มีคำถามค่ะ ตามชื่อกระทู้คือ ทำอะไรถึงได้มาเป็นแมว แล้วทำไมเราต้องมาเลี้ยงแมวด้วย ทั้ง ๆ ที่ ไม่เคยคิดอยากจะเลี้ยงแมวเลย จนกระทั่งต้องมาดูแลรีสอร์ทและห้องอาหาร เลยต้องจับต้อนแมวที่เขาเกิดมาตามธรรมชาติ มาเลียงดูเพื่อไม่ให้เขาไปเดินเกะกะในสถานที่ พอเลี้ยงแล้วก็เอ็นดูเค้า แต่ก็อดสงสารไม่ได้ อยากให้เขาพ้นจากกายหยาบที่เป็นแมว เลยเอาเค้าฟังพระเทศน์ด้วยในห้อง จับเค้าไหว้พระบ้าง ฮ้าฮ่า เหมือนเราบ้าไปแล้ว
รบกวนด้วยจ้า ขอบคุณค่ะ
ทำอะไรถึงได้มาเป็นแมว แล้วทำไมถึงต้องมาเลี้ยงแมว
เริ่มโดย SuperNu, Sep 22 2009 12:09 AM
มี 4 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 22 September 2009 - 12:09 AM
#2
โพสต์เมื่อ 22 September 2009 - 08:43 AM
ผมก็เป็นคนไหว้แมวครับ เอ้ย!! รักแมวครับ...
บางทีไปวัดกลับมาเอาบุญมาฝากมันก็จับมือมันไหว้สาธุๆๆๆ
บางทีไปวัดกลับมาเอาบุญมาฝากมันก็จับมือมันไหว้สาธุๆๆๆ
#3
โพสต์เมื่อ 22 September 2009 - 02:45 PM
กำเนิดแห่งเดรัจฉานภูมิ ซึ่งแต่เดิมแมวนั้นก็ล้วนมีที่มาจากมนุษย์ด้วยกันทั้งสิ้น
ตอนเป็นมนุษย์เป็นผู้มีความประมาทมัวเมาในชีวิต ได้ทำบาปอกุศลไว้ คือ
ทำผิดศีลกาเมรวมทั้งผิดศีลในข้ออื่นๆประกอบกับเป็นผู้มีความดื้อรั้นต่อบุพการี
เมื่อตายไปก็ไปรับทุกข์ทรมานในมหานรกขุม3 หรือขุมอื่นๆขึ้นอยู่กับบุพกรรมที่ทำมาตอนเป็นมนุษย์
เมื่อหมดกรรมจากมหานรกก็มาเกิดในอุสสทนรก เปรต อสุรกาย และมาเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน จนกระทั่งมาเกิดเป็นแมว
ที่ต้องมาเลี้ยงแมวเพราะเจ้าของกระทู้ เห็นว่าแมวน่ารักดี ขี้อ้อน รวมทั้งเป็นคนขี้สงสารมีจิตเมตตา เหตุปัจจุบันนี้เป็นหลัก
(แต่ถ้ามีจิตผูกพันกับแมวมากจนกระทั่งละจากโลกไป อายตนะเราอาจจะดึงดูดไปสู่ภูมิเดรัจฉานคือไปเกิดเป็นแมวก็ได้เช่นกัน) เพราะฉะนั้นการมีจิตผูกพันไว้กับพระรัตนตรัยนั้นประเสริฐสุด
คนสัตว์สิ่งของนั้นล้วนแต่เป็นอนิจจังย่อมไปสู่จุดสลายด้วยกันทั้งสิ้น...
