ขอคำแนะนำจากเพื่อนทางธรรมหน่อยนะคะ เจ้านายเราเป็นคนเจ้าอารมณ์มาก จะหงุดหงิดได้ทุกเรื่อง
บางครั้งเรื่องนิดเดียว แต่เธอสามารถทำให้อารมณ์ขึ้นได้ เวลาเธอโมโหเรา เธอจะทำเสียงปึงปังใส่ เช่น
ปิดตู้เอกสารเสียงดัง ๆ หรือเขวี้ยงโทรศัพท์ใส่ แต่ไม่โดนเรานะ ใส่โต๊ะนะ แล้วเธอก็จะเสียงดังลั่นออฟฟิศเลย
แม้บางครั้งเราไม่ผิด แต่เธอจะไม่รับฟังเหตุผล เธอจะระบายอารมณ์จนเธอพอใจ เธอจะไม่ฟังเหตุผลของใครเลย
เธอจะคิดว่าเธอถูกเสมอ ทุกวันนี้เราเหมือนคนหวาดกลัวว่าไปทำงานวันนี้จะโดนอะไรบ้าง บางสิ่งที่เธอทำ
มันยากจะทำใจรับได้ บางครั้งพยายามจะอธิบายเหตุผล ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่เธอกลับยิ่งไม่พอใจ
และอารมณ์เธอมีได้ทุกวัน เราทำงานอย่างหวาดกลัว แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี หางานใหม่ ทุกคนก็ทราบดีว่า
การเริ่มงานใหม่นั้นก็ไม่ง่ายเท่าไหร่ ในการปรับตัว ขอคำแนะนำดีดีหน่อยนะคะ ขอบคุณคะ
ทำอย่างไรกับเจ้านายเจ้าอารมณ์
เริ่มโดย น้ำค้างกลางใจ, Mar 12 2009 09:27 PM
มี 10 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 12 March 2009 - 09:27 PM
#2
โพสต์เมื่อ 12 March 2009 - 09:42 PM
น่าเห็นใจนะครับ บางทีเจ้านายอาจจะถูกกดดันจนเธอมีความรู้สึกว่าอยากจะโต้ตอบกับปัญหาที่เจอบ้าง โดยการระบายออกแบบนี้ เพราะสิ่งที่คุณเจออาจจะไม่ใช้ปัญหาที่แท้จริงสำหรับเขา ปรับที่เขาไม่ได้ต้องที่เราง่ายสุดครับ นิ่ง เลี่ยงได้เลี่ยงอย่าพยายามอธิบายเหตุผลตอนที่เจ้านายโกรธ ให้เย็นลง ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดอย่าให้บกพร่อง ลองดูนะคุณ น้ำค้างกลางใจ
#3
โพสต์เมื่อ 12 March 2009 - 11:33 PM
ตอนนี้อากาศร้อนมากครับ
เป็นเชื้อปะทุภายนอก เป็นสิ่งเร้าให้คนใจร้อน โมโหง่าย หงุดหงิด ฉุนเฉียว
ยิ่งพวกชอบตีกอล์ฟ ออกรอบ เวลาทีออฟก็จะหงุดหงิด เร่งเร้าให้ก๊วนหน้า เร็วๆ พอไม่เร็วก็หงุดหงิด
มากๆเข้าก็สบถคำหยาบออกมา ทั้งที่จบโท จบเอก มีหน้าที่การงานสูงๆกันทั้งนั้น(เพราะวันนี้ไปออกรอบมา )
สรุปมันธรรมดาครับ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลวงพ่อที่ท่านนำนั่งสมาธิท่านมีเมตตาแนะนำประโยคหนึ่งว่า
"ตถตา" หมายความว่า มันก็เป็นอย่างนั้นเอง ครับ อย่าไปถือสาหาความ นิ่งๆๆ นุ่มๆๆ ใสๆๆ
ไปตามวิถีทางที่ครูไม่ใหญ่ท่านพาทำ
ผมอนุมานว่าท่าน จขกท.คงทำงานออฟฟิส นั่งทำงาน ก็ทำสามอย่าง คือตั้งใจทำงานรูทีนที่ตนเองรับหน้าที่ สองตรึกองค์พระ สามให้ ยิ้มกับ เจ้านายที่ร้อนรุ่ม แบบยิ้มใสๆจากภายในนะ รับรองว่า แหล่มเลย อิอิอิ..
