วิบากกรรมกลิ่นตัวแรง
#1
โพสต์เมื่อ 27 June 2009 - 04:42 PM
ตอนนี้เครียดเรื่องนี้มากค่ะ
ใครมีวิธีแก้ไขกรุณาให้คำแนะนำด้วยนะคะ
กราบอนุโมทนาบุยล่วงหน้าค่ะ สาธุ
เกิดมาทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ สร้างบารมี
#2
โพสต์เมื่อ 27 June 2009 - 06:39 PM
#3
โพสต์เมื่อ 29 June 2009 - 09:03 PM
ได้ผลทันตาเห็น
ศีล 5 ถ้า ศีล 8 ยิ่งแรงเร็ว
ต้องรักษาศีลแบบเคร่งครัด และ ตั้งใจจริง ประกอบด้วยศรัทธา และ รักศีล
เพราะทำแล้วได้ผลค่ะ ถ้าทำได้ละเอียด ประกอบ ทาน ศีล ภาวนา
และอย่าคิดมาก ลืมๆ อาบน้ำ ชำระกาย วาจา ใจ
แผ่เมตตา ด้วยใจที่มีความสุข
ได้ผลค่ะ จะรู้สึกว่าเรามีกลิ่นหอมของศีล ออกมาจากภายใน
กลิ่นหอมของศีลหอมทวนลมค่ะ
ทำลืมๆถึงสิ่งที่ไม่ต้องการ
และดูแลตัวเอง
รักษาศีล
อย่าพยายามใช้ของหอมระงับกลิ่น เพราะจะเกิดปฏิกริยาเคมีมากขึ้น
อย่าลืม
รักษาศีล นะคะ ^.^
ศีล ค่ะ
ได้ผลทันตาเห็น
ศีล 5 ถ้า ศีล 8 ยิ่งแรงเร็ว
ต้องรักษาศีลแบบเคร่งครัด และ ตั้งใจจริง ประกอบด้วยศรัทธา และ รักศีล
เพราะทำแล้วได้ผลค่ะ ถ้าทำได้ละเอียด ประกอบ ทาน ศีล ภาวนา
และอย่าคิดมาก อาบน้ำ ชำระกาย วาจา ใจ
แผ่เมตตา ด้วยใจที่มีความสุข
ได้ผลค่ะ จะรู้สึกว่าเรามีกลิ่นหอมของศีล ออกมาจากภายใน
กลิ่นหอมของศีลหอมทวนลมค่ะ
#4
โพสต์เมื่อ 30 June 2009 - 08:53 AM
ทางโลกก็ลองทานอาหารที่ไม่มีกลิ่น เช่นถั่ว เครื่องเทศ และหมั่นออกกำลังกายให้มาก เหงื่อจะเอาของเสียออกจากร่างกาย อาบน้ำแล้วกลิ่นก็จะน้อยลง และดื่นน้ามากๆช่วยได้ครับ
#5
โพสต์เมื่อ 02 July 2009 - 11:38 PM
#6
โพสต์เมื่อ 18 July 2009 - 04:46 AM
ไม่ฉีดน้ำหอมใส่รักแร้
ไม่ทาแป้งที่รักแร้
ทานผักสด โดยเฉพาะ สะระแหน่
ออกกำลังกายขับของเสีย หน้าสนใจนะคะ เคยมีประสบการณ์ฯ
#7
โพสต์เมื่อ 12 January 2010 - 03:43 AM
#8
โพสต์เมื่อ 30 January 2010 - 08:32 AM
วิธีการใช้
หลังอาบน้ำแล้ว ให้นำสารส้มที่เตรียมไว้แล้วมาถูไปมาที่ใต้วงแขนให้ทั่วในขณะที่แขนยังเปียกอยู่ ทำเช่นเดียวกันทั้งสองข้าง ไม่ต้องเช็ดแขนให้แห้งเพราะจะแห้งไปเอง
การเก็บสารส้มหลังใช้ ล้างน้ำอีกครั้งแล้วเช็ดให้แห้งก่อนเก็บ
นี่คือวิธีแก้ปัญหากลิ่นตัวที่ชงัดนักของคนโบราณ ง่ายและได้ผลค่ะ ประหยัดสุดและประโยชน์สูง
โชคดีนะคะ แล้วส่งข่าวกันบ้าง สาธุๆ อย่ากังวลค่ะ
#9
โพสต์เมื่อ 30 January 2010 - 08:40 AM
งดอาหารที่มีกลิ่นแรงทั้งหลายเช่น หอมหัวใหญ่และต้นหอม งดเด็ดขาดเลยนะคะแม้ว่าจะชอบบบขนดไหน งดเลยค่ะ งดเลย โชคดีนะคะ ช่วยแจ้งข่าวด้วยค่ะ ขอรับรองค่ะว่าได้ผลชงัดมาก ไม่ต้องใช้น้ำหอมใดๆ หลังจากใช้แล้ว คราวนี้ก็จะได้กลิ่นอีกกลิ่นแทน กลิ่นศีลไงคะ ทำใจใสๆค่ะ สาธุ
#10
โพสต์เมื่อ 31 January 2010 - 11:00 PM
#11
โพสต์เมื่อ 03 February 2010 - 06:36 PM
สูตรนี้พิสูจน์ได้ค่ะ ไม่ผิดหวัง จากประสบการณ์ที่ใช้อยู่เกือบสี่สิบปีแล้วค่ะ วันไหนที่เผลอก็อยู่ได้ทั้งวันโดยไม่ได้กังวล จะ.....บอกให้ สาธุ
#12
โพสต์เมื่อ 04 February 2010 - 09:05 PM
.................................
