คือเป็นผู้ช่วยสอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งนึงนอกจากสอนแล้ว ก็ต้องทำเอกสารให้อาจารย์เยอะแยะมากมาย ซึ่งไม่ชอบเลยค่ะเรือ่งทำเอกสารมันจุกจิกไม่ใช่หนูเรย ร้องไห้เรยวันนี้อะไรๆก็ลงมาที่หนู ก่อนหน้านี้หนูทำงานด้านมัลติมีเดียงานจะเป็ฯชิ้นๆของใครของมันรับผิดชอบไป แล้วโครงการหมดสัญญาเรยออกมาสอบผู้ช่วยสอน แล้วสอบได้ เพราะอาจารยเขาอยากได้คนที่เคยทำงานอยู่ที่นั้น (คือตอนทำมัลติก็อยู่ที่มหวิทยาลัยแห่งนี้ค่ะ) เพิ่งทำได้ 3เดือนเอง ค่ะ ตำแหน่งผู้ช่วยสอน ชอบสอนแต่ไม่ชอบทำเอกสารเรยค่ะอึดอัดต้องประสานงานกับคนมากมาย เคยเป็นเหมือนหนูมั้ยค่ะ แล้วผู้ช่วยสอนที่อื่นเป็นแบบนี้มั้ยค่ะ หนูอยากลาออกมากๆ แต่มีหนี้สินประมาณนึงกลัวตังใช้ไม่พอ หรือไม่มีตังใช้ ตอนแรกคิดอยากเข้าโครงการหลวงพ่อมากบัณฑิตอาสา แต่ถ้าลาออกยื่นเอกสารไปก็อีกเดือนนึงกว่าได้ออกกลัวไม่ทัน หนูควรทำอย่างไรดีค่ะ เบื่อการเป็นลูกน้องเพื่อนมากๆ อยากเปิดร้านขายของ เพราะเหนือ่ยกับคนที่ทำงาน เหนื่อยลักษณะงานที่มันไม่ใช่ตัวเรา ช่วยชี้แนะด้วยน่ะค่ะ ขอบคุณมากๆค่ะ
ขอคำปรึกษาหน่อยค่ะ
เริ่มโดย usr18368, Mar 24 2010 02:10 PM
มี 5 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 24 March 2010 - 02:10 PM
BoMBOmPaLmY-072-JO-oY
#2
โพสต์เมื่อ 24 March 2010 - 05:02 PM
นั่งธรรมะเยอะ ๆ คำตอบของปัญหาอยู่ตรงนั้นแหละค่ะ ไม่มีใครตอบได้ดีเท่ากับตัวเราหรอก ตัวเราย่อมรุ้ตัวเองว่าหน้าที่ของเราคืออะไรค่ะ
#3
โพสต์เมื่อ 24 March 2010 - 05:04 PM
พอเข้าใจปัญหาอยู่บ้างนะครับ แต่อยากปรับเรื่องแนวความคิดนิดนึงเรื่อง "งานนี้ไม่ใช่ตัวเรา"
เพราะเห็นพิมพ์อยู่ในหลายจุดทีเดียวครับ อยากจะบอกว่างานทุกงานมักจะมีเนื้องานที่เราไม่ชอบรวมอยู่เสมอ
และเราต้องเข้าใจในธรรมชาติของงานนั้นๆ และตำแหน่งงานนั้นๆ ให้ได้ แต่ประเด็นที่สำคัญคือ เราชอบในเนื้องานหลัก
ที่เราทำอยู่หรือเปล่า ... นี่คือคำถามที่ 1
เรื่องโครงการบัณฑิตอาสา พี่ว่าลองปรึกษาพี่ๆ ที่ดูแลโครงการ และบอกถึงข้อจำกัดของเราไปดูนะครับ ซึ่งน่าจะพบทางออก
ดังนั้นลองศึกษาในเนื้องานของโครงการให้ชัด แล้วถามตัวเองอีกครั้งว่าเราพร้อมที่จะมาช่วยงานในส่วนนี้จริงๆหรือไม่ .... นี่คือคำถามที่ 2
ในการประกอบธุรกิจส่วนตัวนั้น อยากจะบอกว่ามัน ยากและลำบาก มากกมายกว่าทำงานประจำนัก ดังนั้นถ้าไม่รู้จักตัวเราเองดีพอ การจะมาลุย
ทำธุรกิจส่วนตัวทันทีเลยนั้นมันซิยากอยู่ แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ แต่อยากให้ลองทำควบคู่กับงานประจำก่อนในช่วงแรก เมื่อเห็นลู่ทางชัดเจนค่อย
