จำเป็นไหมต้องทำบุญเยอะถึงจะรวย
#1
โพสต์เมื่อ 11 November 2010 - 04:57 PM
ขอบคุณมากคับ
#2
โพสต์เมื่อ 11 November 2010 - 07:17 PM
แต่ถ้า "...ต้องทำบุญเยอะๆถึงจะรวย..." อันนี้ชัวร์ครับ
#3
โพสต์เมื่อ 11 November 2010 - 08:09 PM
แต่อย่างไรก็ตาม
ทำน้อยก็รวยมาก ทำมากก็รวยกว่าคนที่ทำน้อย
แต่ตรงนี้มันมีอยู่ 2ทฤษฎีครับ
1. ทฤษฎีความบริสุทธิ์ คือผู้ให้บริสุทธิ์ วัตถุบริสุทธิ์ ผู้รับบริสุทธิ์
2. ทฤษฎีความศรัทธา คือปลื้มปีติทั้งก่อนทำ ขณะทำ และหลังทำ
#4
โพสต์เมื่อ 11 November 2010 - 09:13 PM
บุญเป็นธาตุสำเร็จ สามารถบันดาลได้ทุกสิ่งทุกอย่าง
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#5
โพสต์เมื่อ 11 November 2010 - 09:22 PM
#6
โพสต์เมื่อ 11 November 2010 - 09:43 PM
ไม่จำเป็นครับ
การสร้างทานกุศล เป็นเหตุหนึ่งที่ส่งผลให้มีทรัพย์สมบัติ
และทานกุศลไม่ได้จำกัดแค่ บริจาคเงิน
เงิน เป็นวัตถุทาน อย่างหนึ่งที่นำมาเปลี่ยนแปรให้เป็นทานวัตถุอื่น ๆ เช่น ปัจจัย ๔ บริขาร ๘ และสิ่งของที่ควรแก่สมณะ
ศึกษา :
ทานวัตถุ ๑๐
ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก
รวบรวมโดย ประณีต ก้องสมุทร
http://www.84000.org...k/bookpn01.html
#7
โพสต์เมื่อ 11 November 2010 - 10:28 PM
เมื่อเหตุปัจจัยถึงพร้อม ก็อำนวยผลตามเหตุปัจจัย และสมบัตินั้นก็ไม่ควรนำมาเสวยตามใจกิเลศ แต่ให้นำมาต่อบุญเพื่อการสร้างบารมีโดยเฉพาะเป็นกองเสบียงให้ภาคปราบ
หากท่านใดอยากจะสร้างทานบารมีแบบพระโพธิสัตว์เจ้า หรือพระอริยเจ้า ที่เป็นต้นบุญต้นแบบมา ก็เป็นสิ่งดี แต่ควรใช้ปัญญาและดูบริบทด้วยนะครับ
ผู้นำบุญ ผู้บอกบุญ ก็ควรบอกด้วยความระวัง มิฉะนั้นจะเกิดการเข้าใจผิดว่าวัดเราต้องทำบุญจนหมดตัวเท่านั้น
...............................................
ผมเองก็อยากจะทำทานขั้นปรมัตถ์ แบบว่าสละชีวิตเลย แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงกาละเทศะที่สมควรครับ อิอิ ส่วนทานบารมีก็ตั้งใจทำให้ดีที่สุดครับ
...............................................
คำว่า ทำบุญ มีตั้งแต่ บุญกิริยาวัตถุ 10 และเข้มข้นไปจนถึงบารมีทั้ง 10 แต่สิ่งที่อำนวยผลเป็นสมบัติจะเกี่ยวกับเรื่อง ทาน ครับ
...............................................