ทีนี้มาหาจุดแข็งของเจ้านายของ จขกท.
ผมคิดว่า นิสัยแบบนี้ต้องเป็นคนที่ .....มีระเบียบวินัยสูง ไม่โลภ ซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา เป็นหัวหน้าคนได้ เป็นคนรักษาคำพูด เป็นเพื่อนที่น่าคบ ในการทำงานจะเป็นผู้ที่วิเคราะห์เก่ง ทุ่มเทงาน 100% มีสมาธิแรงมาก....น่าสนใจนะครับกับคนที่มีนิสัยแบบนี้...เช่นผู้ที่ดูแลระบบ "ADMIN" หลายเวบไซต์อาจจะมีแบบนี้นะครับ
เพราะถ้าไม่งั้น เวปบอร์ดเป็นสภาฯโจ้กแน่ อิอิอิ
ทีนี้ก็มาดูจุดด้อยกันครับ
คนที่มีนิสัยแบบนี้ ต้องเป็นคนที่มี.....ศัตรูเยอะ เพราะดูเป็นคนโหดร้าย ไม่มีเมตตา.....ร้อนรุ่มเป็นอารมณ์
มีโคตะวาจาเยอะ สร้างวจีกรรมาก ทำให้มักมีโรคภัยมาเบียดเบียน (จิตทำให้กายป่วย)
ท่าน จขกท.ก็ต้องหาอาหารเสริม วิตามิน หรือโสมสกัดมาฝากเจ้านายบ้างครับ เพื่อว่าธาตุหยาบเขาจะเย็นลงครับ
..
...........................................................................................................................
หรือไม่ก็ พิมพ์ที่ผมนำมาฝาก ไปแอบๆวางไว้ที่โต๊ะเจ้านาย ก็จะดีนะเผื่อท่านหยิบมาอ่านจะได้รู้ถึงโทษของการโกรธครับ
โกธนาสูตร ส. อํ. (๖๑)
ตบ. ๒๓ : ๙๖-๙๗ ตท. ๒๓ : ๘๙-๙๑
ตอ. G.S. IV : ๕๙-๖๐
“.....คนผู้โกรธ ถูกความโกรธครอบงำย่ำยีแล้ว แม้จะอาบน้ำ ไล้ทา ตัดผม โกนหนวด นุ่งผ้าขาวสะอาดแล้วกตาม...
ย่อมเป็นผู้มีผิวพรรณทราม.....
“.....คนผู้โกรธ ถูกความโกรธครอบงำย่ำยีแล้ว แม้จะนอนบนบัลลังก์อันลาด้วยฝ้าขนสัตว์ ลาด้วยฝ้าขาวเนื้ออ่อน ลาดด้วยเครื่องลาดอย่างดีทำด้วยหนังชะมด มีผ้าดาดเพดาน มีหมอนหนุนศีรษะและหนุนเท้าแดงทั้งสองข้างก็ตาม ย่อมนอนเป็นทุกข์....
“.....คนผู้โกรธ ถูกความโกรธครอบงำย่ำยีแล้ว แม้จะถือเอาสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ก็สำคัญว่าเราถือเอาสิ่งเป็นประโยชน์ แม้จะถือเอาสิ่งที่เป็นประโยชน์ก็สำคัญว่าเราถือเอาสิ่งไม่เป็นประโยชน์ ธรรมเหล่านี้อันคนผู้โกรธ... ถือเอาแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความฉิบหายมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล เพื่อทุกข์ตลอดกาล
“.....คนผู้โกรธ ถูกความโกรธครอบงำย่ำยีแล้ว แม้จะมีโภคะที่ตนหามาได้ด้วยความขยันขันแข็ง สั่งสมได้ด้วยกำลังแขนอาบเหงื่อต่างน้ำ เป็นของชอบธรรม ได้มาโดยธรรม พระราชาย่อมริบโภคะของคนขี้โกรธเข้าพระคลังหลวง....
“.....คนผู้โกรธ ถูกความโกรธครอบงำย่ำยีแล้ว แม้เขาจะมีมิตร อมาตย์ ญาติสายโลหิต เหล่านั้นก็เว้นเสียห่างไกล...
“.....คนผู้โกรธ ถูกความโกรธครอบงำย่ำยีแล้ว ย่อมประพฤติทุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ครั้นแล้วเมื่อตายไปย่อมเข้าถึง อบาย ทุคติ วินิบาตนรก....”
...............................................................................................................................................
“ชนพาลกล่าวคำหยาบด้วยวาจา ย่อมสำคัญว่าวชนะทีเดียว แต่ความอดกลั้นได้ เป็นความชนะของบัณฑิตผู้รู้แจ้งอยู่ ผู้ใดโกรธ ตอบบุคคลผู้โกรธแล้ว ผู้นั้นเป็นผู้ลามกกว่าบุคคลผู้โกรธแล้ว เพราะการโกรธตอบนั้น บุคคลไม่โกรธตอบบุคคลผู้โกรธแล้ว ย่อมชื่อว่าชนะสงครามอันบุคคลชนะได้โดยยาก ผู้ใดรู้ว่าผู้อื่นโกรธแล้ว เป็นผู้มีสติ สงบอยู่ได้ ผู้นั้นย่อมชื่อว่าประพฤติประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย คือ แก่ตนและแก่ผู้อื่น เมื่อผู้นั้นรักษาประโยชน์ทั้ง ๒ ฝ่าย คือของตนและของผู้อื่น ชนทั้งหลายผู้ไม่ฉลาดในธรรม ย่อมสำคัญบุคคลนั้นว่า เป็นคนเขลา ดังนี้”
อสุรินทกสูตรที่ ๓ ส. สํ. (๖๓๖)
ตบ. ๑๕ : ๒๔๐ ตท. ๑๕ : ๒๒๗
ตอ. K.S. I : ๒๐๔
....................................................................
ท้ายนี้ขออวยพรให้ จขกท. หลุดพ้นจากพายุแห่งความโกรธของหมู่ชนที่สัมผัสนะครับ
เป็นเชื้อปะทุภายนอก เป็นสิ่งเร้าให้คนใจร้อน โมโหง่าย หงุดหงิด ฉุนเฉียว
ยิ่งพวกชอบตีกอล์ฟ ออกรอบ เวลาทีออฟก็จะหงุดหงิด เร่งเร้าให้ก๊วนหน้า เร็วๆ พอไม่เร็วก็หงุดหงิด
มากๆเข้าก็สบถคำหยาบออกมา ทั้งที่จบโท จบเอก มีหน้าที่การงานสูงๆกันทั้งนั้น(เพราะวันนี้ไปออกรอบมา )
สรุปมันธรรมดาครับ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลวงพ่อที่ท่านนำนั่งสมาธิท่านมีเมตตาแนะนำประโยคหนึ่งว่า
"ตถตา" หมายความว่า มันก็เป็นอย่างนั้นเอง ครับ อย่าไปถือสาหาความ นิ่งๆๆ นุ่มๆๆ ใสๆๆ
ไปตามวิถีทางที่ครูไม่ใหญ่ท่านพาทำ
ผมอนุมานว่าท่าน จขกท.คงทำงานออฟฟิส นั่งทำงาน ก็ทำสามอย่าง คือตั้งใจทำงานรูทีนที่ตนเองรับหน้าที่ สองตรึกองค์พระ สามให้ ยิ้มกับ เจ้านายที่ร้อนรุ่ม แบบยิ้มใสๆจากภายในนะ รับรองว่า แหล่มเลย อิอิอิ..
ทีนี้มาหาจุดแข็งของเจ้านายของ จขกท.