ออกมาลุยเต็มตัว ดังนั้นค้นหาตัวเองให้เจอเราต้องมีความถนัดในด้านใด เรามเครือข่ายของคนรู้ัจักในส่วนไหน แล้วเราเหมาะกับการทำธุรกิจส่วน
ตัวจริงๆ แล้วหรือ... นี่คือคำถามที่ 3
ปล. สุดท้ายอย่าลืมคำของคุณครูไม่ใหญ่นะครับ "บุญอยู่เบื้องหลังความสุขและความสำเร็จทั้งมวล"
สู้ๆ นะครับ พี่เคยผ่านช่วงเวลานั้นมาก่อน มันยากครับ แต่ก็ยากพอสู้ ขอทิ้งท้ายอีกนิดตกไปประเด็นนึงคือ "ทำทุกอย่างให้เต็มที่" แล้วมันจะฝึกตัวเราให้เแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เอง อย่าไปเบื่องานครับ ถือซะว่าเป็นการฝึกตัวเอง งานอะไรก็ช่าง ลุยอย่างเดียว เมื่อประสบโอกาส ถ้างานที่ทำไม่ใช่ก็ค่อยปรับเปลี่ยนกันไป
happy&smile
เพราะเห็นพิมพ์อยู่ในหลายจุดทีเดียวครับ อยากจะบอกว่างานทุกงานมักจะมีเนื้องานที่เราไม่ชอบรวมอยู่เสมอ
และเราต้องเข้าใจในธรรมชาติของงานนั้นๆ และตำแหน่งงานนั้นๆ ให้ได้ แต่ประเด็นที่สำคัญคือ เราชอบในเนื้องานหลัก
ที่เราทำอยู่หรือเปล่า ... นี่คือคำถามที่ 1
เรื่องโครงการบัณฑิตอาสา พี่ว่าลองปรึกษาพี่ๆ ที่ดูแลโครงการ และบอกถึงข้อจำกัดของเราไปดูนะครับ ซึ่งน่าจะพบทางออก
ดังนั้นลองศึกษาในเนื้องานของโครงการให้ชัด แล้วถามตัวเองอีกครั้งว่าเราพร้อมที่จะมาช่วยงานในส่วนนี้จริงๆหรือไม่ .... นี่คือคำถามที่ 2
ในการประกอบธุรกิจส่วนตัวนั้น อยากจะบอกว่ามัน ยากและลำบาก มากกมายกว่าทำงานประจำนัก ดังนั้นถ้าไม่รู้จักตัวเราเองดีพอ การจะมาลุย
ทำธุรกิจส่วนตัวทันทีเลยนั้นมันซิยากอยู่ แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ แต่อยากให้ลองทำควบคู่กับงานประจำก่อนในช่วงแรก เมื่อเห็นลู่ทางชัดเจนค่อย
ออกมาลุยเต็มตัว ดังนั้นค้นหาตัวเองให้เจอเราต้องมีความถนัดในด้านใด เรามเครือข่ายของคนรู้ัจักในส่วนไหน แล้วเราเหมาะกับการทำธุรกิจส่วน
ตัวจริงๆ แล้วหรือ... นี่คือคำถามที่ 3
ปล. สุดท้ายอย่าลืมคำของคุณครูไม่ใหญ่นะครับ "บุญอยู่เบื้องหลังความสุขและความสำเร็จทั้งมวล"
สู้ๆ นะครับ พี่เคยผ่านช่วงเวลานั้นมาก่อน มันยากครับ แต่ก็ยากพอสู้ ขอทิ้งท้ายอีกนิดตกไปประเด็นนึงคือ "ทำทุกอย่างให้เต็มที่" แล้วมันจะฝึกตัวเราให้เแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เอง อย่าไปเบื่องานครับ ถือซะว่าเป็นการฝึกตัวเอง งานอะไรก็ช่าง ลุยอย่างเดียว เมื่อประสบโอกาส ถ้างานที่ทำไม่ใช่ก็ค่อยปรับเปลี่ยนกันไป
happy&smile
"ชีวิตนี้อุทิศเพื่อพระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกาย"
#4
โพสต์เมื่อ 25 March 2010 - 07:34 AM
เป็นกำลังใจให้ครับ... ก็ทำไปก่อน เรื่องเปิดร้านก็ศึกษาไปด้วย เมื่อได้โอกาสก็ออกไปรวย...
