ทำยังไงให้หาย นิสัย ชอบทิ้งคะ ยาวค่ะ ช่วยด้วยค่ะ
#1
โพสต์เมื่อ 13 June 2009 - 09:29 PM
ต่อให้เป็นของรัก ก็ให้ไปซะอย่างนั้นด้วยใจที่ปลอดโปร่ง
ชอบมากเวลาได้ให้ และต่อให้ไม่ให้ หันไปเจอของที่ไม่ได้ใช้
จะหาทางทิ้งทันที ไม่ให้คน ก็ต้องโยนทิ้ง ไม่งั้นจะร้อนรน วุ่นวายค่ะ
เป็นคนชอบวาดรูปและวาดได้สวยดี พอวาดเสร็จ มีคนเดินมาขอก็ให้ง่ายๆเลยอะค่ะ
บางทีคนขอตกใจ เพราะขอเล่นๆ
ตอนนี้อายุ 23 แล้ว และจำเป็นต้องแต่งตัวแต่งหน้าหางานทำ
แต่ไม่สามารถแต่งได้ เพราะรู้สึกเป็นภาระมากๆ จนทนไม่ได้
และยิ่งร้ายคือ ไม่สามารถทำสิ่งที่ไม่อยากทำได้อย่างราบรื่น
แม้ว่าจะมีของที่ดูน่าจะล่อใจแค่ไหนก็ตาม
เผินๆก็เหมือนดีน่ะค่ะ แต่ว่าดูไม่มีความรับผิดชอบเลย
พ่อไม่ให้เรียนวาดรูปตั้งแต่เด็กๆ และเราสู้พ่อไม่ได้ เพราะพ่อคิดว่า
เราไม่ได้รักจริงๆ เห็นทิ้งรูปวาดหมด(ให้คนอื่นหนะค่ะ)
หนังสือการ์ตูนที่ชอบก็ขายทิ้ง ทั้งที่คนวาดรูปเก่งๆ เค้ามีกันเป็นพันๆเล่ม
ดังนั้นพ่อคิดว่าเราเป็นคนที่แค่ขี้เกียจเรียน ไม่ได้ชอบวาดรูป
ตอนนี้พยายามเก็บ ไม่ทิ้ง และคิดว่าต้องแต่งหน้าแต่งตัว
เห็นเครื่องสำอางของแม่ยังอยากทิ้งแทนเลยค่ะ
พอมองแล้วหงุดหงิดทำยังไงดีคะเนี่ย
ขอบพระคุณเพื่อนๆสมาชิกมากๆค่ะ
#2
โพสต์เมื่อ 13 June 2009 - 09:36 PM
ว่าทั้งชอบสละ และไร้รับผิดชอบในเวลาเดียวกัน เห้อออ
#3
โพสต์เมื่อ 14 June 2009 - 01:07 AM
แต่พออ่านๆ ไป...ก็ต้องแปลกใจ..กับคำที่ว่า ถ้าไม่ให้ของหรือไม่ได้โยนทิ้ง ก็เกิดอาการร้อนรน วุ่นวาย ...อันนี้น่าจะเป็นข้อเสียนะคะ
แต่ถ้าได้ให้ของแก่ใครๆ แล้วรู้สึก สบาย ปรอดโปร่งใจ ...อาจเป็นนิสัยที่ชอบให้ที่ติดตัวมาก็ได้นะคะ ไม่แน่นะคะ...ชาติก่อนอาจจะให้ทานจะเป็นนิสัยก็ได้ (อันนี้แค่เดาเฉยๆ ค่ะ)
ไม่ชอบแต่งหน้า ก็ไม่เป็นเรื่องเสียหายอะไร ถ้าทำงานที่ไม่จำเป็นต้องใช้หน้าตาเหมือนอย่างพนักงานขาย หรือพนักงานต้อนรับ ดีเสียอีกจะได้ไม่เปลืองค่าใช้จ่าย
มองเผินๆ เหมือนเป็นคนใจร้อน และขาดความอดทน
พออายุมากขึ้นก็จะใจร้อนน้อยลง และการนั่งสมาธิแยะๆ ก็ช่วยให้ใจเย็นลงได้
อยากให้ลองหาเวลาให้กับตัวเอง โดยการอยู่กับตัวเอง โดยไม่ต้องไปวุ่นวายกับผู้อื่น จะได้ถามใจตัวเอง ว่าจริงๆ สิ่งที่เราต้องการคืออะไร และมีข้อผิดพลาดอะไร ด้วยการปฏิบัติธรรมสัก 1 สัปดาห์ หรือถ้ามีเวลามากกว่านั้นก็ยิ่งดี
ตัว ณ 072 เวลามีปัญหา มักจะหนีไปนั่งสมาธิหรือปฏิบัติธรรมเสมอ ในระหว่างการนั่งก็จะได้คำตอบบางอย่างให้กับตัวเองเสมอ ในระหว่างนั้นก็จะเห็นข้อผิดพลาดของตัวเอง และรู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด(โดยเฉพาะตั้งแต่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา) พอกลับมาแล้ว..ก็มั่นใจที่จะตัดสินใจเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่ง
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#4
