ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

จงถามตนเองว่าทุกวันนี้ใช้ชีวิตแข่งกับอะไร บทที่ 2

เคล็ดลับการบริหารเวลา ตัวอย่าง 5 กิจวัตรหลักของพระส าสัม พุทธเจ้า

  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
ไม่มีการตอบกลับในกระทู้นี้

#1 Suphatra

Suphatra
  • Members
  • 24 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 30 May 2018 - 04:04 PM

จงถามตนเองว่าทุกวันนี้ใช้ชีวิตแข่งกับอะไร
ตอน เคล็ดลับการบริหารเวลาของ มหาเศรษฐี
 
แบ่งเวลาในแต่ละวันให้ดี
 
     ในการทำกิจสำคัญต่างๆ ให้เราแบ่งเวลาเป็นกรอบใหญ่ๆ ไว้ก่อน เริ่มต้นด้วยการแบ่งเวลานอน ทุกคนรู้ว่าตนเองควรนอนกี่ชั่วโมงต่อวันถึงจะพอดี แต่โดยเฉลี่ยแล้ว คนเราควรนอนให้เพียงพอวันละ 8 ชั่วโมง
 
     เพราะฉะนั้น เราควรตีกรอบตนเองไว้ก่อนว่า เราควรจะเข้านอนกี่โมง ตื่นนอนกี่โมงถึงจะไปทำงานทัน ซึ่งการ
ล็อกเวลาให้ดีอย่างนี้เหมือนทำง่าย แต่บางคนมักจะทำพลาด ถ้าเข้านอนช้าไปพอตื่นมาก็งัวเงีย ทำให้รู้สึกลุกลี้ลุกลนตลอดทั้งวัน
 
     เพราะฉะนั้น เวลาที่จะเป็นจุดเริ่มต้นชีวิตในแต่ละวันไม่ใช่เวลาตื่นนอน แต่เป็นเวลาเข้านอน มีโคลงโลกนิติสุภาษิตเก่าแก่แต่โบราณสอนใจว่า
 
“คนตื่นคืนหนึ่งช้า                   จริงเจียว
  มล้าวิถีโยชน์เดียว                 ดุจร้อย 
  สงสารหมู่พาลเทียว              ทางเนิ่น  นานนา
  เพราะบ่เห็นธรรมน้อย            หนึ่งให้เป็นคุณ”
 
     เพียงตื่นช้านิดเดียวจะทำอะไรก็ไม่ทัน กระหืดกระหอบไปหมด การใช้ชีวิตก็ไม่สำเร็จเสร็จสิ้น ถ้ามองลึกลงไปอีกก็เป็นเพราะเรานอนดึกจึงไม่อยากตื่นนอนตอนเช้า แล้วต้องกระหืดกระหอบเพราะไม่ทันเวลา แต่ถ้าเราเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ พอได้นอนเต็มอิ่มแล้ว เช้าก็ตื่นขึ้นได้ทันที ดังนั้น “ความสำเร็จของการบริหารเวลาเริ่มที่การเข้านอน”
 
     จากนั้นให้เราแบ่งเวลาที่นอนเหนือจากเวลานอน คือ แบ่งเวลาทำงานโดยเฉลี่ยประมาณ 8 ชั่วโมง และแบ่งเวลาในการบริหารขันธ์ การเข้าสังคมอีกประมาณ 8 ชั่วโมง เราควรจัดแบ่งกิจกรรมเป็นช่วงเวลากว้าง ๆ ให้ลงล็อกในแต่ละวันว่าวันธรรมดาควรทำอะไรบ้าง วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ควรทำอะไรบ้าง เป็นต้น
 