ที่ต้องมาเลี้ยงแมวก็เพราะมีใจที่คิดจะเลี้ยงแมว ใจเป็นธาตุสำเร็จเมื่อใจคิดจะเลี้ยงแมวก็เกิดเป็นการกระทำขึ้นมา
ถ้าคิดว่าไม่เลี้ยง ก็ไม่ต้องมาเลี้ยงแมว หรือถ้าคิดจะเลี้ยงแมว แต่เราตัดใจไม่เลี้ยง เราก็ไม่ต้องมาเลี้ยงแมว ทุกอย่างอยู่ที่เราเป็นผู้ตัดสินใจ
ที่เจ้าของกระทู้ให้แมวมาฟังพระเทศน์ ให้ไหว้พระ เนื่องจากกายหยาบของแมวนั้นยู่ในภพภูมิของสัตว์เดรัจฉาน เห็นจำคิดรู้ก็เป็นแบบสัตว์เดรัจฉาน(กายละเอียดที่ซ้อนอยู่ในกายหยาบของแมวนั้นก็เป็นกายมนุษย์) ซึ่งโดยปกติสัตว์เดรัจฉานนั้นไม่สามารถรับบุญได้ เพราะเห็นจำคิดรู้นั้นเป็นสัตว์เดรัจฉาน คือไม่รู้เรื่องอะไร ใช้ชีวิตอยู่เพื่อหากินไปวันๆ เว้นแต่สัตว์เดรัจฉานนั้นมีเจตนาในการทำบุญด้วยตนเองจึงจะรับบุญได้ หรือเกิดความปิติที่ได้เห็นพระและมีความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย ดังเช่นมีตัวอย่างที่ปรากฏในพระไตรปิฎกในเรื่องของราชสีห์อดอาหารเฝ้าดูแลพระสัมมาสัมพุทธเจ้า, สุนัขเห่าไล่สัตว์อื่นมิให้มารบกวนเส้นทางพระปัจเจกพุทธเจ้า,วานรนำรังผึ้งโดยช้างนำน้ำมาถวายพระสัมมาสัมพุทธเจ้า, นกบินนำผลมะม่วงหย่อนในบาตรของพระพุทธองค์ ล้วนส่งผลให้หมดกรรมและได้ไปเกิดในภพภูมิของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ซึ่งในปัจจุบันเนื้อนาบุญอันยิ่งดั่งเช่นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอัครสาวก หรือพระปัจเจกพุทธเจ้านั้นได้ดับขันธปรินิพพานแล้ว กำลังบุญที่ได้รับถ้าสัตว์นั้นรับรู้ถึงบุญและมีความเลื่อมใสในพระรัตนไตยกำลังบุญที่ได้รับจึงจึงต่างกัน
*สัตว์เดรัจฉานทั้งหลายเมื่อตายไปก็ล้วนดำเนินไปสู่เส้นทางของสังสารวัฎ คือเป็นไปตามวัฎจักรของกรรม
เช่น ถ้าแมวนั้นตายไปเกิดเป็นคนก็จะมาเป็นผู้หญิงโสเภณีหลายชาติ เป็นกระเทย เกย์ ทอม ดี้ เป็นต้น
จนกระทั่งกรรมเบาบางมาเกิดเป็นผู้หญิงที่สามีเจ้าชู้ขี้เมา ซึ่งเป็นภาพในอดีตของตนที่เคยทำมาส่งผล
เมื่อกรรมเบาบางจึงมาเกิดเป็นผู้หญิงธรรมดา->ผู้หญิงที่ประพฤติพรหมจรรย์->เกิดเป็นผู้ชาย แต่ถ้าทำผิดศีลทำบาปอกุศลอีกก็จะย้อนเข้าสู่วงจรเดิม
