help me pls!
#1
โพสต์เมื่อ 15 November 2006 - 11:21 AM
หรือใครพอจะทราบคำกลอนต่อนี้ไปบ้าง
....นรชาติสิวางวายมลายสิ้น...ทั้งอินทรีย์...สถิตย์ทั่ว...แต่ชั่วดีประดับไว้ในโลกา...?????? ต่อไปก็ไม่ทราบแล้วคะ[u][size=6]
รบกวนด้วยนะคะ ขอขอบพระคุณล่วงหน้าคะ
สาธุ
#2
โพสต์เมื่อ 15 November 2006 - 11:31 AM
tiki
.....**
โคลงโลกนิติ...ของเก่า
พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง
โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรี
สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา
ความดีก็ปรากฏ กิติยศฤาชา
ความชั่วก็นินทา ทุรยศยินขจร
ในบางวันฉันย้อนฝันถึงวันเก่าเก่า
ในชีวิตปัจจุบัน..มิใช่ว่าจะหงอยเหงา
แต่บางครั้ง...อ้างว้าง..เศร้า..ไม่เข้าใจ
คนในเมืองเป็นเช่นนี้หรือ...?
ต่างคนต่างถือสิทธิครอบครองของตนไว้
มีสิทธิส่วนตนมากเกินใครจะข้ามไป
มิติของหัวใจแต่ละคน...หมดหนทาง
ฉันเป็นมนุษย์งาน
จิตวิญญานมอบให้งานไว้ทุกอย่าง
จะตื่นหลับ..สัมผัสทุกรู้สึกมิจืดจาง
ใครหนอสร้างคนอย่างฉัน..ฝันทุกเวลา
ในความฝันงานของฉันอาจวนเวียน
ไปเยี่ยมเยียนจิตวิญญานแห่งโลกหล้า
ญานสงบ..จิตเป็นสุขอยู่ทุกครา
ค้นพบค่า..การเกิดมา...เป็นมนุษย์
คือได้รู้เหตุผลและปัญญา
สร้างมหากุศลเป็นที่สุด
และทุกศาสนาวิสุทธิ์พุทธิ์
สุ่สิ้นสุดสังสารวัฏฏ์ตัดกรรมเวร
พ่อเคยสอนว่า
ถ้าอยากรบ...ลูกก็พูดเรื่องชี..เถร
เรื่องศาสนา..ลัทธิ..เชื่อเกิด-ตาย-เป็น
ไม่เท่าไหร่จะได้เห็นคนมารบ !!
...........................................
ดังนั้น...ฉันจะไม่พูดเรื่องศาสนา
แต่พรรณนา..ภาวะแห่งใจสงบ
และการหมุนเวียนตามจิตติดตามภพ
ใครจะคบ...หรือจะรบ..ก็ตามใจ
ด้วยรอบข้างคือพืชพันธุ์ความยุ่งยาก
คือความทุกข์ทนลำบาก...อันลื่นไหล
ในสังสาร..วัฎฎ์เวียนเกิด..เวียนตายไป
ยึดสิ่งใดเป็นสรณะ..จะไม่มี
สิ่งที่เราเคยมีมากี่ชาติ
คงประหลาดถ้าไปบอก..ของฉันนี่....??
อีกสมบัติพัศฐานในชาตินี้
ตายอีกที...ก็ตกไป..ใครจะทึ้ง..??
สิ่งสุดท้ายซากของเราใครเขาคบ??
ต้องประสบความวิบัติ..สิ้นหวงหึง
มีแต่หนอน..จะชอนไต่..ไล่ตะบึง
ที่เคยซึ้งจะซบเซา...เขา..จากลา
จะดิ้นรนโลภมากอยากถึงไหน
เฝ้าสะสมขนมาไว้...ก็รอท่า
พอลงโลง..ลงหลุม..กองสุมมา
สมบัติบ้า...เขามาขน..วนไปครอง
เหลือกี่ปี..มีเวลา..จะรังสรรค์................?.