ผิจารนารายละเอียดในการใช่เวลาแต่ละช่วง
 
     เมื่อเราแบ่งช่วงเวลากว้างๆ ออกเป็น 8/8/8 ชั่วโมงแล้วต้องไม่ลืมพิจารณารายละเอียดในการใช้เวลาแต่ช่วงที่แบ่งไว้แล้วด้วยเช่น ช่วงเวลานอน 8 ชั่วโมง ก็ให้เรามาดูว่า ทำอย่างไรตนเองถึงจะนอนหลับสนิท ไม่หลับๆ ตื่นๆ นอนหลับเต็มอิ่ม เพื่อจะได้ตื่นมาสดชื่นแจ่มใส
 
     หรือช่องเวลาในการบริหารขันธ์ เช่น เวลาอาบน้ำ กินข้าวเดินทางเวลาในการเข้าสังคมและการพักผ่อนหย่อนใจ รวมทั้งเวลาที่ใช่ไปในการเข้าโซเชียลมีเดียต่างๆ เราต้องบริหารจัดการเวลาเหล่านี้ให้พอดี ไม่ปล่อยเวลาไปเรื่อยเปื่อย แต่ควรล็อกเวลาให้ชัดเจนหมดเวลาต้องหยุดแล้วไปทำกิจกรรมอื่นต่อทันที ไม่เล่นเพลินจนไปกินเวลางาน หรือกิจกรรมอื่น ๆ เด็ดขาด
 
     เราต้องพิจารณาก่อนเสมอว่า มีงานอะไรสำคัญและเร่งด่วนที่เราต้องรีบทำให้เสร็จภายในวันนี้ ก็ควรหยิบขึ้นมาทำก่อน งานใดไม่เร่งด่วนนัก อาจจะทำพรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้ได้ ก็ให้วางแผนบริหารเวลาในสัปดาห์นี้ เดือนนี้ ปีนี้ให้ดี งานใดที่สำคัญหย่อนลงไปไม่เร่งด่วนก็ให้เราขยับเวลาในการสะสางงานนั้นออกไป เป็นต้น
 
     เพราะฉะนั้น เราจะมีแผนงานทั้งงานประจำวัน งานประจำสัปดาห์ งานประจำเดือน และงานประจำปี บางทีอาจจะมีงานประจำ 3 ปี หรืองานประจำ 5 ปี ที่สร้างขึ้นเพื่อวางแผนการฝึกฝนเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพหลายๆ ด้านของเราก็ได้ นี่คือการวางแผนการใช้เวลาในแต่ละช่วงที่เราแบ่งไว้แล้วให้มีประสิทธิภาพนั่นเอง
 
     พอแบ่งเวลาออกเป็นกรอบใหญ่ๆ แล้ว ให้เราดูว่า เวลาที่แบ่งไปแล้วนั้น เราจะสามารถทำอะไรได้บ้าง เพื่อป้องกันเรื่องที่อาจจะทำให้เสียแผนงานได้
 
     เรื่องของการบริหารเวลาที่เราได้วางไว้แล้วย่างดีนั้น จะมีตัวบ่อนทำลายหลักๆ คือ  “อบายมุข” พอไปเมาเมื่อไร แผนงานที่วางไว้เสียหมด พอได้ดื่มน้ำเมา ได้เตร็ดเตร่เฮฮาเที่ยวกลางคืน ถึงเวลานอนไม่ได้นอน ถึงเวลาตื่นไม่ได้ตื่น เวลางานก็รวนหมด
 
     บางคนดูการละเล่นเป็นนิตย์ สมัยนี้การละเล่นมาถึงในมือเราง่ายๆ ทั้งสมาร์ตโฟน ทั้งคอมพิวเตอร์ เช่น ถ้าเราเผลอติดเกมมันก็ดึงเวลาเราเสียหายหมด ดังนั้น ถ้าไม่มีวินัย การบริหารเวลาก็จะรวนหมดทันที
 
