ศีล...เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วโดยธรรมชาติของมนุษย์...
การรักษาศีลนั้นอยู่ที่เจตนา...ต้องเริ่มต้นที่
เวรมณี หรือ
วิรัติ หมายถึง
ความตั้งใจงดเว้นจากความชั่วนั่นเอง
วิรัติ...เป็นสิ่งบ่งชี้ถึงการมีศีล...แบ่งเป็น 3แบบ
1.
สมาทานวิรัติ คือ ความตั้งใจงดเว้นจากบาป เพราะได้สมาทานศีลไว้แล้ว
2.
สัมปัตตวิรัติ คือ ความตั้งใจงดเว้นจากบาปเมื่อเกิดเรื่องขึ้นเฉพาะหน้า
แม้เดิมทีไม่ได้สมาทานศีลไว้ แต่เมื่อไปพบเหตุการณ์ที่ชวนให้ล่วงละเมิดศีล ก็คำนึงถึง ชาติ ตระกูล การศึกษา หรือความดีต่างๆ เป็นต้น จึงทำให้เกิดความตั้งใจที่จะงดเว้นจากบาปเวรขึ้นในขณะนั้นนั่นเอง
3.
สมุจเฉทวิรัติ คือ ศีลของพระอริยเจ้า
ดังนั้น...การรับศีลนั้นเป็นกระบวนการแสดงออกซึ่งเจตนารมย์...แม้ไม่รับศีล ก็ต้องมีมนุษยธรรมเป็นปกติ
แม้จะไม่ได้รับศีลก็สามารถรักษาศีลได้...ในทางกลับกัน หากปราศจากความตั้งใจรักษาแล้ว ก็ไม่จัดว่าเป็นการรักษาศีล
คงต้องแนะนำด้วยจิตเมตตาครับ...ว่า...
คนทุศีลอาจรอดจากกฎหมาย แต่เสี่ยงต่ออบาย
...
จึงไม่ควรฉลาดในทางเสื่อม...โดยอ้างเหตุแห่งกฎหมาย
....
ควรศึกษาให้รู้เท่าทันอุบายแห่งความเสื่อม เพื่อเอาตัวรอดปลอดภัยในวัฎฎะสงสารนี้ครับ
ลิ๊งค์โทษของการละเมิดศีล...ให้แล้ว
http://main.dou.us/v..._id=390&page=10