#####แนะนำธรรมมะที่ควรรู้######
#1
โพสต์เมื่อ 11 June 2009 - 11:50 PM
ได้อ่านธรรมมะ แล้วรู้สึกประทับใจมาก ในบางกระทู้ เช่น
กระทู้เกี่ยวกับเรื่อง ที่ไม่เคยได้ยินเช่น กระทู้ เรื่องธรรมมะลึกลับไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิต ที่หมู่คณะเอามาแสดงให้รู้
อ่านๆแล้วก็น่าสนใจมาก ทำให้อยากนั่งสมาธิไปรู้เห็นด้วยตนเอง ก็หลบๆไปนั่งสมาธิ ไปศึกษาค้นคว้าทางสื่อต่างๆของวัดด้วยตนเองแบบรวดเดียวโดย ซื้อเหมามาศึกษาทั้งหมด ทั้ง หนังสือ CD ทุกอย่าง ทั้งติดจานดาวธรรม หมดไปเป็นหมื่นๆบาทกับสื่อธรรมมะ ฟัง ดู อ่าน จนลืม ฟังเพลงที่ชอบ ดูหนังที่ชอบ ไปนาน เป็นปีๆ เช่นฟัง มงคล38 mp3 7แผ่น ของหลวงพ่อทัตตะ เกือบ4 เดือน อย่างต่อเนื่อง แล้ว ได้ความรู้อย่างมหาศาลแบบที่ไม่เคยรู้มาก่อน และรู้สึกไปตาม หน้าปกcd mp3 หมกหมุ่นอยู่กับสื่อต่างๆของวัดพระธรรมกาย จนสุดท้ายทนไม่ไหวต้อง ทิ้งการงานแล้ว มาบวช 3 ถึงเดือน แบบสวนกระแสพายุทอร์นาโดที่บ้าน เพราะทางบ้านนั้นไม่ชอบวัดพระธรรมกายอย่างรุนแรง ต่อต้านกันทุกรูปแบบ โดยเฉพาะคุณพ่อ ที่ท่านมีทัศนคติความรู้เกี่ยวกับธรรมมะที่ท่านเข้าใจ แบบ นิพพาน บุญ ไม่มี ตายแล้วสูญเท่านั้น ฯลฯ เป็นต้น
ช่วงหลังๆไม่ค่อยได้เข้ามาอ่านกระทู้ของ เว็ป dmc เพราะการงานเริ่มมากขึ้น และไม่มีเวลาเข้าเว็ปDMC จนเว็ปเปลี่ยนแปลงไป ดีมาก สวย น่าศึกษาอย่างมาก ก็ได้แนะนำเพื่อนฝูงให้เข้ามาเยี่ยมชมอย่างมากมาย
แต่บางทีก็อยากจะขอแนะนำผู้คนที่เข้ามาเยี่ยมชมเป็นคนใหม่ๆ ยังไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับ ธรรมมะ ที่หมู่คณะแนะนำ มากนัก
เพราะบางทีพบว่า บางกระทู้เท่านั้น!!! ธรรมมะ กำลังกลายเป็นอย่างที่ครูไม่ใหญ่ เคยกล่าวใน โรงเรียนอนุบาล ตอนหนึ่งว่า
โดยขอสรุปมาดังนี้ว่า (ถ้าผิดพลาดยังไงก็ต้องกราบขออภัยอย่างสูงมา ณ.โอกาสนี้ด้วยนะครับ)
ธรรมมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแบบต้นฉบับ เริ่มเลือนหาย และผิดเพี้ยนไปเรื่อยๆ หลังพุทธกาลประมาณ 500 ปี เพราะผู้คนเริ่ม จะศึกษาธรรมะด้วยวิธีการ อ่าน ฟัง พูดคุยกัน ไม่ค่อยเน้น ปฏิษัติธรรม นั่งสมาธิ ฝึกใจให้หยุด หรือ ไม่ก็ศึกษาด้วยการเห็นแจ้งเท่านั้น จึงไม่รู้แจ้ง ธรรมมะที่เกิดจากการเห็นแจ้ง จึงเป็นเรื่องที่ผู้คนไม่ค่อยสนใจเพราะ พิสูจน์ได้ยาก แต่สนใจที่ศึกษาแบบ จินตมยปัญญา หรือ ใช้ความรู้สึกเหตุและผลส่วนตัว การพูดคุย ถกเถียงกัน การอ่าน การฟัง คัดลอกมาบอกต่อ เป็นตัวตัดสิน ความรู้ทางธรรม คำว่า “ธรรมกาย”, “หยุดใจ” “ศูนย์กลางกายฐานที่7” จึงค่อยๆหายไป เหลือ อยู่เพียงบางส่วนน้อย จน ไม่เข้าใจว่า
“ธรรมกาย”คืออะไร วิธีการเข้าถึงเป็นยังไง