คือว่าจะเป็นคนที่เหงื่ออกเยอะมาก.. ทั้งมือ และตรงรัก...น่ะค่ะ
ก็ไปพบคุณหมอแล้วนะคะ หมอบอกว่าต้องฉีดยาอ่ะค่ะ ทั้งมือและรัก.. ถึงจะช่วยได้.........แต่ก็ยังไม่ได้ไปฉีดง่ะ อิอิ
กลิ่นตอนนี้ก็ไม่เยอะเหมือนเมื่อก่อนแระ ..........จะลำบากก็ตรงเหงื่อที่ออกตามมือนี่แหละค่ะ
..................................
อันที่จริงกระทู้นี้ก็นานแล้วนะ........ดีค่ะ จะได้มีผู้รู้มาแนะนำเยอะๆ ^^
เกิดมาทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ สร้างบารมี
#13
โพสต์เมื่อ 05 February 2010 - 09:10 PM
เรื่องกลิ่นนี้เป็นทั้งเรื่องกรรมเก่าและกรรมใหม่น่ะ ถ้าจะพูดตามแนวของเราๆ
กรรมเก่าก็อย่างที่หลายๆท่านได้ให้ความคิดเห็น ส่วนกรรมใหม่ก็อาจจะเป็นที่เรื่องอาหารการกิน ดังนั้นเราคงต้องยอมรับกันหละ แต่ก็ถือว่าโชคดีนะคะที่ยังมีคนรู้สูตรง่ายๆที่ประหยัดและใช้ได้ผล อีกทั้งเมื่อใช้นานไป ก็ดูเหมือนว่าจะช่วยลดกลิ่นไปโดยอัตโนมัติ ก็ขอให้โชคดีนะคะ
#14
โพสต์เมื่อ 04 April 2010 - 06:09 PM
กลิ่นตัวเกิดขึ้นเป็นเรื่องของกรรม...แต่กรรมดีที่ทำไว้ช่วยให้พบทางออกได้เร็วขึ้น..