หรือกี่วัน..??...ใครบอกได้..ทั่วทั้งผอง
ใกล้สุดท้าย..สรีระ...ซึ่งใจครอง
ก็แค่กอง...เชิงตะกอน..ฟอนไฟเปลว
เพียงเถ้าถ่าน...โปรยไสว..ในสายน้ำ
หรือจะมา...หวงมาย้ำ...ก็ล้วนเหลว
ใจสุดท้าย...คงรำลึก...ล้วนดี..เลว
เกาะสะเอว....ดวงวิญญาน...หาญสู้กรรม...?
อันพฤกษภผกาสร..โคลงกลอนเก่า
อีกกุญชร..ปลดปลงเขา...จะเรียนร่ำ
โททนต์....เสน่ง..คง ...โค้งงานำ
คือสิ่งสำ..คัญหมาย..ในกายมี
นรชาติ...สิวางวาย...สลายล้วน
มลายสิ้น...ทุกอินทรีย์ควร.....ทวนเร็วรี่
สถิตทั่ว....แต่ชั่วดี...ซึ่งตนมี
ประดับไว้ ในโลกานี้....ให้เลือกจำ.....**
ใครจะคบ..หรือใครจะรบ..ก็เชิญเลือก
สลัดเปลือก...ตัวตนออก..ปอกหงายคว่ำ
พลิกฝ่ามือ..คือพ้นโลก...โศกระกำ
หาก..คือช้ำ...ก็อย่าคบ...เชิญรบคนเดียว !
อมตะลักขณา
แด่คุณพ่อ
สองฟากสองฝั่งมหาสมุทร…….. ยังสุดกลายกล้ำเข้าใกล้
พ่ออันเป็นที่รักจากไป………………… เหมือนไกลเหมือนลับนิรันดร์
วันผ่านคืนวันชื่นสุข.................แต่นี้ไม่มีแล้วสุขสันต์
สองฟากสองฝั่งไกลกัน.................หมดวันหมดคืนชื่นอุรา
เคยร่วมสำรับกับข้าว................พ่อเฝ้าประโลมห่วงหา
เคยเย้าเคยหยอกก่อนมา……………… เหลือเพียงมายาทรงจำ
นาทีเพียงหนึ่งนาที..................เหลือเพียงนาทีกรวดน้ำ
สดับเสียงสำเนียงสงฆ์นำ………....… สองตาเอ่อน้ำพร่างพราย
ยกมือก้มกราบรูปพ่อ................วันวานกราบตักพ่อใจหาย
เสียงพูดเสียงคุยกลับกลาย……………เหลือเพียงธูปไฟหนึ่งกอง
พ่อจ๋าลูกรักพ่อนัก....................พ่ออยู่ลูกรักเคยจองหอง
หอพ่ออภัยลูกน้ำตานอง……………... สุขทั้งผองขอพ่ออยู่สบาย
สิ้นเสียงสำเนียงพระสงฆ์...........เคาะโลงลาพ่อไม่ไหว
ลูกทรุดกลางศาลาแทบขาดใจ………..เงยหน้ามองได้แค่ควัน
พ่อจ๋าลูกจะเป็นคนดี..................อดทนทำดีและขยัน
มานะมุ่งหน้าฝ่าฟัน.........................ตามฝันคำพ่อสอนมา
จะหมั่นทำคุณความดี................อุทิศบุญนี้ให้พ่อหนา
หวังเพียงพบกันอีกครา....................กราบเท้าพ่อยาสมใจ
#3
โพสต์เมื่อ 15 November 2006 - 11:54 AM
สาธุครับ
