คัดลอกมา
พระชาติของมหาโพธิสัตว์ในหนึ่งพุทธันดร
โดย วิชา
สรุปเรียงลำดับพระชาติของมหาโพธิสัตว์
• 1. เป็นโชติปาลพราหมณ์ (มีในพระไตรปิฏก และอรรถกถา)
• 2. เป็นเทพบนชั้นดุสิต (มีกล่าวถึงในอรรถกถา เพียงกล่าวว่าไปเกิด)
• 3. เป็นมนุษย์ เวียนว่ายตายเกิด (ผู้เขียนเพิ่มขึ้นเพื่อความเข้ากันได้)
• 4. เป็นเทวดาประจำสมุทร (มีในพระไตรปิฏก และอรรถกถา)
• 5. เป็นมนุษย์เวียนว่ายตายเกิด (ผู้เขียนเพิ่มขึ้นเพื่อความเข้ากันได้)
• 6. เป็นรุกขเทวดา (มีในพระไตรปิฏก และอรรถกถา)
• 7. เป็นมนุษย์เวียนว่ายตายเกิด (ผู้เขียนเพิ่มขึ้นเพื่อความเข้ากันได้)
• 8. เป็นพระอินทร์ (มีในพระไตรปิฏก และอรรถกถา)
หมายเหตุ เรื่องที่ 1 ถึง 8 นั้นอยู่ในสมัยที่ศาสนากัสสปพุทธเจ้ายังดำเนินอยู่
• 9. พระมหาสุตโสม (มีในพระไตรปิฏก และอรรถกถา)
• 10. เป็นเทวดา (ในอรรถกถา เพียงกล่าวว่าไปเกิด)
• 11.เป็นคุตติละโพธิสัตว์ (มีในพระไตรปิฏก และอรรถกถา)
• 12. เป็นเทวดา (มีในพระไตรปิฏก และอรรถกถา เพียงกล่าวว่าไปเกิด)
• 13. พระเจ้าเภรุวราช (มีในอรรถกถา)
• 14. เป็นเทวดา (มีในอรรถกถา เพียงกว่าว่าไปเกิด)
• 15. พระเจ้าเนมิราช (มีในพระไตรปิฏก และอรรถกถา)
• 16. เป็นพระพรหม (มีในพระไตรปิฏก และอรรถกถา เพียงกล่าวว่าไปเกิด)
• 17. เป็นมนุษย์เวียนว่ายตายเกิด (ผู้เขียนเพิ่มขึ้นเพื่อความเข้ากันได้)
• 18. พระมหากัญจนดาบส (มีในพระไตรปิฏก และอรรถกถา)
• 19. เป็นพระพรหมเวียนว่ายตายเกิด
• 20. เป็นมหาโควินทดาบส (มีในพระไตรปิฏก และอรรถกถา)
• 21. เป็นมนุษย์เวียนว่ายตายเกิด (ผู้เขียนเพิ่มขึ้นเพื่อความเข้ากันได้)
• 22. เป็นเทวดาชั้นดาวดึงส์ (มีในพระไตรปิฏก และอรรถกถา)
• 23. พระเวสสันดร (มีในพระไตรปิฏก และอรรถกถา)
• 24. พระเสตุเกตุเทพบุตร (มีในพระไตรปิฏก และอรรถกถา)
หมายเหตุ เรื่องที่ 9 ถึง 24 เป็นช่วงไม่มีพุทธศาสนา
• 25. พระพุทธเจ้า (มีในพระไตรปิฏก และอรรถกถา)
อดีตชาติของพระโพธิสัตว์ในพุทธันดรสุดท้าย
เริ่มโดย Dd2683, Jan 24 2006 09:02 PM
มี 6 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 24 January 2006 - 09:02 PM
#2
โพสต์เมื่อ 24 January 2006 - 09:12 PM
"ผู้เขียนเพิ่มขึ้นเพื่อความเข้ากันได้" หมายความว่าไรใคร ผู้เขียนทีว่าหมายถึงเจ้าของกระทู้หรือใครครับ
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#3 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 24 January 2006 - 09:27 PM
หมายถึงคุณวิชา ครับ
ผมคัดลอกมาเพียงหัวข้อ
ข้ามรายละเอียดในเรื่อง ที่มีในอรรถกถา ซึ่งเนื้อหายาวมาก
dangdee
ผมคัดลอกมาเพียงหัวข้อ
ข้ามรายละเอียดในเรื่อง ที่มีในอรรถกถา ซึ่งเนื้อหายาวมาก
dangdee
#4
โพสต์เมื่อ 26 January 2006 - 05:32 PM
อ่านแล้วงงๆ
เมื่อไหร่หนอจะได้พบทหารหาญ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
สุนทรพ่อ
muralath2@hotmail
#5
โพสต์เมื่อ 30 January 2006 - 05:55 PM
อยากถามว่า เมื่อไร จึงจะ รณรงค์ เรื่อง คนฆ่าสัตว์ เป็นอาหาร กัน ทุกวันนี้ ฆ่า วันละกี่ล้านตัว ยิ่ง ช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลนี้ ฆ่าสัตว์ทั้งไก่ เป็ด ไปนับสิบ ล้านตัว หลายแห่ง ฝังทังเป็น และบางแห่ง โยนเข้าเตาเผาทั้งเป็น มีความเห็นประเด็นนี้อย่างไร
#6
โพสต์เมื่อ 30 January 2006 - 06:12 PM
ถ้าสัตว์เหล่านั้นมีกรรมบีบคั้นตัดรอนให้ต้องรับผลแห่งกรรม การทำ campaign ก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอกครับ อีกอย่าง ถ้าหากคุณมีความต้องการให้ปัญหานี้หมดไปจริงๆ แล้วล่ะก็ ต้องให้มนุษย์หันมารักษาศีล โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือ "เบญจศีล" เพราะเมื่อมนุษย์มีศีลครบถ้วนบริบูรณ์เช่นนี้แล้ว การที่จะต้องพลัดไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานย่อมไม่มี และเมื่อถึงเวลานั้น ก็ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องเรียกร้องให้มีการณรงค์กันอีกต่อไปครับ
#7
โพสต์เมื่อ 30 January 2006 - 06:49 PM
ต้องมีการทดลองทางวิทยาศาสตร์ครับ คือ ผลิตยาหรือสารเคมีบางอย่างที่ทำให้คนกินเนื้อสัตว์ หรือเนื้อมนุษย์เข้าไปแล้วเกิดพิษ คือ กินเนื้อเมื่อไหร่ตายทันที อย่าเบาคือกินเนื้อแล้วป่วยหนักปางตายเลยก็ดีครับ ทำให้ต้องกินได้แต่ผักครับ รับรองว่าธุรกิจฆ่าสัตว์เพื่อกินหมดไปแน่นอนครับ 555
คิดเล่นๆ นะครับ
คิดเล่นๆ นะครับ
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน