หัวใจขยาย
เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)
เมื่อวันอังคารที่ ๑๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
----------------------------------------------------
เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)
เมื่อวันอังคารที่ ๑๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
----------------------------------------------------
หลังคามหารัตนวิหารคดนี่สำคัญ เราจะเห็นเป็นโมดูล นักเรียนใหม่สงสัยโมดูลคืออะไร ก็คือหลังคาทรงปิรามิด ๔ ด้าน ทำด้วยสแตนเลส จะมีทั้งหมด ๘๖๐ โมดูล ที่จะป้องกัน ลม แดด ฝน ให้กับพุทธบุตรที่เราจะไปกราบอาราธนานิมนต์มาทั่วโลกหลากนิกาย เป็นจำนวนร่วมล้านองค์ หรือหลาย ๆ ครั้ง ก็เป็นเรือนล้าน
ถ้า หากว่า เรารีบมารับบุญตรงนี้ ทำให้เสร็จเรียบร้อย บุญก็เป็นของเรา แล้ว ภารกิจที่เราจะได้ไปกราบอาราธนาพุทธบุตรก็จะเริ่มขึ้น เราก็จะได้เห็นสมณะเป็นจำนวนมากมารวมกัน การเห็นสมณะอย่างนั้นเป็นมงคลอย่างยิ่ง ซึ่งไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลย การเห็นอย่างนี้จะทำให้เราเกิดมีปีติ มีความเบิกบาน มีความภาคภูมิใจ ขนพองสยองเกล้า มหัศจรรย์ทีเดียว เพราะฉะนั้นเรามาทำกันให้เสร็จนะจ๊ะ ทำที่ใครก็ได้ที่เรา
เดี๋ยวนี้เขารับกันเป็นโมดูลแล้วนะ ขยายหัวใจจาก ๑ กอง เป็นหลายกอง หลายกองมารวมกันเป็น ๑ โมดูล ซึ่งครูไม่ใหญ่ก็แนะนำว่า เรารื้อผังวิตกกังวลออกไปเสียเถิด อย่าไปซ้อนผังวิตกกังวลมาไว้ในใจเลย เราเอาเวลาที่เราคิดซ้ำ ๆ ซาก ๆ ว่า เราจะทำได้อย่างไร เอาที่ไหน อะไรต่าง ๆ เลิกไปเถอะ
ให้รีบลงมือทำอย่างคุณยาย อาจารย์ของเรา แค่หลับตาเบา ๆ ผ่อนคลายสบาย ใจหยุดนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกาย แล้ว ก็ทำสมาธิ ให้ใจหยุดใจนิ่ง ใจจะได้ไปเชื่อมกับท่านผู้รู้ ผู้มีอานุภาพที่อยู่ภายใน ที่จะกลั่นกาย วาจา ใจ เราให้สะอาดบริสุทธิ์ เพราะท่านก็จะเติมบุญเติมบารมีให้กับเรา แล้วก็อาศัยกายหยาบของเราไปทำหน้าที่ไปชวนผู้มีบุญทั้งหลายให้เขามาร่วมบุญ กับเรา ถ้าเราทำตามลำพังไม่ได้ บางคนถ้าเราดูแล้วกำลังบุญเขาถึง ที่จะทำเป็นโมดูลเราก็ชวนเขาเลย
ซึ่งก็จะ ไปเจอบุคคลอยู่ ๓ ประเภท คือ อินทรีย์แก่ อินทรีย์ปานกลาง แล้วก็อินทรีย์อ่อน อินทรีย์แก่พอไปชวน ก็ลงมือทำเลย ส่วน อินทรีย์ปานกลางขอคิดดูก่อน ส่วนที่อินทรีย์อ่อน ๆ ก็พูดนั่นพูดนี่ด้วยความวิตกกังวลบวกกับความหวงแหนในทรัพย์ กลัวว่า ทรัพย์จะหมดเปลืองไป กลัวว่าจะไม่มีความปลอดภัยในชีวิต อะไรสารพัด ก็จะมีวิธีการพูดที่จะปกป้องตัวเองไม่ให้สร้างมหาทานบารมี ซึ่งการทำอย่างนั้นก็เท่ากับเป็นการกันสมบัติของตัวเอง ภพชาติต่อไป ถ้าเราตระหนี่ ผังแห่งความตระหนี่นี้ก็จะติดตัวไป ทำให้ผังแห่งความลำบากยากจน ผังลำเค็ญก็จะได้ช่อง ซึ่งจะทำให้มีชีวิตที่ลำบาก
ถ้า หากเราไปชวนเขา แล้วก็อย่าไปหวั่นไหว บางทีเจอเขาทดสอบอารมณ์เรา ทดสอบดูว่า สอบผ่านไหม บางทีเขาก็พูดนั่นพูดนี่ เราก็ทำเฉย ๆ คือ เขาพูดอะไรมาก็เรื่องของเขา แต่เราว่าเรื่องของเรา อธิบายเรื่องบุญเรื่องกุศล เรื่องประโยชน์ อานิสงส์ที่เขาจะได้รับทั้งในปัจจุบัน และหลังจากละโลกแล้ว กระทั่งติดไปในภพเบื้องหน้า ก็พูดคุยให้เขาฟังอย่างนี้ แนะนำไปเรื่อย ๆ ไม่ ต้องไปวิตกกังวล ไม่ต้องไปหวั่นไหว ความเกรงใจเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าจะชวนใครสร้างบารมี ก็ไม่ต้องเกรงใจ นี่เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องตอกย้ำซ้ำเติม บอกกันบ่อย ๆ กันทุกวัน
เรา ทำอย่างนี้ก็จะได้ชื่อว่า เราได้ตามรักษาสมบัติให้เขา เหมือนเราเป็นเศรษฐีใหญ่ที่ชี้ขุมทรัพย์ให้เขา เหมือนเศรษฐีชี้หนูตายว่า ถ้าใครมีดวงบุญดวงปัญญา หาวิธีการนำซากหนูตายนี้ ไปทำให้เกิดประโยชน์ จะได้เป็นเศรษฐี ชายเข็ญใจคนหนึ่งได้ยินคำพูดของท่านเศรษฐี เกิด ดวงปัญญา คิดว่าปกติท่านเศรษฐีเป็นผู้มีวินิจฉัยถูกต้อง มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ท่านไม่เคยพูดเรื่องที่ไม่จริงเลย ดังนั้นเราจะนำซากหนูตายนี้ ไปทำให้เป็นดังที่ท่านเศรษฐีได้พูดเอาไว้ พอนำมา วิธีการก็เกิดขึ้น อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ในที่สุดก็ได้เป็นเศรษฐี แล้วก็กลับมาเป็นลูกเขยของท่านเศรษฐี
เพราะ ฉะนั้น ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เป็นลูกเขย ลูกสะใภ้เศรษฐี แต่เราก็ได้ชื่อว่า เราได้ตามรักษาสมบัติให้กับผู้มีบุญไปในภพชาติต่อไป ดังนั้นการสร้างหลังคามหารัตนวิหารคดจะแผ่วได้อย่างไร