     บางคนคบคนชั่วเป็นมิตร เผลอไปคบคนไม่ดีที่คอยจูงเราไปทางเสื่อม ชวนดื่มเหล้าบ้าง ชวนเล่นไพ่บ้าง ชวนเตร็ดเตร่บ้าง จนเราติดอบายมุข เสียการบริหารเวลา เราต้องหมั่นปฏิเสธคนจำพวกนี้ให้ได้ พอเราทำได้อย่างนี้ ความเกียจคร้านในการทำงานจะหายไปโดยปริยาย ทำให้เราสามารถทำตามแผนงานที่วางไว้ได้สำเร็จ
 
ตัวอย่าง 5 กิจวัตรหลัก ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
 
     การบรอหารเวลาที่วางไว้แล้วอย่างดีนั้น เราชาวพุทธมีตัวอย่างที่ดีมาก คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดหากจะเรียงลำดับกิจวัตของพระองค์ให้เข้าใจได้ง่าย พระองค์มีกิจวัตรหลัก 5 เรื่อง ดังนี้
 
     กิจวัตรที่ 1 เวลาเช้ามืด ตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นประมาณตี 4-  ตี 5 พระองค์นั่งสมาธิสอดข่ายพระญาณตรวจดูสัตว์โลกว่า วันนี้ใครคือบุคคลที่พระองค์ควรจะไปโปรด
 
     กิจวัตรที่ 2 เสด็จไปโปรดบุคคลนั้น บางครั้งไปโปรดเพียงพระองค์เดียว บางครั้งเสด็จนำหมู่สงฆ์ไปบิณฑบาตโปรดสัตว์
 
     กิจวัตรที่ 3 พระองค์เทศน์สอนญาติโยมเป็นกิจวัตรประจำวันในตอนเย็น พอตกเย็นชาวบ้านเลิกการงาน ก็ถือดอกไม้ธูปเทียนบ้าง ปานะบ้าง เภสัชบ้าน เข้าวัดฟังธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
 
     กิจวัตรที่ 4 พอยามค่ำญาติโยมเดินทางกลับไปแล้วพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประชุมภิกษุสามเณรในวัด แล้วประทานโอวาท
 
     กิจวัตรที่ 5 เวลาเที่ยงคืน พระองค์แสดงธรรม ตอบปัญหาเทวดาที่มาเข้าเฝ้าเพื่อกราบทูลปัญหาเรื่องต่างๆ 
เหล่านี้คือกิจวัตรประจำวัน 5 เรื่อง ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบางคนอาจจะสงสัยว่า ตั้งแต่เช้ามืดจนกระทั่งเย็น ค่ำ เที่ยงคืนพระองค์ไปโปรดสัตว์ชัดเจนแล้ว หลังจากนั้นพระองค์ทรงพักผ่อนใช่หรือไม่ แล้วช่วงกลางวันพระองค์ทำอะไร..
 
     ในช่วงเวลากลางวันนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงใช้ในการดูแลหมู่คณะ บางคราวพระภิกษุสงฆ์นั่งคุยกับหลังฉัน พระองค์จะเสด็จไปถามไถ่ภิกษุ แล้วภิกษุทั้งหลายจะกราบทูลพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นบ้าง
 
     จากนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะระลึกชาติไปดูบ้าง สอดข่ายพระญาณไปดูบ้าง แล้วพระองค์ก็จะเล่าให้พระภิกษุฟังว่า เรื่องนั้น ๆ มีที่มาที่ไปอย่างไร ทำไมถึงเกิดเรื่องอย่างนั้นขึ้น เพื่อเป็นคติสอนใจให้กับภิกษุทั้งหลาย เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงถามไถ่ แนะนำและพูดสอน พระภิกษุทั้งหลายก็จะเกิดความอบอุ่นและได้คติข้อคิดจากพระพุทธองค์ เรียกว่า “เป็นการสสอนอย่างไม่เป็นทางการ”
 