กลิ่นตัวเกิดจากจุรินทรีย์ชนิดที่มีกลิ่นแรง..จุรินทรีย์ตัวนี้มีคุณสมบัติในการกระตุ้นเงื่อได้เร็วเป็นพิเศษอีกด้วย
ผิวหนังของเราทุกคนมีจุรินทรีย์ประจำอยู่..แม้อาบน้ำชำระร่างกายจุรินทรีย์ที่อยู่ตามขุมขนก็ยังเหลืออยู่
เป็นเชื้อแพร่พันธ์ขยายได้ต่อไปไม่สิ้นสุด และช่วยป้องกันจุรินทร์ที่ไม่คุ้นเคยเข้ามายุ่ง..ถ้าเป็นชนิดที่ไม่มีกลิ่น
ก็ไม่มีปัญหา..แต่ถ้าเราได้รับจุรินทรีย์ตัวที่มีปัญหาเข้ามา..แล้วมายึดครองพื้นที่แทนจุรินทรีย์ตัวเดิม..ก็กำจัดมันยากมาก
ชาวต่างชาติ ทั้งฝรั่ง อินเดีย อาหรับ ชอบพกเชื้อมีกลิ่นสายพันธ์แปลกๆ เข้ามาเที่ยวในเมืองไทย..ทำให้คนไทย
ต้องติดเชื้อประหลาดเหล่านี้..จากเงื่อไครที่ติดตามเบาะนั่งรถยนต์ เก้าอี้นั่ง หรือการสัมผัสโดยตรง ซึ่งเชื้อบางชนิด
กำจัดไม่ยากเพราะมันไม่ชอบสิ่งแวดล้อมแบบเมืองไทยอยู่แล้ว และเชื้อบางชนิดกลิ่นไม่แรงมากก็พอทน
แต่จะทำให้กลิ่นตัวเราจะเปลี่ยนไปจากเดิมไปเป็นกลิ่นฝรั่ง ถ้าชอบก็ไม่เป็นปัญหา
วิธีแก้ไข 1ให้ใช้วิธีการทำความสะอาดของคนไข้ก่อนเข้าห้องผ่าตัดครับ คือกำจัดเชื้อทุกชนิดด้วยสบู่อาบน้ำ
ก่อนเข้าห้องผ่าตัด หลังจากนั้นคาดว่าจุรินทรีย์ ตัวใหม่ที่เข้ามายึดครองพื้นที่ น่าจะเป็นจุรินทร์ย์ สายพันธุ์ไทยชนิด
ไม่มีกลิ่นที่เราคุ้นกันดี หาซื้อได้ตามร้านขายยาหน้าโรงบาลศิริราช หรือราชวิถี (บอกคนขายว่าต้องการสบู่อาบน้ำก่อนผ่าตัด)
วิธีที่ 2 ใช้แอลกอร์ฮอใส่แผล 70% ชุบสำลีทาซอกแขนและจุดต่างที่มีขุมขนลึกๆ หลักการอาบน้ำทันที่
วิธีที่ 3 ใช้ผงซักฟอกที่ใช้ซักเสื้อผ้าครับ..ฟอกแทนสบู่แล้วล้างตัวภายใน 1 นาที หลังจากนั้นใช้สบู่อาบนำปกติฟอกตามแล้ว
ล้างน้ำอีก 2 เที่ยว (การใช้ผงซักฟอก อาบนำต้องทำให้เร็ว ไม่อันตรายครับ) หลังจากนั้นจะแช่ตัวในอ่างนำอุ่นเลยซัก 30 นาทีก็ได้
ผงซักฟอกมีคุณสมบัติเป็นสารฆ่าเชื้อเช่นกัน เชื้อส่วนใหญ่ตายตั้งโดนแฟบแล้ว การแช่น้ำอุ่นก็เพื่อความสบายกายสบายใจเท่านั้น
ตัวสารที่ใช้ฆ่าเชื้อ คือ โซดาไฟอ่อนๆ (ย้ำไม่อัตราย) ทำครั้งเดียวอาจได้ผลไม่ 100% เพราะรูขุมขนใต้ซอกแขนอยู่ค่อนข้างลึก
กำจัดยาก ไม่เป็นไรใจเย็น..ก็เรารู้ที่มาที่ไปแล้วนี่..จะกลัวอะไร มันมาอีกก็อัดมันอีกได้ ของง่ายๆ (ที่สำคัญเปิดโอกาสให้แฟบ
