ไปที่วัดปทุมวนารามนะครับ ข้าง ๆ สยามพารากอน เดินเข้าไปข้างในลึก ๆ มีศาลาพระราชศรัทธา ดูในภาพด้านบน มีพระบรมสารีริกธาตุข้อพระหัตถ์เบื้องขวาของพระพุทธเจ้า ( ประดิษฐานอยู่ในซุ้มฐานสูง ๆ ที่เห็นในรูป ) และมีพระธาตุหลวงปู่ดุล หลวงปู่มั่น พระบรมสารีริกธาตุทั่วไปและมีพระบรมสารีริกธาตุที่พวกพญานาคนำมาถวาย และมี..... พระธาตุพญานาค ประดิษฐานอยู่ที่นั้น ( พระธาตุของพญานาคที่บำเพ็ญศีลภาวนาจนสำเร็จมรรคผล ประดิษฐานอยู่ในครอบโถแก้วที่ตั้งอยู่สูงหน่อยที่อยู่ตรงกลางระหว่างงาช้างทั้ง 2 งาน่ะเห็นไหม ) บ้านใครงูชุม งูมีโพรงอยู่แถวบ้าน ไปที่วัดนี้เลยครับ นำพวงมาลัยไปถวายพระธาตุพญานาค แล้วขออธิฐานว่าอย่าให้งูเข้ามาในบ้าน หรือทำอันตรายคนในบ้านหรืออะไรทำนองนี้พูดเอาเอง คือที่บ้านแม่ผม มันมีโพรงงูเห่าเจ้าที่อยู่หลังบ้านน่ะ มันเป็นโพรงอยู่ใต้ดิน ทางเข้าทางออกของมันจะอยู่ข้าง ๆ บ้านริมรั่ว ข้างบนโพรงก็เป็นส่วนของบ้านผมที่ลาดซีเมนท์และมีเตาถ่านที่แม่ผมทำกับข้าวตั้งอยู่ ผมไปอธิฐานขอกับพระธาตุพญานาค อย่าให้งูเห่านี้ เข้ามาในบ้าน ทุกวันนี้งูเห่าเจ้าที่นั้นก็ออกหากินข้างนอกเลื้อยออกไปนอกบ้านตลอด โดยไม่ได้เข้ามายุ่งในบ้านเลย แค่ไปหากินแล้วก็กลับ ต่างฝ่ายต่างอยู่ ใครกำลังปวดหัวเองงูไปได้เลยครับ
บ้านใครหรือแถวบ้านใครมีงูเยอะบ้าง แล้วกลัวมันเข้าบ้าน แนะนำไปไหว้พระธาตุพญานาค
#1
โพสต์เมื่อ 24 September 2006 - 07:45 PM
ไปที่วัดปทุมวนารามนะครับ ข้าง ๆ สยามพารากอน เดินเข้าไปข้างในลึก ๆ มีศาลาพระราชศรัทธา ดูในภาพด้านบน มีพระบรมสารีริกธาตุข้อพระหัตถ์เบื้องขวาของพระพุทธเจ้า ( ประดิษฐานอยู่ในซุ้มฐานสูง ๆ ที่เห็นในรูป ) และมีพระธาตุหลวงปู่ดุล หลวงปู่มั่น พระบรมสารีริกธาตุทั่วไปและมีพระบรมสารีริกธาตุที่พวกพญานาคนำมาถวาย และมี..... พระธาตุพญานาค ประดิษฐานอยู่ที่นั้น ( พระธาตุของพญานาคที่บำเพ็ญศีลภาวนาจนสำเร็จมรรคผล ประดิษฐานอยู่ในครอบโถแก้วที่ตั้งอยู่สูงหน่อยที่อยู่ตรงกลางระหว่างงาช้างทั้ง 2 งาน่ะเห็นไหม ) บ้านใครงูชุม งูมีโพรงอยู่แถวบ้าน ไปที่วัดนี้เลยครับ นำพวงมาลัยไปถวายพระธาตุพญานาค แล้วขออธิฐานว่าอย่าให้งูเข้ามาในบ้าน หรือทำอันตรายคนในบ้านหรืออะไรทำนองนี้พูดเอาเอง คือที่บ้านแม่ผม มันมีโพรงงูเห่าเจ้าที่อยู่หลังบ้านน่ะ มันเป็นโพรงอยู่ใต้ดิน ทางเข้าทางออกของมันจะอยู่ข้าง ๆ บ้านริมรั่ว ข้างบนโพรงก็เป็นส่วนของบ้านผมที่ลาดซีเมนท์และมีเตาถ่านที่แม่ผมทำกับข้าวตั้งอยู่ ผมไปอธิฐานขอกับพระธาตุพญานาค อย่าให้งูเห่านี้ เข้ามาในบ้าน ทุกวันนี้งูเห่าเจ้าที่นั้นก็ออกหากินข้างนอกเลื้อยออกไปนอกบ้านตลอด โดยไม่ได้เข้ามายุ่งในบ้านเลย แค่ไปหากินแล้วก็กลับ ต่างฝ่ายต่างอยู่ ใครกำลังปวดหัวเองงูไปได้เลยครับ