อีกสิ่งที่สำคัญ หากเราสร้างปัญญาบารมีมากๆ รู้จักใช้ปัญญาในการทำมาหากิน ก็รวยได้ครับ เป็นมหาเศรษฐีรวยโคตรได้เหมือนกัน บวกกับทานบารมีด้วย ช่วยๆกันหนุนครับ
สำคัญคือ ต้องเข้าใจว่า สิ่งที่ทำไปนั้นเป็นการสร้างบุญบารมี แล้วเราก็จะได้บุญบารมีมาอำนวยผลตามเหตุปัจจัยครับ
ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ
ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ
เราตถาคต คือธรรมกาย
#8
โพสต์เมื่อ 11 November 2010 - 10:34 PM
...การทำตาม หรืออยากเป็นเช่นนั้นบ้าง ไม่ใช่เรื่องผิดใช่ไหม? เพราะมันเป็นเรื่องจริงที่พระศาสดาทรงยืนยันผลของทานไว้อย่างชัดเจน ให้เงิก็ได้เงิน ให้ทองก็ได้ทอง ให้รัตนะชาติ ก็ได้รับรัตนะชาติ เรียกว่า ทำอะไรไว้ ก็ได้อย่างนั้น นี้เป็นไปตามกฎแห่งกรรมทั้งสิ้น ...ขอตอบไว้เพื่อเป็นธรรมะทาน เพื่อหวังมิให้มองกันผิดๆ เดี๋ยวจะติดวิบากกรรมโดยไม่รู้ตัวได้ ด้วยไปขัดคนที่เขาอยากจะทำบุญ แต่แท้จริงแล้ว ใครจะทำทานหรือไม่นั้น สุดแท้แต่เจ้าตัว เพราะใครทำ ใครก็ได้ คนอื่นได้แค่ดู ถ้าชอบก็ได้แค่อนุโมทนาเท่านั้น ...เอวัง ด้วยประการละฉะนี้
#9
โพสต์เมื่อ 12 November 2010 - 06:20 AM
ลองคิดถึงมหาทุคคตะนะครับ ปัจจัยที่ท่านถวายอาจจะน้อยถ้าเทียบกับคนมั่งมี
#10
โพสต์เมื่อ 12 November 2010 - 10:21 AM
#11
โพสต์เมื่อ 12 November 2010 - 07:51 PM
ปลูกเป็นไร่ แต่ไม่ได้ดูแลเลย ผลก็คือยังสู้ปลูกต้นเดียวยังไม่ได้เลย
แต่หากปลูกเป็นไร่ แล้วดูแลอย่างดี ผลที่ได้ก็จะได้เงินแยอะ
ต้นบุญก็จะคล้ายๆกัน ปลื้มมาก เงินเพียงนิดที่ทำทานไป ก็จะได้ผลมาก
แต่หากปลื้มน้อย เงินจำนวนมากที่ทำทานไป ก็จะได้ผลน้อยมาก
ดังนั้น ทำเต็มที่ แต่ตัวเองไม่ลำบาก ดีที่สุด เพื่อที่จะไม่นึกเสียดายในหลังทำบุญ แล้วนึกแล้วอธิฐานทุกวัน ผลบุญจะมาตอบแทนอย่างรวดเร็ว หากจะเปรียญเทียบดังนี้
ลำดับขั้นการส่งผลของบุญบาปของแต่ละคนไม่เหมือนกันเช่น
นาย ก. มีลำดับขั้นการส่งผลของบุญบาป ดังนี้
1. บุญจากเคยทำทาน 10 บาทในภพชาติก่อนๆ
2. บาปจากเคยตระหนี่ในภพชาติก่อนๆ
3. บาปจากเคยตระหนี่ในภพชาติก่อนๆ
4. บุญจากเคยทำทาน 20 บาทในภพชาติก่อนๆ
5. บาปจากเคยขโมยเขาในภพชาติก่อนๆ
6. บาปจากเคยขโมยเขาในภพชาติก่อนๆ
7. บาปจากเคยขโมยเขาในภพชาติก่อนๆ
8. บาปจากเคยทำลายทรัพย์เขาในภพชาติก่อนๆ
9. บุญจากเคยทำทาน 2000 บาทในภพชาติที่แล้ว