มีเวลาฆ่าเชื้อนานหน่อย ไม่งั้นมันยังตายไม่หมด มันแค่สลบๆ ไปเท่านั้น)
วิธีที่ 4 อาบน้ำให้สะอาดแล้ว เอาช้อนไปขุดเงื่อใครของเพื่อนกัลยาณมิตรที่มีกลิ่นตัวหอมโดยธรรมชาติ มาเพาะใต้ซอกแขน
วิธีนี้เพื่อนต้องไปเล่นยิมฯ มาใหม่ๆ กำลังมีเงื่อมาก จุรินทรีย์ตัวใหม่ที่มีจำนวนมากกว่าน่าจะกำจัด เจ้าตัวเหม็นที่มีน้อยกว่าได้ง่าย
แล้วได้ผลภายใน 6 ชั่วโมง (ยิ่งได้เชื้อจุรินทรีย์ที่มีกลิ่นหอมของผู้มีบุญยิ่งยอดเยี่ยม จะได้เป็นคนผิวหอมเหมือนผ๔มีบุญไปเลย)
ปล. ที่แนะนำไปนี้ เป็นวิทยาศาสตร์ล้วนๆ นะครับ ใช้หลัก Hygine ธรรมดาครับ สำหรับสินค้าประเภท เดทตอล หรืออื่นๆ มีคุณสมบัติ
และอันตรายเทียบเท่ากับการใช้แฟบ ไม่จำเป็นต้องซื้อมาใช้ กล่าวคือใช้แฟบดีกว่า มีอยู่แล้วทุกบ้าน
สำหรับ โรออน มีสารฆ่าเชื้อที่อ่อนมาก กำจัดเชื้อได้ไม่หมด เพราะถ้ากำจัดเชื้อได้หมดจะขายได้ครั้งเดียว
#15
โพสต์เมื่อ 07 April 2010 - 07:52 PM
#16
โพสต์เมื่อ 27 April 2010 - 05:02 AM
1. สารส้มช่วยทำให้รูขุมขนหดตัว..ทำให้ช่วยหน่วงการไหลของเหงือไคล...ได้ระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น
ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของอากาศด้วยว่า ร้อน เย็น หนาว แค่ไหน....ถ้าอากาศร้อนจะหน่วงไว้ไม่
ได้นาน อาจได้ไม่ถึง 20 นาทีด้วยซ้ำไป
2. ทำให้สะภาพแวดล้อมผิวหนังบริเวณนั้น..ไม่เหมาะสมกับการขยายพันธุ์ของจุรินทรีย์...ชั่วขณะหนึ่ง
ประมาณ 2-5 ชั่วโมง...ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของผิวแต่ละชนิด (ผิวละเอียด..กลาง..หยาบ)
เพราะทำให้ผิวหนังมีคุณสมบัติเป็นด่างอ่อนๆ ทำให้จุรินทรีย์ขยายพันธุ์ไม่ค่อยดี
เมื่อสภาพแวดล้อมเหมาะสม..ผิวหนังเริ่มมีเหงือไคล...จุรินทร์ก็เริ่มการแบ่งตัวได้ตามปกติ...
ในชั่วโมงแรกก็มีจำนวนน้อยอยู่...แต่เมื่อเวลาผ่านไปอัตราการขยายพันธุ์จะเร็วขึ้นเป็นทวีคูณ
เพราะเหงือไคลเป็นอาหารของจุรินทรีย์..
ยิ่งอากาศร้อยเหงือไคลออกมาเร็วหลังอาบน้ำ..เหงือไคลมาก...กลิ่นตัวก็เกิดได้เร็ว
หน้าหนาวกลิ่นตัวจะเกิดได้ช้า..เพราะจุรินทรีย์ต้องใช้ระยะเวลาฟักตัวและขยายพันธุ์
ซึ่งต้องอาศัยทั้งสะภาพแวดล้อมและอาหาร...ที่เหมาะสม
สารส้มจะใช้ได้ผลดีกับคนที่มีผิวละเอีอด..ส่วนคนผิวหยาบจะรู้สึกว่าใช้ไม่ค่อยได้ผลดี..