#2
โพสต์เมื่อ 24 September 2006 - 08:44 PM
หลายคงคิดว่าผมอาจจะเว่อร์ไปหน่อย แต่ขอยืนยันนั่งยันนอนยันตีลังกายันเลยครับ ว่าการนั่งแผ่เมตตาถือเป็นสุดยอดเกราะคุ้มกันภัยอย่างดีเยี่ยมกว่าสิ่งอื่นใดทั้งปวงครับ มีเหตุการณ์ระทึกอีกหลายเรื่องครับแต่ขอเงียบดีกว่า
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#3
โพสต์เมื่อ 24 September 2006 - 09:17 PM
๗. นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง
ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต
อิทธูปะเทสะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ
ในบทที่ ๗. เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้า ให้พระโมคคัลลาน์ อัครมหาสาวกไปต่อสู้เอาชนะพระยานาคชื่อ นันโทปนันทะ ผู้มีเล่ห์เหลี่ยมในการต่อสู้มากหลาย จึงถือเป็นบทที่ใช้เอาชนะเล่ห์เหลี่ยมกุศโลบาย คำแปล- องค์พระจอมมุนี ได้โปรดให้พระโมคคัลลาน์เถระ นิรมิตกายเป็นนาคราช ไปทรมานพระยานาคชื่อ นันโทปนันทะ ผู้มีฤทธิ์มากให้พ่ายแพ้ด้วยวิธีอันเป็นอุปเท่ห์แห่งฤทธิ์ ด้วยเดชะอันนี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่เรา
ส่วนบทเต็มคาถาบทนี้ หวังว่าคงมีแล้วนะครับ
มีอีกบทคาถา คาถาธุดงค์
(แผ่เมตตาให้เทวดา)
เมตตัญจะ สัพพะโลกัสมิง มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง
อุทธัง อะโธ จะ ติริยัญจะ อะสัมพาธัง อะเวรัง อะสะปัตตัง
ติฏฐัญจะรัง นิสินโน วา สะยาโน วา ยาวะตัสสะ วิคะตะมิทโธ
เอตัง สะติง อะธิฏเฐยยะ พรัหมะเมตัง วิหารัง อิธะมาหุ
ทิฏฐิญจะ อะนุปะคัมมะ สีละวา ทัสสะเนนะ สัมปันโน
กาเมสุ วิเนยยะ เคธัง นะ หิ ชาตุ คัพภะเสยยัง ปุนะเรตีติฯ
บทวิรูปักเข
(แผ่ให้สัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย เช่น งู เป็นต้น)
วิรูปักเขหิ เม เมตตัง เมตตัง เอราปะเถหิ เม
ฉัพยาปุตเตหิ เม เมตตัง เมตตัง กัณหาโคตะมะเกหิจะ
อะปาทะเกหิ เม เมตตัง เมตตัง ทิปาทะเกหิ เม
จะตุปปะเทหิ เม เมตตัง เมตตัง พะหุปะเทหิ เม
มา มัง อะปาทะโก หิงสิ มา มัง หิงสิ ทิปาทะโก
มา มัง จะตุปปะโท หิงสิ มา มัง หิงสิ พะหุปปะโท
สัพเพ สัตตา สัพเพ ปาณา สัพเพ ภูตา จะ เกวะลา
สัพเพ ภัทรานิ ปัสสันตุ มา กิญจิ ปาปะมาคะมา
อัปปะมาโณ พุทโธ อัปปะมาโณ ธัมโม อัปปะมาโณ สังโฆ
ปะมาณะวันตานิ สิริสะปานิ อะหิ วิจฉิกา สะตะปะที
อุณณานาภี สะระพู มูสิกา กะตา เม รักขา กะตา เม
ปะริตตา ปะฏิกกะมันตุ ภูตานิ โสหัง นะโม ภะคะวะโต
นะโม สัตตันนัง สัมมาสัมพุทธานังติฯ
#4
โพสต์เมื่อ 24 September 2006 - 10:12 PM
Someday I'm gonna be free.