ด้ายเส้นเดียว .........ไม่เป็นผืนผ้า
อิฐก้อนเดียว .... ไม่เป็นบ้านเรือน
ทำบุญคนเดียว ...ไม่เป็นกัลยาณมิตร
#4
โพสต์เมื่อ 15 November 2006 - 12:57 PM
ด้วยอานุภาพแห่งบุญนี้ขอความปรารถนาทั้งปวงของคุณบุญโต จงสำเร็จอย่างฉับพลันปาฎิหาริย์ เวลาเกิดปัญหาใดๆให้เกิดดวงปัญญาแก้ปัญหาโดยฉับพลันทันกาลนะคะ
สาธุ
#5
โพสต์เมื่อ 15 November 2006 - 01:19 PM
ขอให้จริงด้วยเถิ๊ด
#6
โพสต์เมื่อ 15 November 2006 - 01:30 PM
บทประพันธ์นี้ เป็นพระนิพนธ์ของ สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรสพระสังฆราชเจ้า มีเนื้อความว่า
พฤษภกาสร...........อีกกุญชรอันปลดปลง (อ่านว่า พรึด-สพ-ภะ-กาสร ถึงจะถูกต้องตามฉันทลักษณ์)
โททนต์เสน่งคง.......สำคัญหมายในกายมี
นรชาติสิวางวาย........มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตย์ทั่วแต่ชั่วดี......ประดับไว้ในโลกา
(คำว่า พฤษภะ มาจากภาษาบาลีว่า อุสภะ หมายถึงโคตัวผู้ครับ)
#7
โพสต์เมื่อ 15 November 2006 - 01:53 PM
สงสัยคนพิมพ์วรรคผิดเสียแล้ว กลับไปแก้ก่อนนะคะ
ขอบคุณค่ะที่ให้ความรู้
#8
โพสต์เมื่อ 15 November 2006 - 02:43 PM
บทที่ยกมา ผมว่าน่าจะเป็นกาพย์ยานี 11 มากกว่าครับ
ยกเว้นอาจอนุโลมตามกวี (บางท่านเรียกฝีมือไม่ถึง) บอกว่าเสียงที่ตำแหน่งลหุ เป็นเสียงเบา
ก็อาจนับเป็นอินทรวิเชียรฉันท์ครับ
แต่ผมว่าฝีมือกวีขั้นนี้ กินขาดแล้วครับ น่าจะเจตนาเป็นกาพย์มากกว่า ก็แหม อ่านลิลิตตะเลงพ่ายดูสิครับ
#9
โพสต์เมื่อ 15 November 2006 - 03:10 PM
ที่ให้ความช่วยเหลือกันตอบกระทู้อย่างเร็วพลัน
ยิ่งในขณะนี้แล้ว ต้องขอเอาความเร็วพลันมาบูรณาการเข้ากับMVรถด่วนขบวนสุดท้าย (ซึ่งช่างเหมาะสมกานยิ่งนัก...อิอิ)
เร็ว ยิ่งเร็วไว เราต้องรีบไป (ให้ถึงที่สุดแห่งธรรมค่ะ)
""""ยิ่งหยุดใจ ยิ่งเร็วไว หยุดใจไว้ที่ศูนย์กลางกายของเรา"""""
"ถ้าหากข้าพเจ้า ผิดพลาดแต่ประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ"
ความคิดอันวิเศษ มาจากใจที่สงบ
ความอดทนอันสูงสุด มาจากใจที่หยุดนิ่ง
น้องขวัญ
...A LiTTle GuiDE...