     ตอนช่วงค่ำประชุมพระภิกษุพระภิกษุสามเณรทั้งหมดแล้วประทานโอวาทนั้นจึงเป็นทางการ บางทีมีพระภิกษุที่ป่วยไข่ไม่สบาย พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เสด็จไปเยี่ยมเยียนดูแลและเช็ดตัวให้ แล้วทรงตรัสว่า หากใครประสงค์จะได้บุญในการอุปัฏฐากพระองค์ ขอให้อุปัฏฐากภิกษุเถิด จะได้บุญเหมือนอุปัฏฐากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
 
     พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงดูแลคณะสงฆ์เป็นอย่างดี บางครั้งมีกิจพิเศษก็จะทรงเสด็จไปที่ต่างๆ  บ้าง พูดง่ายๆ ว่า เวลากลางวันเป็นเวลาอิสระในการทำกิจต่างๆ ที่จำเป็นทั้งในแง่พุทธกิจ ในฐานะเป็นญาติ พระองค์ก็ตั้งใจทำ บางคราวเป็นกิจเพื่อสงเคราะห์โลกพระองค์ก็ตั้งใจทำ โดยใช้เวลากลางวันนี้เอง
 
     เพราะฉะนั้น ถ้าเราจะบริหารเวลาให้ได้ดี ต้องทำอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ แบ่งเวลาให้เป็นกรองใหญ่ๆ แล้วถึงมาดูรายละเอียดว่า ในช่องเวลานั้นๆ ควรจะทำอะไรและทำอย่างไรบ้างถ้าทำได้อย่างนี้เราจะพบว่า เวลาเรามีเหลือเฟือ ดังนั้น บริหารจัดการเวลาตนเองให้ดี วางแผนแบ่งเวลาให้ดี แล้วใช้เวลาทำกิจให้คุ้มค่า
 
     อาตมภาพขอยกตัวอย่างโยมคุณแม่ท่านหนึ่งซึ่งมีลูก 5 คน แล้ว ท่านเป็นนักธุรกิจ เป็นผู้บริหารที่มีภาระหน้าที่มากมาย แต่ก็ยังสามารถจัดเวลาทำวัตรเช้าเย็น นั่งสมาธิทุกวันจนกระทั่งเข้าถึงธรรมะภายในตัวได้
 
     คุณโยมท่านนี้บริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก เขาล้างหน้าแปรงฟันและสวดมนต์ทำวัตรเช้าคลอไปด้วย บ้างสวดอยู่ในใจถ้าตอนไหนที่ปากเป็นอิสระก็ออกเสียงเบาๆ คลอไปด้วย จนกระทั่งคล่องปากขึ้นใจ สวดมนต์ไปใจก็ตรึกนึกถึงองค์พระภายในไปอย่างนี้มีแต่ได้บุญ การตรึกถึงพระรัตนตรัยภายในนั้น ตรึกได้ตลอดเวลา นั่งรถไปก็ “สัมมา อะระหัง”ไปได้นั่นเอง
 
     เมือบริหารเวลาได้อย่างคุ้นค่า ก็ประสบความสำเร็จทั้งชีวิตครอบครัว ลูกๆ ประพฤติปฏิบัติดีทุกคน การงานประสบความสำเร็จ ได้เป็นมหาเศรษฐีใหญ่ พอปฏิบัติธรรม ธรรมะก็ก้าวหน้าจนกระทั่งเข้าถึงองค์พระภายใน เพราะฉะนั้น ขึ้นอยู่ที่ตนเองแล้วว่าเราจะบริหารจัดการเวลาอย่างไร ถ้าทำได้ถูกต้องแล้วจะพบว่า
 
 
“ไม่มีเวลา ไม่มีในโลก”
 
จากหนังสือ 24 ชั่วโมงที่ฉันหายใจ
โดย พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ
(สมชาย ฐานวุฑโฒ)
 
 






ติดแท็กอย่างน้อยหนึ่งแท็กหรือให้มากกว่าคีย์เวิร์ดเหล่านี้: เคล็ดลับการบริหารเวลา, ตัวอย่าง 5 กิจวัตรหลักของพระส, าสัม, พุทธเจ้า