ผมคิดว่า นิสัยแบบนี้ต้องเป็นคนที่ .....มีระเบียบวินัยสูง ไม่โลภ ซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา เป็นหัวหน้าคนได้ เป็นคนรักษาคำพูด เป็นเพื่อนที่น่าคบ ในการทำงานจะเป็นผู้ที่วิเคราะห์เก่ง ทุ่มเทงาน 100% มีสมาธิแรงมาก....น่าสนใจนะครับกับคนที่มีนิสัยแบบนี้...เช่นผู้ที่ดูแลระบบ "ADMIN" หลายเวบไซต์อาจจะมีแบบนี้นะครับ
เพราะถ้าไม่งั้น เวปบอร์ดเป็นสภาฯโจ้กแน่ อิอิอิ
ทีนี้ก็มาดูจุดด้อยกันครับ
คนที่มีนิสัยแบบนี้ ต้องเป็นคนที่มี.....ศัตรูเยอะ เพราะดูเป็นคนโหดร้าย ไม่มีเมตตา.....ร้อนรุ่มเป็นอารมณ์
มีโคตะวาจาเยอะ สร้างวจีกรรมาก ทำให้มักมีโรคภัยมาเบียดเบียน (จิตทำให้กายป่วย)
ท่าน จขกท.ก็ต้องหาอาหารเสริม วิตามิน หรือโสมสกัดมาฝากเจ้านายบ้างครับ เพื่อว่าธาตุหยาบเขาจะเย็นลงครับ
..
...........................................................................................................................
หรือไม่ก็ พิมพ์ที่ผมนำมาฝาก ไปแอบๆวางไว้ที่โต๊ะเจ้านาย ก็จะดีนะเผื่อท่านหยิบมาอ่านจะได้รู้ถึงโทษของการโกรธครับ
โกธนาสูตร ส. อํ. (๖๑)
ตบ. ๒๓ : ๙๖-๙๗ ตท. ๒๓ : ๘๙-๙๑
ตอ. G.S. IV : ๕๙-๖๐
“.....คนผู้โกรธ ถูกความโกรธครอบงำย่ำยีแล้ว แม้จะอาบน้ำ ไล้ทา ตัดผม โกนหนวด นุ่งผ้าขาวสะอาดแล้วกตาม...
ย่อมเป็นผู้มีผิวพรรณทราม.....
“.....คนผู้โกรธ ถูกความโกรธครอบงำย่ำยีแล้ว แม้จะนอนบนบัลลังก์อันลาด้วยฝ้าขนสัตว์ ลาด้วยฝ้าขาวเนื้ออ่อน ลาดด้วยเครื่องลาดอย่างดีทำด้วยหนังชะมด มีผ้าดาดเพดาน มีหมอนหนุนศีรษะและหนุนเท้าแดงทั้งสองข้างก็ตาม ย่อมนอนเป็นทุกข์....
“.....คนผู้โกรธ ถูกความโกรธครอบงำย่ำยีแล้ว แม้จะถือเอาสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ก็สำคัญว่าเราถือเอาสิ่งเป็นประโยชน์ แม้จะถือเอาสิ่งที่เป็นประโยชน์ก็สำคัญว่าเราถือเอาสิ่งไม่เป็นประโยชน์ ธรรมเหล่านี้อันคนผู้โกรธ... ถือเอาแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความฉิบหายมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล เพื่อทุกข์ตลอดกาล
“.....คนผู้โกรธ ถูกความโกรธครอบงำย่ำยีแล้ว แม้จะมีโภคะที่ตนหามาได้ด้วยความขยันขันแข็ง สั่งสมได้ด้วยกำลังแขนอาบเหงื่อต่างน้ำ เป็นของชอบธรรม ได้มาโดยธรรม พระราชาย่อมริบโภคะของคนขี้โกรธเข้าพระคลังหลวง....
“.....คนผู้โกรธ ถูกความโกรธครอบงำย่ำยีแล้ว แม้เขาจะมีมิตร อมาตย์ ญาติสายโลหิต เหล่านั้นก็เว้นเสียห่างไกล...
“.....คนผู้โกรธ ถูกความโกรธครอบงำย่ำยีแล้ว ย่อมประพฤติทุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ครั้นแล้วเมื่อตายไปย่อมเข้าถึง อบาย ทุคติ วินิบาตนรก....”
...............................................................................................................................................