#5
โพสต์เมื่อ 25 September 2006 - 12:11 AM
#6
โพสต์เมื่อ 25 September 2006 - 12:11 AM
ถูกต้องครับ และอีกหนึ่งเหตุผลสนับสนุนก็คือ เนื่องจากคำว่า "เดรัจฉาน หรือติรัจฉาน" นั้น แปลว่า สัตว์ผู้มีลำตัวไปตามขวาง โดยนัยนี้ขวางต่ออะไร? ขวางต่อหนทางมรรคผลนิพพานนั่นเอง ดังนั้น พญานาคจึงไม่สามารถบรรลุมรรคผลนิพพานได้ด้วยประการฉะนี้แล
ฉัพยาปุตเตหิ เม เมตตัง เมตตัง กัณหาโคตะมะเกหิจะ
อะปาทะเกหิ เม เมตตัง เมตตัง ทิปาทะเกหิ เม
จะตุปปะเทหิ เม เมตตัง เมตตัง พะหุปะเทหิ เม
มา มัง อะปาทะโก หิงสิ มา มัง หิงสิ ทิปาทะโก
มา มัง จะตุปปะโท หิงสิ มา มัง หิงสิ พะหุปปะโท
สัพเพ สัตตา สัพเพ ปาณา สัพเพ ภูตา จะ เกวะลา
สัพเพ ภัทรานิ ปัสสันตุ มา กิญจิ ปาปะมาคะมา
อัปปะมาโณ พุทโธ อัปปะมาโณ ธัมโม อัปปะมาโณ สังโฆ
ปะมาณะวันตานิ สิริสะปานิ อะหิ วิจฉิกา สะตะปะที
อุณณานาภี สะระพู มูสิกา กะตา เม รักขา กะตา เม
ปะริตตา ปะฏิกกะมันตุ ภูตานิ โสหัง นะโม ภะคะวะโต
นะโม สัตตันนัง สัมมาสัมพุทธานังติฯ
บทสวดมนต์บทนี้ จัดเป็นบทสวดพระปริตร อันมีนามว่า "ขันธปริตร" ซึ่งเป็นบทสาธยายสำหรับใช้ในการแผ่เมตตาจิตไปยังตระกูลพญานาคทั้ง ๔ อันประกอบด้วย ตระกูลวิรูปักษ์ (มีสีกายงามดั่งทอง) ตระกูลเอราบถ (มีกายสีเขียวดั่งมรกต) ตระกูลฉัพยาบุตร (มีกายดั่งสีรุ้ง) และตระกูลกัณหาโคตมกะ (มีกายดำประดุจนิล) ดังนี้
อารามรุกขฺเจตฺยานิ มนุสฺสา ภยตชฺชิตา
เนตํ โข สรณํ เขมํ เนตํ สรณํมุตฺตมํ
เนตํ สรณมาคมฺม สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจติ
โย จ พุทธญฺจ ธมฺมญจ สงฺฆญฺจ สรณํ คโต
จตฺตาริ อริยสจฺจานิ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสติ
ทุกฺขํ ทกฺขสมุปฺปาทํ ทุกฺขสฺส จ อติกฺกมํ
อริยญฺจฏฐํคิกํ มคฺคํ ทุกฺขูปสมาคามินํ
เอตํ โข สรณํ เขมํ เอตํ สรณมุตฺตมํ
เอตํ สรณมาคมฺม สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจติ
ย่อมยึดเอาภูเขาบ้าง ป่าบ้าง อารามบ้าง ต้นไม้ที่เป็นเจดีย์บ้าง
ว่าเป็นที่พึ่ง นั่นไม่ใช่สรณะอันเกษม นั่นไม่ใช่สรณะอันอุดม
เพราะบุคคลอาศัยสรณะนั้นแล้ว ไม่สามารถหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้
ส่วนผู้ใดยึดพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ ว่าเป็นที่พึ่ง
เห็นอริยสัจ ๔ ด้วยปัญญาอันชอบของตน
คือ เห็นทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ความดับทุกข์ และมรรคมีองค์ ๘ อันประเสริฐ
ซึ่งยังบุคคลให้ถึงความสงบแห่งทุกข์
สรณะนั่นแลเกษม สรณะนั่นแลอุดม
เพราะบุคคลอาศัยสรณะนั่นแล้ว ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวง
***ท้ายที่สุดนี้ ขอให้ท่านทั้งหลายพึงอาศัยสรณะอันสูงสุดเกษมศานต์อย่างไม่มีอื่นใดยิ่งกว่า เป็นนิยยานิกธรรมนำพาตนเองและหมู่สัตว์ให้ล่วงพ้นจากบ่วงแห่งมาร อีกทั้งเครื่องร้อยรัดทั้งหลายในสังสาร และพึงเป็นผู้ถึงพร้อมบริบูรณ์ด้วยพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ ญาณรัตนะ อันขึ้นตรงต่อธรรมภาคขาวที่บริสุทธิ์สะอาดปราศจากมลทินโดยส่วนเดียว ทั้งในภพนี้และตลอดไปทุกภพทุกชาติ ตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรมเทอญฯ
ไฟล์แนบ
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#7
โพสต์เมื่อ 25 September 2006 - 11:30 AM
#8
โพสต์เมื่อ 25 September 2006 - 01:34 PM
(ใครเห็นงูแล้วอย่าเพิ่งไปตีนะ)
#9
โพสต์เมื่อ 25 September 2006 - 05:44 PM
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
#10
โพสต์เมื่อ 26 September 2006 - 06:14 PM
ในแง่วิทยาศาสตร์น่าจะมีเหตุผลว่ามะนาวมีสภาพเป็นกรด
ถ้าถูกผิวหนังงูจะแสบร้อน..งูจึงกลัวมะนาว
#11
โพสต์เมื่อ 27 September 2006 - 04:01 PM
โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน
นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ . . . ฯ ๑๖๐ ฯ
เราต้องพึ่งตัวเราเอง
คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
บุคคลผู้ฝึกตนดีแล้ว
ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้แสนยาก
Oneself indeed is master of oneself,
Who else could other master be?
With oneself perfectly trained,
One obtains a refuge hard to gain