เพราะการที่ผู้คนไม่สนใจปฏิบัติ ธรรม ฝึกนั่งสมาธิฝึกใจหยุดนิ่ง ที่ศูนย์กลางกายฐานที่7 เป็น ต้นเหตุ ธรรมมะ ต้นฉบับจึง เริ่มผิดเพี้ยน เพราะการแนะนำบอกเล่าธรรมมะต่อด้วยการ อ่าน คุย ถกเถียง หรือ เอามาเป็นข้อสันนิฐาน ตามความรู้สึก ความคิดเห็นส่วนตัว ด้วย จินตมยปัญญา ของผู้บอกเล่า แด่ ผู้อยากรู้ธรรมมะ โดย ไม่ยึดหลักการฝึกสมาธิ การเห็นแจ้ง ด้วยธรรมจักขุ หรือจากคำแนะนำของครูผู้รู้แจ้งเห็นแจ้งเข้าถึงธรรมแล้วโดยตรง
และด้วยเหตุนี้ ก็เคยได้ยินเรื่องราว ของบุคคล ผู้เป็น นัก คิดนักอ่าน นักศึกษา ธรรมมะด้วยจินตมยปัญญา จนกระทั้งนำเรื่องธรรมมะ มาแนะนำแก่ ผู้อยากรู้ แบบถูกบ้างผิดบ้าง เพราะตนไม่ชอบนั่งสมาธิ แต่ชอบศึกษา แล้วใช้ ความทรงจำ คัดลอกมา แนะนำผู้อื่น จนกระทั้ง เป็นที่กล่าวขานกันอย่างมาก สำหรับผู้ที่อยากรู้เรื่องธรรมมะ สุดท้ายธรรมมะก็เริ่มเพี้ยนๆ จนคุณครูไม่ใหญ่ของเรา ต้องขอเรียกเข้าพบ แล้วสอบถามบุคคลผู้นั้น ด้วยตัวท่านเอง เพื่อให้ผู้นั้นได้พิจารณาว่า ตนรู้จริงแล้วหรือ? ท่านก็เรียกมาถามว่า “ไหนลูกลองอธิบายมาสิจ๊ะ ว่า ธาตุน้ำเป็นยังไง?”
สุดท้ายบุคคลผู้นั้น ก็ต้องออกจากหมู่คณะไป เพราะความที่ “เจตนาดี แต่รู้เท่าไม่ถึงการณ์” อยากให้ธรรมทาน
จนลืมตัว กลายเป็น ผู้อยากเด่น อยากดัง มากกว่า เพราะทุกครั้งที่เล่าธรรมมะ จะได้รับการสรรเสริญจากผู้ฟังแล้วถูกใจตน ซึ่งเป็นต้นเหตุของการทำให้ ธรรมมะผิดเพี้ยนไปเรื่อยๆ ไม่สนใจในการนั่งสมาธิ หรือไม่แนะนำให้บุคคลผู้อยากรู้ธรรมมะไปปฏิบัติธรรมเพื่อให้ใจหยุดนิ่งเป็นหลักหรือ ศึกษาจากครูโดยตรงแทน ผ่านสื่อต่างๆที่หมู่คณะได้จัดทำขึ้นมา เพื่อให้เหมาะแก่ระดับ ผู้คนทั่วไปได้ศึกษากัน โดยเน้น การฝึกสมาธิทำใจหยุดนิ่งเป็นหลัก
สุดท้ายนี้ จึงขออนุโมทนาบุญแด่ ยอดนักสร้างบารมี ผู้ที่มีจิตใจ อยากจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ด้วยการให้ธรรมทาน เป็นแสงสว่างให้แด่ผู้ไม่รู้ แต่ธรรมมะ ก็มีทั้ง ควร รู้ และไม่ควรรู้ เช่นธรรมมะที่ควรรู้เป็น ธรรมมะที่ศึกษาแล้ว อ่านแล้วรู้สึกมีกำลังใจอยากไปนั่งสมาธิ เพื่อทำใจให้หยุดนิ่ง ธรรมมะเหล่านี้จะอยู่ ในสื่อต่างๆที่ทางหมู่คณะจัดทำและออกเผยแพร่ ให้บุคคลทั่วไปได้ศึกษากัน
ส่วนนอกเหนือจากนี้ ลองถามใจตนดูว่า ศึกษาแล้ว ทำให้ตนอยากไปนั่งสมาธิ จิตใจเริ่มสงบลง หรือ ไม่
ส่วนกระทู้ที่เกี่ยวข้องกับ ข่าวบุญของหมู่คณะ,สมาธิ ความรู้ทั่วๆไปที่เกี่ยวข้อง กับคำสอนของ มหาปูชนียาจารย์ และ ผู้เมตตาคอยให้ธรรมทานโดยการชี้นำไปที่linkสื่อการแนะนำคำสอนของครูอาจารย์และหมู่คณะโดยตรง
ก็ขออนุโมนทาบุญอย่างสูงมา ณ.โอกาสนี้ด้วยครับ
สาธุ...................
