้องมีศรัทธา มีการทำความเห็นให้ตรง แล้วฝึกตัวโดยเอาหลวงปู่ หลวงพ่อ คุณยายเป็นต้นบุญต้นแบบของการฝึกตัว ฝึกให้ได้ทั้งพายนอก และพายใน แบบนี้ก็เป็ที่สุดของที่สุดแล้ว ของการมีปัญญาทางธรรม ถ้าทุกๆท่านทำได้
เป็นความคิดเห็นของ.....นะคะ
#16
โพสต์เมื่อ 27 March 2006 - 06:03 PM
ผมหาอ่านของหลวงพ่อทัตตะดูแล้วครับพอเข้าใจครับ โดยเฉพาะความที่คุณยาย
อาจาร์ยมีความกตัญญูจึง พยายามขวนขวายหาทางช่วยคุณพ่อจนได้เข้าถึงธรรมกายได้
ขอบคุณคุณหัดฝันครัรบ เข้าใจแล้วปัญญาทางธรรมขั้นแรกคือมีสัมมาทิษฐิก่อน
จากนั้นจึงจะเห็นอริยสัจ คือทางหลุดพ้นทุกข์ได้
ขอบคุณ โพส 14 ความคิดถูกต้องแล้วครับถ้ามีสัมมาทิษฐิเป็นอันดับแรกก็สามารถ
สั่งสอนตัวเองและผู้อื่นได้
แล้วฝึกฝนอบรมตนเดินไปสู่ทางพ้นทุกข์คืออริยสัจได้
แต่ผมยังไม่หายสงสัยอีกนิดนะครับ การสั่งสมปัญญาบารมี นั้นต้อง ศึกษาวิชาศัปศาสตร์
แขนงต่าง ๆ จนเป็นพหูสูตรหรือไม่ เหมือนชาติที่พระพุทธองค์เสวยชาติเป็นพระมหาชนกทรง
เรียนรู้การปลูกต้นไม้และชาติที่เป็นมโหสถบัณฑิต ทรงใช้ความรู้เป็นพหูสตรตัดสินคดีความ
ด้วยหรือไม่หรือว่าไม่จำเป็น
#17
โพสต์เมื่อ 28 March 2006 - 02:33 AM
หรือไม่? การสั่งสมปัญญาบารมี นั้นต้อง ศึกษาวิชาศิลปศาสตร์ ๑๘ ประการจนลุถึงความเป็นพหูสูตหรือไม่? เหมือนชาติที่พระพุทธองค์เสวยชาติเป็นพระมหาชนกทรง
เรียนรู้การปลูกต้นไม้และชาติที่เป็นมโหสถบัณฑิต ทรงใช้ความรู้เป็นพหูสตรตัดสินคดีความ
ด้วยหรือไม่หรือว่าไม่จำเป็น
ตามความเห็นของผมนะครับ การที่พระบรมโพธิสัตว์ทรงศึกษาศิลปศาสตร์ ๑๘ ประการนั้น จัดเป็นการสั่งสมปัญญาบารมีในระดับต้น (ในระดับทางโลก) และเมื่อถึงจุดที่พระองค์ทรงมีพระบุญญาบารมีเต็มเปี่ยมบริบูรณ์มากยิ่งขึ้นไปในระดับหนึ่งแล้ว จึงมีการพัฒนาไปสู่การสั่งสมปัญญาบารมีในระดับสูง ซึ่งก็คือ "การศึกษาความรู้ในทางพระพุทธศาสนา" นั่นเอง
๑. เมื่อได้รับฟังข้อมูลข่าวสารใดๆ มาแล้ว ย่อมเชื่อและตัดสินโดยอยู่บนพื้นฐานของเหตุและผล (โดยพิจารณาตามหลักของกาลามสูตร)
๒. หากมีศรัทธาในสิ่งใด ย่อมมีสัมมาปัญญาเป็นเครื่องประกอบอยู่เสมอ เรียกว่า "สัมมาปัญญาเดินนำหน้า ศรัทธาเดินตามหลัง"