บัณฑิตอาสา ก็ขอให้ประเมินตัวเองว่าค่าใช้จ่ายเพียงพอใหม จะได้ไม่มีกังวลเรื่องนี้ ส่วนเรื่องลาออกล่วงหน้า 1 เดือนไม่น่อเป็นประเด็น เพราะมีวันลาพักร้อน วันลาป่วยได้ แต่ควรจะเครียร์งานให้ดี ให้คนใหม่มาทำงานต่อได้ จะได้ไม่เป็นทุกข์ต่อผู้อื่น
บัณฑิตอาสา ก็ขอให้ประเมินตัวเองว่าค่าใช้จ่ายเพียงพอใหม จะได้ไม่มีกังวลเรื่องนี้ ส่วนเรื่องลาออกล่วงหน้า 1 เดือนไม่น่อเป็นประเด็น เพราะมีวันลาพักร้อน วันลาป่วยได้ แต่ควรจะเครียร์งานให้ดี ให้คนใหม่มาทำงานต่อได้ จะได้ไม่เป็นทุกข์ต่อผู้อื่น
#5
โพสต์เมื่อ 25 March 2010 - 05:35 PM
ให้กำลังใจสู้ต่อไปก่อน ทำให้ดีที่สุด ทำให้มันชอบให้ได้ ใช้อิทธิบาท ๔ เข้าช่วย
#6
โพสต์เมื่อ 02 April 2010 - 09:38 AM
อดทน และอดทน นี่เป็นคำตอบของพระอริยสงฆ์รูปหนึ่งที่สอนข้าพเจ้าขณะที่ประสบปัญหาชีวิต ครั้งนั้นเหมือนคนเสียสติ เดินสักว่าเดิน ไม่รู้สึกในอารมณ์ที่ผ่านเข้ามา มันจะร้อนก็ไม่รู้สึกร้อน หนาวก็ไม่รู้สึกหนาว
ในที่สุดเราก็พบสิ่งที่ประเสริฐ นั้นก็คือ หลักของใจ
เมื่อมีเรื่องใดเกิดขึ้นกับเรา ก็ควรคิดแต่เพียงว่า เราจะทำใจของเราให้ไม่เป็นทุกข์ เรื่องงานที่ถูกกลั่นแกล้งหรือไม่ก็ตามจงคิดว่านี่คือครูของเรา เขาเป็นครูสอนเรา หากเราผ่านไม่ได้แล้วในอนาคตเราจะไปสอนใครได้เล่า
พระอริยสงฆ์ ท่านปรารภ เสมอว่า ท่านชอบทุกข์
คุณรู้ไหมทำไมท่านถึงปรารภเช่นนั้น
เพราะกิเลสที่อยู่ภายในจิตใจ มันชอบสบาย อยากทำตามใจเสมอ ถ้าเราไม่มีความดี ไม่มีศีลแล้ว มันจะพาเราละเมิดศีล
เมื่อประสบกับสิ่งที่ไม่ชอบ มันก็จะเป็นทุกข์เป็นธรรมดาของ จิตหรือใจ ที่หลง ไม่เคยฝึก ไม่เคยได้รับการอบรมทางธรรมะที่ดีพอ
สิ่งที่เกิดขึ้นขอให้เป็นครูของเรา อย่างไรมันไม่ตายหรอก ถ้าคุณผ่านไม่ได้ แล้วในอนาคตคุณจะไปสอนใครได้
คุณรู้ไหมพระนักปฏิบัติจริงๆ ยอมอดอาหาร สามวันบ้าง เจ็ดบ้าง บางองค์ เป็นเดือน ทนลำบากอยู่ในป่า ยุ่งแมลงกัดเนื้อตัวปวดแต่ละจุดเนื้อบวม เท่า ไข่ไก่ ก็ไม่ต้องบอกนะว่าท่านอุสหะบำเพ็ญเพียรเพืยรเพื่ออะไร เช่นหลวงปู่ฝาง ท่านทิ้งชีวิต แล้วท่านก็ได้ธรรมอันยิ่ง เขาเรียกว่าเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อให้ได้ธรรม