“ชนพาลกล่าวคำหยาบด้วยวาจา ย่อมสำคัญว่าวชนะทีเดียว แต่ความอดกลั้นได้ เป็นความชนะของบัณฑิตผู้รู้แจ้งอยู่ ผู้ใดโกรธ ตอบบุคคลผู้โกรธแล้ว ผู้นั้นเป็นผู้ลามกกว่าบุคคลผู้โกรธแล้ว เพราะการโกรธตอบนั้น บุคคลไม่โกรธตอบบุคคลผู้โกรธแล้ว ย่อมชื่อว่าชนะสงครามอันบุคคลชนะได้โดยยาก ผู้ใดรู้ว่าผู้อื่นโกรธแล้ว เป็นผู้มีสติ สงบอยู่ได้ ผู้นั้นย่อมชื่อว่าประพฤติประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย คือ แก่ตนและแก่ผู้อื่น เมื่อผู้นั้นรักษาประโยชน์ทั้ง ๒ ฝ่าย คือของตนและของผู้อื่น ชนทั้งหลายผู้ไม่ฉลาดในธรรม ย่อมสำคัญบุคคลนั้นว่า เป็นคนเขลา ดังนี้”
อสุรินทกสูตรที่ ๓ ส. สํ. (๖๓๖)
ตบ. ๑๕ : ๒๔๐ ตท. ๑๕ : ๒๒๗
ตอ. K.S. I : ๒๐๔
....................................................................
ท้ายนี้ขออวยพรให้ จขกท. หลุดพ้นจากพายุแห่งความโกรธของหมู่ชนที่สัมผัสนะครับ
ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
อาจเป็นเรื่องที่แตกต่างหรือเกี่ยวข้องกับ วิทยาศาสตร์ หรือ วิศวกรรมศาสตร์
ดังนั้นเรื่องที่ข้าพเจ้าเขียนถ้าไม่ตรงกับความคิดเห็นของท่านใด ขออย่าได้มีอคติก่อน
แต่ถ้าตรงกับความคิดเห็นของท่านผู้ใด ขออย่าได้เชื่อไปก่อน
ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าเรื่องที่แสดงความเห็นเป็นแนวคิดของข้าพเจ้า
และข้อมูลที่ค้นคว้าเพื่อเสริมสร้างศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้มั่นคง
ซึ่งอาจจะถูกบ้างผิดบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็จะเป็นประโยชน์ เป็นข้อมูลหนึ่ง กับท่านที่ศึกษาทางพุทธศาสตร์
ข้าพเจ้ามีความเชื่อว่า แต่ละคนก็มีกรรมเป็นของตนเอง เราเป็นทายาทแห่งกรรม
ทำดีตามครูไม่ใหญ่ ต้องได้ดีแน่นอน
และสรุปได้ว่า การเอาธรรมในพุทธศาสนามาใช้ในการดำรงชีวิตไม่เคยล้าสมัย สามารถใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม
#4
โพสต์เมื่อ 12 March 2009 - 11:48 PM
ก็ตามคุณ Kodomo_kung ภาวะผู้นำบางทีมันเครียดมาก จากเหตุการณ์ต่าง ๆ รอบตัว น้องชายคนเล็กก็เป็นนะ แต่ด้วยความเป็นพี่น้อง น้องชายคนโตเลยเตือนไป ก็เบาลงมาได้บ้าง แต่ยิ่งไม่ห้ามนะ ยิ่งไปกันใหญ กลายเป็นนิสัยติดตัวไปเลย แค่อะไรนิดๆหน่อยๆ ก็ใช้เสียงข่มแหละ
แต่ของคุณน้ำค้างกลางใจ ด้วยความเป็นเจ้านายลูกน้อง บางทียากต่อการตักเตือน ดีไม่ดีจะโดนไล่ออก ทางที่ดี หาหนังสือดีๆ สักเล่มวางไว้ที่โต๊ะเจ้านาย หรือไม่ก็เปิดซีดีที่เกียวข้อง(ทำเป็นฟังเอง แต่เป้าหมายอยู่ที่เจ้านาย)อย่างน้อย เมื่อฟังเรื่อยๆ คงช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อย
แต่ของคุณน้ำค้างกลางใจ ด้วยความเป็นเจ้านายลูกน้อง บางทียากต่อการตักเตือน ดีไม่ดีจะโดนไล่ออก ทางที่ดี หาหนังสือดีๆ สักเล่มวางไว้ที่โต๊ะเจ้านาย หรือไม่ก็เปิดซีดีที่เกียวข้อง(ทำเป็นฟังเอง แต่เป้าหมายอยู่ที่เจ้านาย)อย่างน้อย เมื่อฟังเรื่อยๆ คงช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อย