เพราะว่าคนผิวละเอียดจะเป็นคนผิวแห้ง..มีเหงือน้อย กว่าคนผิวหยาบโดยธรรมชาติ
สารส้มไม่ใช่สารฆ่าเชื้อจุรินทรีย์..จุรินทรีย์จะลดน้อยลงทุกครั้งหลังการอาบน้ำ..แล้วก็
จะแพร่พันธุ์เท่ากับระดับเดิมที่เคยมี...โดยใช้ระยะเวลา 3-8 ชั่วโมงเท่านั้น ทั้งนี้
ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของอากาศ ..สะภาวแวดล้อม ..อาหาร..และชนิดของเชื้อ
การใช้สารส้มกำจัดกลิ่นตัวจึงต้องใช้ไปตลอดชีวิต..หรือจนกว่าจะมีเชื้อจุรินทรีย์
ชนิดอื่นที่ไม่มีกลิ่นฉุนรุนแรง..มายึดครองอาณาเขตแทนเท่านั้น..จึงจะหายจากกลิ่นตัวได้
การใช้สารฆ่าเชื้อจึงเป็นวิธีการที่เหมาะสมกว่ามาก..บางครั้งกำจัดได้ภายในครั้งเดียว
แต่ภาวะแวดล้อมที่อยู่อาศัย..คนที่อยู่ร่วมบ้านต้อง..ใช้สารฆ่าเชื้อด้วย
เพราะอาจได้รับเชื้อเก่ากลับเข้ามาใหม่ได้เสมอ..จากคนที่อยู่อาศัยในบ้านเดียวกัน
เหงือไคลที่ติดค้างตามเก้าอี้ที่นั่งที่เป็นเบาะหนัง..ล้วนมีจุรินทรีย์อยู่ได้อีกชั่วระยะหนึ่งก่อนที่จะตาย
ถ้ารับจุรินทรีย์ชนิดกลิ่นฉุนมาจำนวนที่น้อย ก็จะถูกจุรินทรีย์ที่ประจำผิวหนังเราจัดไปได้เอง
หรืออาจอยู่ด้วยกันได้แต่จำนวนไม่สามารถแพร่ได้มาก..อย่างเสรี..เพราะต้องอยู่ร่วม
กับจุรินทรีย์อีกหลายชนิด ซึ่งเป็นชนิดที่ไม่มีกลิ่นฉุน..ก็ไม่ทำให้กลิ่นตัวแรงมากนัก
แต่ถ้ามีกลิ่นตัวที่รุนแรงมากต้องใช้ยาฆ่าเชื้ออย่างเดียวเท่านั้น..ตามที่แนะนำไว้ข้างบน
การรักษาด้วยการฉีดยา และการผ่าตัดเพื่อการกำจัดกลิ่น เป็นการรักษาแบบเกินความ
จำเป็น (Over Cining) และเป็นการรักษาที่ไม่ถูกจุด..เพราะกลิ่นมนุษย์จริงๆ
ไม่ฉุนรุนแรง..เหมือนกลิ่นของจุรินทรีย์ บางชนิดที่อาศัยอยู่ตามผิวหนัง
เคยมีการผ่าตัดเพื่อกำจัดกลิ่นตัวในต่างประเทศนั้น..ทำด้วยเหตุผลอื่นๆ ..ประกอบอีก
ไม่ใช่เหตุผลทางด้านกลิ่นตัวอย่างเดียว
ผมต้องขออภัยกับข้อเสนอแนะเรื่องการใช้สารส้มด้วยนะครับ...ตอนแรกว่าจะหลีกเลี่ยงแล้ว
แต่คิดใหม่ว่า..ต้องแนะนำสิ่งที่ถาวรให้จะดีกว่าครับ
#17
โพสต์เมื่อ 15 February 2014 - 12:18 PM
การมีกลิ่นตัวถือเป็นกรรมด้วยหรอคับ
#18
โพสต์เมื่อ 15 February 2014 - 02:18 PM
ถูกต้องแล้วครับการมีกลิ่นตัวถือเป็นกรรมอีกอย่างนื่งด้วยคับ.....
แต่ถืงแม่ว่ากลิ่นตัวจะแรงแค่ไหน... มันก่อสู้กิ่นความดีของเราไม่ด้ายหลอกนะครับ.....
อะนุโมทะนาบุณด้วยนะครับ
สาธุครับ
แหล่งข้อมูน หนังสือธรรมะ วัดพระธรรมกาย (ที่นี่มีคำตอบ ฉบับ mini เล่มที่ 2 ผู้หญิงต้องซื้อ)
1.bmp 1.34MB 126 ดาวน์โหลด
2.bmp 1.32MB 114 ดาวน์โหลด
สิ่งที่ต้องสะสมคือบุนกุสน สิ่งที่ต้องสะแหวงหาคือพระรัตนะไตรพายใน เป้าหมายชีวิดคือที่สุดแห่งทัม ที่พักละหว่างทางคือ ดุสิดบุรี วงบุนพิเสด เขดพระโพทิสัด.
ละชั่วทุกอย่าง ทำดีทุกรูบแบบ ทำใจให้พ่องใส อยากไปไหนก่อไปได้ทุกที่...
#19
โพสต์เมื่อ 15 February 2014 - 03:47 PM
การมีกลิ่นตัวถือเป็นกรรมด้วยหรอคับ
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีเหตุและผลมาจาก "กรรม" ทั้งนั้นครับ ไม่ว่ากรรมดี หรือ กรรมไม่ดี
ลองมาร่วมกันศึกษาเรื่องกฏแห่งกรรมและความจริงของชีวิตกันได้นะครับ