คราวนี้นาย ก. ได้อธิฐานทุกวันว่า ขอให้รวยๆๆๆ บังเอิญว่าทำบุญกับคุณยายของเราเช่น บุญกฐินที่มีอนิสงมาก คุณยายมีวิชาธรรมกาย ที่สามารถไปกลั่นละเอียด เปลี่ยน ลำดับของผลบุญและบาป ที่มาส่งผลอย่างสะเปะสะปะ(random) โดยใช้บุญในปัจจุบันมาเชื่อมสายบุญในอดีต ให้ส่งผลออกมาดังนี้
1. บุญจากเคยทำทาน 2000 บาทในภพชาติที่แล้ว
2. บุญจากเคยทำทาน 10 บาทในภพชาติก่อนๆ
3. บุญจากเคยทำทาน 20 บาทในภพชาติก่อนๆ
4. บาปจากเคยตระหนี่ในภพชาติก่อนๆ
5. บาปจากเคยขโมยเขาในภพชาติก่อนๆ
6. บาปจากเคยขโมยเขาในภพชาติก่อนๆ
7. บาปจากเคยขโมยเขาในภพชาติก่อนๆ
8. บาปจากเคยทำลายทรัพย์เขาในภพชาติก่อนๆ
9. บาปจากเคยตระหนี่ในภพชาติก่อนๆ
แต่ว่าพญามารเขาก็สอดละเอียด ไม่ยอมให้ผังสำเร็จเป็นไปตามข้างบน
แต่ทางคุณยายก็กันได้บางส่วน ทำให้มีผลดังนี้
1. บาปจากเคยตระหนี่ในภพชาติก่อนๆ
2. บุญจากเคยทำทาน 10 บาทในภพชาติก่อนๆ
3. บุญจากเคยทำทาน 20 บาทในภพชาติก่อนๆ
4. บุญจากเคยทำทาน 2000 บาทในภพชาติที่แล้ว
5. บาปจากเคยขโมยเขาในภพชาติก่อนๆ
6. บาปจากเคยขโมยเขาในภพชาติก่อนๆ
7. บาปจากเคยขโมยเขาในภพชาติก่อนๆ
8. บาปจากเคยทำลายทรัพย์เขาในภพชาติก่อนๆ
9. บาปจากเคยตระหนี่ในภพชาติก่อนๆ
จากตรงนี้หลายๆคน ก็จะเคยได้ยินเคสแต่ละเคสว่า หลังทำบุญแล้ว การทำมาหากินดีมากจากเดิม อย่างเห็นได้อย่างชัดเจน รวมถึงตัวผมเองด้วย ที่เจอเหตุการแบบนี้
ได้เห็นแผนผังตามลำดับนี้ น่าจะเข้าใจมากขึ้นนะครับ
#12
โพสต์เมื่อ 12 November 2010 - 08:55 PM
นรอ.อ๊อฟครับ หายสงสัยแล้วมั้ง
#13
โพสต์เมื่อ 12 November 2010 - 10:42 PM
#14
โพสต์เมื่อ 13 November 2010 - 08:02 AM
สาธุ
#15
โพสต์เมื่อ 16 November 2010 - 12:46 PM
แต่กระนั้นก็ตาม เมื่อสามเณรทิ้งขยะเรียบร้อยแล้ว จึงอธิษฐานจิตขึ้นว่า ด้วยบุญที่นำขยะที่วัดมาทิ้งนี้ ขอให้มีปัญญาแผ่ไพศาลประดุจน้ำในแม่น้ำใหญ่สายนี้ ฝ่ายพระเถระก็เดินตามมาห่างๆ เพื่อจะดูว่า สามเณรทิ้งขยะเรียบร้อยดีหรือไม่ ครั้นได้ยินสามเณรอธิษฐานเช่นนี้ ก็เลยอธิษฐานตามว่า ขอให้มีปัญญาแก้ปัญหาของสามเณรได้ทุกปัญญา ประดุจฝั่งที่ล้อมแม่น้ำสายนี้ไว้
หลังจากชาตินั้น ละโลกไปแล้ว ก็เวียนว่ายอยู่ ชาติสุดท้าย สามเณรได้มาเกิดเป็น พระยามิลินทร์ ผู้มีปัญญามาก อีกทั้งร่ำรวย เพราะเป็นกษัตริย์ ด้วยบุญแค่นำขยะที่วัดไปทิ้ง(ด้วยความไม่เต็มใจด้วยนะ ถ้าเต็มใจล่ะ บุญจะขนาดไหน)
ส่วนพระเถระได้มาเกิดเป็นพระภิกษุ นามว่า พระนาคเสน ผู้ตอบปัญหาของพระยามิลินทร์เจ้าปัญหาได้ทุกเรื่องทีเดียว จนพระยามิลินทร์ออกบวชในพระพุทธศาสนา
#16
โพสต์เมื่อ 17 November 2010 - 02:40 PM