#5
โพสต์เมื่อ 12 March 2009 - 11:56 PM
ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
อาจเป็นเรื่องที่แตกต่างหรือเกี่ยวข้องกับ วิทยาศาสตร์ หรือ วิศวกรรมศาสตร์
ดังนั้นเรื่องที่ข้าพเจ้าเขียนถ้าไม่ตรงกับความคิดเห็นของท่านใด ขออย่าได้มีอคติก่อน
แต่ถ้าตรงกับความคิดเห็นของท่านผู้ใด ขออย่าได้เชื่อไปก่อน
ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าเรื่องที่แสดงความเห็นเป็นแนวคิดของข้าพเจ้า
และข้อมูลที่ค้นคว้าเพื่อเสริมสร้างศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้มั่นคง
ซึ่งอาจจะถูกบ้างผิดบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็จะเป็นประโยชน์ เป็นข้อมูลหนึ่ง กับท่านที่ศึกษาทางพุทธศาสตร์
ข้าพเจ้ามีความเชื่อว่า แต่ละคนก็มีกรรมเป็นของตนเอง เราเป็นทายาทแห่งกรรม
ทำดีตามครูไม่ใหญ่ ต้องได้ดีแน่นอน
และสรุปได้ว่า การเอาธรรมในพุทธศาสนามาใช้ในการดำรงชีวิตไม่เคยล้าสมัย สามารถใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม
#6
โพสต์เมื่อ 13 March 2009 - 07:39 PM
น่าสงสารคุณมากๆเลยนะครับแต่ยังไงคุณก็ต้องอดทนมากๆครับ ถ้าไม่มีงานก็ไม่มีเงินใช้นะครับและหมั่นสั่งสมบุญคือ ทาน ศีล ภาวนา แล้วอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้คู่กรรมคู่เวรบ่อยๆขอให้พวกเขาเหล่านั้นจงอโหสิกรรมให้แล้วก็อธิษฐานจิตล้อมกรอบเอาไว้ให้ดี จากหนักก็คงเป็นเบาจากเบาก็คงเป็นหาย พวกเราทุกๆคนขอเป็นกำลังใจให้คุณสู้ๆนะครับเราต้องผ่านพ้นวิบากกรรมนี้ให้ได้อดทนนะครับสู้ๆ...สู้ด้วยบุญบารมี
#7
โพสต์เมื่อ 14 March 2009 - 12:00 AM
ลองแผ่เมตตาให้เค้าดู ก็ช่วยได้นะคะ ถือว่าฝึกขันติบารมีไปด้วย
เคยอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เหมือนกัน ก็ช่วยได้พอสมควรค่ะ
เคยอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เหมือนกัน ก็ช่วยได้พอสมควรค่ะ
#8
โพสต์เมื่อ 14 March 2009 - 08:37 AM
ก่อนอื่น เราต้องสงสารเขามากๆ เพราะลำพัง ตัวเขาเอง ใจเขาเอง ยังไม่สามารถควบคุมได้ แต่เขามาเป็นหัวหน้าเรา คอยควบคุมเรา คนพวกนี้น่าสงสารมากๆ เราต้องให้ความรัก ความปรารถนาดี ความเป็นห่วงเป็นใยเป็นพิเศษ แผ่เมตตาให้เขาเรื่อยๆ เหมือนกับคุณขวัญแก้วบ่อยๆ จะทำให้ทุกอย่างค่อยๆ ดีขึ้น เจ้านายเจ้าอารมณ์ เราต้องขอบคุณเขาที่เป็นตัวอย่างที่ดีมากสำหรับเรา ว่าเราจะไม่ทำอย่างนี้กับใคร จริงใจกับเขา ความจริงใจที่มาจากข้างในของเรา จะช่วยให้เขาเปลี่ยนไป (อย่าถึงกับประจบนะครับ)แต่ว่าหน้าที่การงานอย่าให้บกพร่องนะครับ
#9
โพสต์เมื่อ 14 March 2009 - 09:45 AM
QUOTE
ทำอย่างไรกับเจ้านายเจ้าอารมณ์
- ทำใจเราให้ใสก่อน...รีบตามขันธ์3เร็วไว......ดำรงตนในศีลเป็นเกราะป้องกันโทสะ..โกรธา
......ทำจิตให้เป็นสมาธิเป็นเสบียงบุญแห่งความสงบ..อย่าให้ใจขุ่นมัว
......เมื่อปัญญาบังเกิด...จะเกิดข้อคิดมากมาย...