เมื่อจิตของท่านหลุดพ้นจากพันธนาการ จิดดวงนั้นแหละ จิตที่ใสบริสุทธิ์
เรามาฝึกกันอย่างน้อย เราก็ไม่ใช่คนหลง หลงอยู่กับโลก โลกที่ทุกคนคิดว่ามีความสุขมากว่าทุกข์ หากพิจารณาจริงแล้วทุกข์มากกว่าทุกข์
ที่สำคัญหากพวกเราไม่หนีหรือทำทุกข์ให้สิ้นไม่ได้ เราจะต้องตายเน่าตายเหม็น แบบนี้อีกไม่รู้กี่ชาติ อย่าหาเหตุผลเลยว่าเราบุญวาสนาน้อย
เกิดมาพบพระพุทธศาสนาแล้ว ชื่อเรามีบุญที่ทำทุกข์ให้สิ้นไปได้
จากความคิดโง่ของไดโนเสาร์
ในที่สุดเราก็พบสิ่งที่ประเสริฐ นั้นก็คือ หลักของใจ
เมื่อมีเรื่องใดเกิดขึ้นกับเรา ก็ควรคิดแต่เพียงว่า เราจะทำใจของเราให้ไม่เป็นทุกข์ เรื่องงานที่ถูกกลั่นแกล้งหรือไม่ก็ตามจงคิดว่านี่คือครูของเรา เขาเป็นครูสอนเรา หากเราผ่านไม่ได้แล้วในอนาคตเราจะไปสอนใครได้เล่า
พระอริยสงฆ์ ท่านปรารภ เสมอว่า ท่านชอบทุกข์
คุณรู้ไหมทำไมท่านถึงปรารภเช่นนั้น
เพราะกิเลสที่อยู่ภายในจิตใจ มันชอบสบาย อยากทำตามใจเสมอ ถ้าเราไม่มีความดี ไม่มีศีลแล้ว มันจะพาเราละเมิดศีล
เมื่อประสบกับสิ่งที่ไม่ชอบ มันก็จะเป็นทุกข์เป็นธรรมดาของ จิตหรือใจ ที่หลง ไม่เคยฝึก ไม่เคยได้รับการอบรมทางธรรมะที่ดีพอ
สิ่งที่เกิดขึ้นขอให้เป็นครูของเรา อย่างไรมันไม่ตายหรอก ถ้าคุณผ่านไม่ได้ แล้วในอนาคตคุณจะไปสอนใครได้
คุณรู้ไหมพระนักปฏิบัติจริงๆ ยอมอดอาหาร สามวันบ้าง เจ็ดบ้าง บางองค์ เป็นเดือน ทนลำบากอยู่ในป่า ยุ่งแมลงกัดเนื้อตัวปวดแต่ละจุดเนื้อบวม เท่า ไข่ไก่ ก็ไม่ต้องบอกนะว่าท่านอุสหะบำเพ็ญเพียรเพืยรเพื่ออะไร เช่นหลวงปู่ฝาง ท่านทิ้งชีวิต แล้วท่านก็ได้ธรรมอันยิ่ง เขาเรียกว่าเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อให้ได้ธรรม
เมื่อจิตของท่านหลุดพ้นจากพันธนาการ จิดดวงนั้นแหละ จิตที่ใสบริสุทธิ์
เรามาฝึกกันอย่างน้อย เราก็ไม่ใช่คนหลง หลงอยู่กับโลก โลกที่ทุกคนคิดว่ามีความสุขมากว่าทุกข์ หากพิจารณาจริงแล้วทุกข์มากกว่าทุกข์
ที่สำคัญหากพวกเราไม่หนีหรือทำทุกข์ให้สิ้นไม่ได้ เราจะต้องตายเน่าตายเหม็น แบบนี้อีกไม่รู้กี่ชาติ อย่าหาเหตุผลเลยว่าเราบุญวาสนาน้อย
เกิดมาพบพระพุทธศาสนาแล้ว ชื่อเรามีบุญที่ทำทุกข์ให้สิ้นไปได้
จากความคิดโง่ของไดโนเสาร์