๓. เมื่อต้องประสบพบเจอกับเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าดี หรือร้าย หรือเป็นกลางๆ ก็ตาม ย่อมหยิบยกเอาธรรมะมาพิจารณาอย่างแยบคาย โดยอาศัยโยนิโสมนสิการและความเป็นกัลยาณมิตร มาเป็นเครื่องช่วยในการประคับประคองตนเองให้สามารถสร้างบารมีรุดหน้าไปได้อย่างตลอดรอดฝั่ง เรียกว่า "มีปัญญารู้เท่าทันกิเลส"
๔. อ่อนน้อมถ่อมตน (มีความเคารพ) และมีความกตัญญูต่อผู้ทำคุณให้ก่อน (บุพการี) และครูบาอาจารย์
๕. เมื่อเกิดความรู้ชอบในสิ่งใด ย่อมแบ่งปันความรู้ในสิ่งนั้นให้แก่ผู้อื่นโดยปราศจากความตระหนี่หวงแหน
๖. มีสัมมาทิฏฐิเป็นพื้นฐานและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับใจ
#18
โพสต์เมื่อ 28 March 2006 - 01:52 PM
ต้องเป็นคนเก่ง และดีมีคุณธรรมทำเพื่อส่วนรวมและชาวโลก มากกว่าเห็นประโยชน์ส่วนตน
ต้องเป็นคนเก่ง และดีมีคุณธรรมทำเพื่อส่วนรวมและชาวโลก มากกว่าเห็นประโยชน์ส่วนตน
ต้องเป็นคนเก่ง และดีมีคุณธรรมทำเพื่อส่วนรวมและชาวโลก มากกว่าเห็นประโยชน์ส่วนตน
#19
โพสต์เมื่อ 28 March 2006 - 05:37 PM
สาธุ คุณแก้วประเสริฐถ้าเป็นคนเก่งและดีและทำเพื่อส่วนรวมด้วย นั่นคือพระโพธิสัตว์แท้ ๆ
#20
โพสต์เมื่อ 29 March 2006 - 06:11 PM
ถ้าไม่เชื่อลองหยุดดูสิ....แล้วจะรู้...ว่าภาวนามัยยปัญญาเป็นไง..
#21 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 29 March 2006 - 09:32 PM
ปัญญาที่ได้จากการฟัง การอ่านมามาก
ปัญญาที่ได้จากการคิด ตึกตรอง
ปัญญาได้จากการทำสมาธิ
ส่วนการมองคนมีปัญญานั้น เอาง่าย ๆ จากคำที่เราคุ้นกันมากๆ คือ
คำว่า เก่ง และดี
คือ ฉลาดรอบตัวแล้วต้องมีคุณธรรมด้วย
ตามมงคลชีวิต 38
ส่วนกว่าจะได้ลักษณะของคนมีปัญญามาได้อยู่กับตัว
ก่อนจะมาเป็นคนมีนิสัยกตัญญูกตเวทีได้นั้น
คนนั้นๆ ต้องมีนิสัยของความเคารพ ทั้ง 7 ประการมาก่อน
แล้วจะเป็นต้นทางให้เกิดปัญญา
#22
โพสต์เมื่อ 01 April 2006 - 04:28 PM
และการมองคนมีปัญญา คือคนเก่งและดี
ทำให้นึกถึง คำว่าบัณฑิตปัจจุบันนี้ คำว่าบัณฑิตนี้มาจากทางพระพุทธศาสนา
แต่ไม่รู้ว่า นำมาใช้อย่างถูกต้องหรือเปล่า ปัจจุบันนี้คนเรียนจบปริญญาตรีก็เรียกว่า
บัณฑิตแล้ว
จาก มงคลชีวิต 38 ประการ คนจะมีปัญญาได้ต้องมีความเคารพ 7 ประการด้วย
คิดว่าปัจจุบันนี้ความเคารพ 7 ประการอาจจะถูกมองข้ามไปก็ได้