1. โกรธ คือ โง่ โมโห คือ บ้า
2. เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ บ้าง
3. หมั่นทบทวนกรณีศึกษาฝันในฝันด้วยใจใสใส กล่าวถึงวิบากกรรมเจ้าโทสะไว้ว่า...
.....เป็นความเสี่ยงต่อทุคติ...พลาดพลั้ง นำมาซึ่งปาณาติปาต ยิ่งพลาดไปกระทำต่อบุพการี หรือ เนื้อนาบุญ ย่อมลงขุมที่ลึกมาก หากเป็นเดรัฐฉานภูมิก็มักเป็นนักล่า คือ สัตว์กินเนื้อ
.....แม้ภพต่อไปมีอัตตภาพเป็นมนุษย์...เสี่ยงต่อโรคภัย ไธรอยด์เป็นพิษ นิ่วในถุงน้ำดี
.....หากโชคดีไปสุคติ...มักได้รุปกายเป็น...ย.ยักษ์..เขี้ยวใหญ่
4. หามองอย่างผู้ใหญ่ จะรู้ว่าปัญหานี้ส่วนใหญ่มาจากการเลี้ยงดู จึงต้องมีจิตเมตตา ให้อภัยกับทุกๆคน
5. ลูกจ้าง ลูกน้อง ผู้ใต้บังคับบัญชา คงต้องอดทน ให้ตนเองอยู่รอดไว้ก่อน ในสถานการณ์นี้
วัดใจว่าพร้อมด้วยโอกาสและจังหวะแห่งการเป็นกัลยาณมิตรให้เจ้านายหรือยัง...ถ้ายังไม่พร้อมก็หยุดใจ...หยุด ใน หยุด นิ่ง ใน นิ่ง
ถ้าพร้อม...ก็ทำหน้าที่ แนะนำประโยชน์ในภายภาคนี้และภาคหน้าให้ท่านเข้าใจแจ่มแจ้ง
แล้วสันติสุขก็จะเกิดในองค์กร....
ยิ้มกันรึยังจ๊ะ...
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC
#10
โพสต์เมื่อ 14 March 2009 - 12:05 PM
เหมือนที่คุณแม่ของ MIHARU ประสบอยู่ตอนนี้เลย เล่นเอาน้ำหนักท่านลดไปไหลายกิโล พาลไม่อยากไปทำงาน อยากไปแต่วัดอย่างเดียว ขออนุญาต นำคำของคุณเถลิงเกียรติไปใช้กับคุณแม่นะคะ
อนุโมทนาบุญค่ะ
อนุโมทนาบุญค่ะ
Relax & Alert
#11
โพสต์เมื่อ 15 March 2009 - 09:14 AM
เป็นไปได้ใหม ที่เราจะอยู่อย่างคนผิงไฟบางกรณี
ธรรมดาคนเสวยอารมณ์ใดๆยอมไม่กระทบใจเรา ถ้าเราไม่เอาเข้าไปในใจเรา
แต่ทำยากจริงๆ นะครับ พยายามเอาเข้าให้น้อยที่สุด
ธรรมดาคนเสวยอารมณ์ใดๆยอมไม่กระทบใจเรา ถ้าเราไม่เอาเข้าไปในใจเรา
แต่ทำยากจริงๆ นะครับ พยายามเอาเข้าให้น้อยที่สุด