โพสต์เมื่อ 14 June 2009 - 11:38 AM
#5
โพสต์เมื่อ 14 June 2009 - 06:48 PM
ถ้าเอาจริง ผมแนะนำให้รักษาศีล 8 ไปเลย เหมาะกับผู้ไม่รักการสะสมวัตถุอยู่แล้ว จริงๆ แล้วคนเราสะสมอะไรไว้ในใจเยอะแยะมากกว่าวัตถุอยู่แล้ว ถ้าคุณละวัตถุได้ ก็เสริมเรื่องละจิตใจด้วย มาเอาดีทางนี้ดีกว่า นั่งธรรมะอาจจะทิ้งดิ่งง่ายไวแรงเลยนะครับ
แต่ถ้าจะเอาแบบเล่นๆ ก็ลองปรึกษานักจิตวิทยาดู ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวหรือเสียหายครับ เป็นวิทยาศาสตร์
#6
โพสต์เมื่อ 14 June 2009 - 08:19 PM
เราก็จะนำคำแนะนำไปใช้ค่ะ
เพราะว่าเรานั่งสมาธิน้อยจริงๆน่ะแหละค่ะ
ก่อนหน้านี้ นั่ง อาทิตย์ละสองวัน วันละหนึ่งชั่วโมง
คือ ไม่ใช่ขี้เกียจนะคะ แต่ว่า นั่งไปแล้วจะกลัว ไม่รู้กลัวอะไรเหมือนกัน
ทั้งที่เป็นคนนั่งสมาธิค่อนข้างดี
หลังจากนั้นมีความรักมาเบียดเบียนจิตใจ ก็เลยเอาพื้นที่ในใจที่มีพระพุทธองค์อยู่บ่อย
(ไม่ถึงกับเสมออะค่ะ) ไปให้ผู้ชายคนนั้น สลัดไม่ออกหลายเดือน แต่ตอนนี้ออกแล้ว
สบายใจมากค่ะ(ดีจังที่เขาไม่เอา)
แต่พ่อไม่ชอบที่เราไม่ชอบเก็บของ และไม่ทะเยอทะยาน
พ่อไม่ชอบให้นั่งสมาธิเลยค่ะ ว่าเราอยู่บ่อยๆ
พ่อยากให้เป็นผู้พิพากษา เราไม่อยากเป็นเลยค่ะ แต่พ่อเราจะเป็นจะตาย
(ไม่เกินจริงค่ะพ่อเราเป็นอย่างนั้นจริงๆ) พ่อเราชอบความมีเกียรติ ชอบความมีหน้ามีตา
เลยคิดว่าสิ่งเหล่านี้มีความสุข แถมอยากให้เราเป็นผู้พิพากษาที่เด็ดขาด
ใครเลวฆ่าให้หมด นี่คือความคิดพ่อเรา ซึ่งต่างกับเรามากค่ะ
แล้วเวลาอ่านหนังสือมากๆ เวลานั่งสมาธิ แทนที่จะได้สมาธิ
แต่ประมวลมันดันลอยขึ้นมาเป็นฉากเป็นตอน
บั่นทอนมากๆ
เบื่อจริงๆเลยค่ะ ที่บ้านอยากให้เราสะสมทั้งของ ความรู้ที่ตายไปแล้วก็ลืม
ขอบพระคุณทุกท่านค่ะ จะนั่งสมาธิบ่อยๆ แม้จะต้องแอบนั่ง และมีอุปสรรคจากหนังสือที่ท่อง
ศีลแปดไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ อยู่บ้านก็หมดสิทธิ์ถือ เคยถือแล้วพ่อบ่นแล้วพยายามหาข้าวให้กิน
คือไม่ได้เกลียดธรรมะนะคะ จริงๆท่านก็ชอบทำบุญ แต่พ่อคิดว่า คนที่เข้าวัดคือคนแก่เบื่อโลก
พ่อไม่ชอบคนที่ไม่เอาเรื่อง ลาภ ยศ สรรเสริญ เกียรติยศ เพราะเป็นคนขี้เกียจ
จริงๆเราก็กิเลสหนาแหละค่ะ แต่ว่าไม่ได้อยากได้ที่ต้องแลกมากับการเสี่ยงนรก
ไม่ได้อยากอยู่ในดงผู้มีอิทธิพล เศร้า ดีลกับพ่อยังไงก็ดีลไม่ได้
(เอ๊ะ ประเด็นไปไหนแล้ว)
#7
โพสต์เมื่อ 16 June 2009 - 02:36 AM
ปฏิบัติธรรม 1 สัปดาห์ที่หมายถึง คือการปฏิบัติธรรมนอกสถานที่นะคะ ไม่ใช่ที่บ้าน อาจจะเป็นที่วัด หรือสถานที่เฉพาะสำหรับปฏิบัติธรรมที่เค้าจัดขึ้น ส่วนตอนอยู่ที่บ้านนั่งได้ทุกวัน..โดยเฉพาะเวลาตื่นนอนและก่อนนอน สามารถทำได้ในห้องนอน ซึ่งพ่อแม่คงไม่ได้ตามมาดูตอนเราจะนอนแน่ๆ
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#8
โพสต์เมื่อ 16 June 2009 - 10:13 AM