อาสาสมัครแผนกมัคคุเทศก์
สังกัดกองปฏิสันถาร สำนักศรัทธาภิบาล
#10
โพสต์เมื่อ 15 November 2006 - 03:47 PM
#11
โพสต์เมื่อ 15 November 2006 - 04:53 PM
ลักษณะฉันทลักษณ์ของกาพยานี 11 นั้นนอกจากเน้นที่รูปแบบ ซ้าย 5 ขวา 6 แล้วก็เน้นที่สัมผัสสระหว่างบาทและระหว่างบท ส่วนฉันท์นั้น จะเน้นที่ครุ - ลหุ และถ้าเป็นฉันท์ที่แปลงสัญชาติเป็นไทยแล้ว ก็จะมีการเพิ่มสัมผัสคล้ายๆ กับกาพยานี 11 ด้วยครับ ซึ่งเท่าที่รู้จะมีอยู่ 2 ฉันท์คือ อินทรวิเชียรฉันท์ และอุเปนทรวีเชียรฉันท์ มีรูปแบบเป็น ซ้าย 5 ขวา 6 และเพิ่มความพิเศษของฉันทลักษณ์ไทยไปด้วย คือมีสัมผัสสระแบบกาพยานี 11
แต่คงต้องทำความเข้าใจไว้ก่อนว่าฉันท์ที่เรารู้จักกันจริงๆ แล้ว ไม่เพียงไม่กี่รูปแบบเองครับ ในหลักสูตรบาลีที่สอบกันก็มีเพียง 6 ลักษณะ และบางฉันท์ก็สาบสูญไปแล้วก็มี ถ้าเป็นไปได้ลองเอาเรื่อง "สามัคคีเภทคำฉันท์" มาดูสิครับ วรรณกรรมเรื่องนี้จะใช้ร้อยกรองประเภทฉันท์ได้หลากหลายมาก
ส่วนลิลิตนั้น เป็นร้อยกรองประเภทที่ขึ้นต้นด้วยบทร่าย แล้วตามด้วยโคลงสี่สุภาพ แต่ถ้าเป็นลิลิตในยุคก่อนรัตนโกสินทร์อาจจะมีรูปแบบที่แตกต่างออกไปบ้าง
สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส ท่านจะทรงนิพนธ์บทกวีที่ชื่อว่า "เขี้ยว" ในสมัยนั้น ภาษาที่พระองค์ใช้ก็สละสลวย เรียกว่าต้องอ่านไปตรองไปตามตัวอักษร และนี่ผลงานพระนิพนธ์ของพระองค์
โคลง
(๑) โคลงดั้นเรื่องปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพนฯ
(๒) ลิลิตกระบวนแห่พระกฐินพยุหยาตราทางสถลมารคและชลมารค
(๓) ลิลิตตะเลงพ่าย
(๔) โคลงภาพฤาษีดัดตน
(๕) โคลงภาพคนต่างภาษา
(๖) โคลงกลบท
(๗) โคลงบาทกุญชร และวิวิธมาลี
(๘) โคลงจารึกศาลาหน้าพระมหาเจดีย์ ๒ หลัง
(๙) โคลงจารึกศาลาราย ๑๖ หลัง
(๑๐) ร่ายและโคลงบานแพนก
ฉันท์
(๑) กฤษณาสอนน้องคำฉันท์
(๒) สมุทรโฆษคำฉันท์ ตอนปลาย
(๓) ตำราฉันท์มาตรพฤติและวรรณพฤติ
(๔) สรรพสิทธิคำฉันท์
(๕) ฉันท์สังเวยกล่อมวินิจฉัยเภรี
(๖) จักรทีปนีตำราโหราศาสตร์
(๗) ฉันท์ดุษฎีสังเวยกล่อมช้างพัง
ร่ายยาว
(๑) มหาเวสสันดรชาดก (เว้นกัณฑ์ชูชกและมหาพน)
(๒) ปฐมสมโพธิกถา
(๓) ทำขวัญนาคหลวง
(๔) ประกาศบรมราชาภิเศก รัชกาลที่ ๔
กลอน
(๑) เพลงยาวเจ้าพระความเรียง
(๑) พระธรรมเทศนาพระราชพงศาวดารสังเขป
(๒) พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับความสมเด็จฯ กรมพระปรมานุชิตชิโนรส เล่ม ๑–๒
ภาษาบาลี
(๑) ปฐมสมโพธิกถาฉบับภาษาบาลี มีต้นฉบับอยู่ในหอสมุดแห่งชาติ เป็นพระคัมภีร์ใบลานจำนวน ๓๐ ผูก ผูกละประมาณ ๒๔ หน้า เมื่อปริวรรตเป็นอักษรไทยและแปลออกมาแล้วจะเป็นหนังสือหนาประมาณ ๒,๑๖๐ หน้า หรือประมาณ ๒๗๐ ยก ซึ่งเป็นหนังสือพระพุทธประวัติฉบับที่มีขนาดหนาที่สุดในโลก
จะเห็นได้ว่าบทกวีนิพนธ์ของพระองค์จะไม่มีกาพยานีเลยครับ
ส่วนร่าย คือ คําประพันธ์ที่ส่วนมากใช้บรรยายเรื่องราวให้คล้องตามบังคับ สัมผัสต่างๆกันไปทุกวรรค ไม่กําหนดสั้นยาว ขึ้นอยู่กับเนื้อความที่แต่ง
#12
โพสต์เมื่อ 15 November 2006 - 05:44 PM
จาก "นรชาติสิวางวาย....มลายสิ้นทั้งอินทรีย์" หรือเปล่าคะ...รบกวนด้วยคะ
สาธุ
#13
โพสต์เมื่อ 15 November 2006 - 07:54 PM
ข้าพเจ้าขอ อนุโมทนาบุญ กับ ทุกๆท่าน ด้วยนะครับ
ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก คลิ๊กที่นี้
Who am I?__>>> CLick Here <<< to see my answer Post # 7
.
รวมภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า: คลิ๊กที่นี้คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 58 files, 120.99 MB, for easy listening dharmas.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 121 really-good-to-read e-books, 295.67 MB.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Free Download Manager ช่วย Download ไฟล์ใหญ่ๆ ต่างๆ ฟรีครับฟรี
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Acrobat Reader V.5
.
The basic knowledge of Buddhism to become a better buddhist Edition 2 คลิ๊กที่นี้
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
-= Hillary Clinton =-.... >>>>>>> CLicK HeRe <<<<<< To Be wisher, To Be smarter, and To Know Better !!!
#14
โพสต์เมื่อ 15 November 2006 - 08:10 PM
#15
โพสต์เมื่อ 15 November 2006 - 10:42 PM
พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ตอบมาน่าสนใจทีเดียว ท่านว่า ชีวิตของสุนทรภู่นั้นคลุกคลีกับบุคคลทุกชนชั้น บทกวีของท่านก็อ่านเข้าใจง่าย แม้ชาวบ้านธรรมดาที่ไม่ต้องมีการศึกษามากก็สามารถอ่านได้ จึงยึดฐานความนิยมในวงกว้าง (เรียกว่านิยมตั้งแต่รากหญ้ายันคนในรั้ววัง) ส่วนพระมหาสมณเจ้าฯ นั้น พระองค์ใช้ภาษาที่สละสลวย เพราะพระองค์เป็นเชื้อพระวงศ์ ศิลปการประพันธ์ของพระองค์ก็เป็นศิลปะชั้นสูง ดังนั้น เฉพาะคนที่มีการศึกษาเท่านั้นแหละที่จะศึกษาทำความเข้าใจในบทกวีนิพนธ์ของพระองค์ ซึ่งทั้ง 2 ท่านมีดีกันคนละแบบ แต่ยึดฐานความนิยมที่ต่างกันครับ เพราะประทับใจ 2 ท่านนี้เป็นพิเศษ ผมก็เลยไม่ค่อยจะลืม
#16
โพสต์เมื่อ 16 November 2006 - 01:36 AM
คุณบิดรดุจอา- กาศกว้าง
คุณพี่พ่างศิขรา เมรุมาศ
คุณพระอาจารย์อ้าง อาจสู้สาคร๚
จะพยายามหาและนำมาลงให้อีกครับ
#17
โพสต์เมื่อ 16 November 2006 - 11:10 AM
โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรี
สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา
มีคำแปลไหมครับ
ใครรู้ช่วยแปลด้วยครับ
#18
โพสต์เมื่อ 16 November 2006 - 02:42 PM
โคอุสภะ กระบือไพร ทั้งช้างสารที่ล้มลง (กาสร = ควายป่า)
ยังคงเหลือเขาเหลืองา เป็นเครื่องหมายรู้
นรชนชายหญิง ตายแล้วร่างกายก็สูญสลายสิ้น
คงเหลือแต่ความชั่วความดี (ที่ได้ทำไว้) ประดับไว้ในโลกแล
ใครจะเรียบเรียงให้สละสลวยก็ได้นะครับ
แต่ที่คุณบุญโตยกมา ก็มีบทขยายความอยู่แล้ว
#19
โพสต์เมื่อ 16 November 2006 - 03:14 PM
#20 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 12 February 2011 - 09:14 AM
www.porkru.com