แล้วอย่าลืมมาสร้างบารมีร่วมกันในโครงการบวชพระ 7000 รูปนะครับ ผู้มีบุญทั้งหลาย
ขอแสดงความคิดเห็นเพียงเท่านี้จ้า บายๆ
#2
โพสต์เมื่อ 12 June 2009 - 07:30 AM
หลุดไปอย่างไม่น่าจะหลุด
เพราะไม่ทำใจให้หยุดนิ่งทุกวัน
วัน ๆ เราต้องเจอแรงปะทะขนาดไหน
เดี๋ยวมืด เดี๋ยวสว่าง แต่ถ้าทำใจสว่างบ่อย ๆ ได้ในแต่ละวัน
เราก็จะมีกำลังใจและเอาชนะความมืดในใจได้ล้านๆๆๆๆ %
แล้วมีพลังใจในการทำหน้าที่ "ผู้นำบุญ" หรือ "สุดยอดกัลยาณมิตร"
ให้กับชาวโลกได้ต่อไปได้อย่าง Happy ลัล ลา จากใจจริง ๆ ค่ะ
เป็นกำลังใจบอกบุญบวชกับเพื่อน ๆ กัลยาณมิตรทุกท่านนะคะ
#3
โพสต์เมื่อ 12 June 2009 - 08:22 AM
อนุโมทนาครับ
#4
โพสต์เมื่อ 12 June 2009 - 09:41 AM
#5
โพสต์เมื่อ 12 June 2009 - 10:15 AM
#6
โพสต์เมื่อ 12 June 2009 - 10:18 AM
#7
โพสต์เมื่อ 12 June 2009 - 10:41 AM
#8
โพสต์เมื่อ 12 June 2009 - 11:47 AM
ความหลงนี่ อันตรายมากจริงๆ
ผมเองก็ไม่กล้าแนะนำธรรมมะแก่ใครมาก เพราะความทรงจำไม่ค่อยดี จะแนะนำให้ผู้ขี้สงสัยทั้งหลายไปศึกษาด้วยตัวเอง
มากกว่า แต่ถ้ามาถามมากๆ โดยเฉพาะเรื่องละเอียดทั้งหลาย ก็จะแนะนำให้ไปบวชซะ เพราะ
ต้องให้พระอาจารย์เป็นผู้จัดการผู้ขี้สงสัยดีกว่า เดี๋ยวจะกลายเป็นแบบ เรื่องการเมือง
ต้องพาตัวเองไปนั่งสมาธิให้มากขึ้นแล้วครับ เดี๋ยวอกุศลเข้าสิงจิตกันใหญ่ ยิ่งช่วงนี้ บาปมันแรงจริงๆ
ขอบวชที่ 7000 รูปด้วยคนครับ
สาธุครับ
#9
โพสต์เมื่อ 12 June 2009 - 11:51 AM
#10
โพสต์เมื่อ 12 June 2009 - 12:23 PM
แต่บางที ธรรมมะที่ลึกซึ้ง ก็เปรียบเหมือน อาหารเรียกน้ำย่อย ให้อยากกินอาหารจานหลัก อย่างที่ จขกท เคยเจอมานะครับ
จะได้รู้ว่า ธรรมะ ที่นอกกำมือ ที่เรายังไม่รู้มันมีอีกเยอะๆๆๆๆๆมากๆๆๆๆ จะได้ลดทิฐิมานะ ว่าตัวรู้แล้ว รู้มากแล้ว ออกไป ทำตัวให้ต่ำๆเล็กๆ เพื่อรอรับธรรมะ จากผู้รู้จริงๆ
พวกที่เพี้ยนส่วนใหญ่ คือ พอรู้นิดหน่อยก็นึกว่ารู้เยอะแล้ว แล้วไปป่าวประกาศเพื่อ ลาภ สักการะ สรรเสริญ เยินยอ จนไม่เคารพครูบาอาจารย์ ถึงได้หลุดออกไป
คุณยายเคยบอกไว้ ถ้าศึกษาธรรมะ แล้วอยากเด่นอยากดัง จะอยู่ได้ไม่นาน
#11
โพสต์เมื่อ 12 June 2009 - 08:33 PM
#12
โพสต์เมื่อ 12 June 2009 - 10:26 PM
#13
โพสต์เมื่อ 13 June 2009 - 11:10 AM
แต่ไม่รู้เราจับประเด็นผิดรึเปล่านะคะ
เราก็เคยอธิบายเรื่องคอนเส็ปท์กว้างๆ ของนิพพาน
ให้เพื่อนฟัง เพราะเค้าถามอะ เราก็ไมได้ตั้งใจตอบเพราะอยากดังหรือ
อยากให้เค้าชอบเราหรอกค่ะ เราพูดด้วยความรักแท้ๆ
แต่เค้ากลับกลัววว เห้อออ กลัวหมดกิเลสอะค่ะ
#14
โพสต์เมื่อ 13 June 2009 - 12:28 PM
เพราะบางครั้งเราไม่รู้จริง แล้วพูดไปก็จะเสียบุญไปเปล่า ๆ อย่างน่าเสียดาย
ฟังเข้าใจ แต่ไม่สามารถอธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้อย่างที่เราเข้าใจค่ะ
สาธุ อนุโมทนาบุญค่ะ
ลูกพระธัมฯ หลานหลวงปู่ หลานคุณยาย
#15
โพสต์เมื่อ 14 June 2009 - 10:22 AM
#16
โพสต์เมื่อ 15 June 2009 - 05:49 AM