---ส่วนตัวผมเองก็เคยเลี้ยงแมวครับ(แมวมาจากไหนก็ไม่รู้เอามาเลี้ยง) เลี้ยงได้แค่2วัน ชอบความน่ารักของแมวจึงให้อาหารแมวกินเพราะเอ็นดู หลังจากนั้นแมวก็มารออยู่หน้าบ้านผมจนเข้าไปหลังบ้าน มาวิ่งเล่น มองไปก็เพลินดีที่มันวิ่งไล่จับกัน แต่พอหลังๆแมวมาอุจจาระส่งกลิ่นเหม็น ทำข้าวของตกเลอะเทอะ ในใจก็คิดว่าผลดีก็มีนะ แต่ผลเสียนั้นมีมากกว่า ทำให้จิตมีความเป็นห่วงเป็นใย ตอนนั้นผมก็คิดว่าเอาเวลานั้นมานั่งหลับตาดีกว่า นับตั้งแต่วันนั้นผมจึงตัดสินใจให้แมวอยู่ตามภาษาแมวไปตามธรรมชาติครับ ...กมฺมุนา วตฺตตี โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
ตอนเป็นมนุษย์เป็นผู้มีความประมาทมัวเมาในชีวิต ได้ทำบาปอกุศลไว้ คือ
ทำผิดศีลกาเมรวมทั้งผิดศีลในข้ออื่นๆประกอบกับเป็นผู้มีความดื้อรั้นต่อบุพการี
เมื่อตายไปก็ไปรับทุกข์ทรมานในมหานรกขุม3 หรือขุมอื่นๆขึ้นอยู่กับบุพกรรมที่ทำมาตอนเป็นมนุษย์
เมื่อหมดกรรมจากมหานรกก็มาเกิดในอุสสทนรก เปรต อสุรกาย และมาเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน จนกระทั่งมาเกิดเป็นแมว
ที่ต้องมาเลี้ยงแมวเพราะเจ้าของกระทู้ เห็นว่าแมวน่ารักดี ขี้อ้อน รวมทั้งเป็นคนขี้สงสารมีจิตเมตตา เหตุปัจจุบันนี้เป็นหลัก
(แต่ถ้ามีจิตผูกพันกับแมวมากจนกระทั่งละจากโลกไป อายตนะเราอาจจะดึงดูดไปสู่ภูมิเดรัจฉานคือไปเกิดเป็นแมวก็ได้เช่นกัน) เพราะฉะนั้นการมีจิตผูกพันไว้กับพระรัตนตรัยนั้นประเสริฐสุด
คนสัตว์สิ่งของนั้นล้วนแต่เป็นอนิจจังย่อมไปสู่จุดสลายด้วยกันทั้งสิ้น...
ที่ต้องมาเลี้ยงแมวก็เพราะมีใจที่คิดจะเลี้ยงแมว ใจเป็นธาตุสำเร็จเมื่อใจคิดจะเลี้ยงแมวก็เกิดเป็นการกระทำขึ้นมา
ถ้าคิดว่าไม่เลี้ยง ก็ไม่ต้องมาเลี้ยงแมว หรือถ้าคิดจะเลี้ยงแมว แต่เราตัดใจไม่เลี้ยง เราก็ไม่ต้องมาเลี้ยงแมว ทุกอย่างอยู่ที่เราเป็นผู้ตัดสินใจ
ที่เจ้าของกระทู้ให้แมวมาฟังพระเทศน์ ให้ไหว้พระ เนื่องจากกายหยาบของแมวนั้นยู่ในภพภูมิของสัตว์เดรัจฉาน เห็นจำคิดรู้ก็เป็นแบบสัตว์เดรัจฉาน(กายละเอียดที่ซ้อนอยู่ในกายหยาบของแมวนั้นก็เป็นกายมนุษย์) ซึ่งโดยปกติสัตว์เดรัจฉานนั้นไม่สามารถรับบุญได้ เพราะเห็นจำคิดรู้นั้นเป็นสัตว์เดรัจฉาน คือไม่รู้เรื่องอะไร ใช้ชีวิตอยู่เพื่อหากินไปวันๆ เว้นแต่สัตว์เดรัจฉานนั้นมีเจตนาในการทำบุญด้วยตนเองจึงจะรับบุญได้ หรือเกิดความปิติที่ได้เห็นพระและมีความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย ดังเช่นมีตัวอย่างที่ปรากฏในพระไตรปิฎกในเรื่องของราชสีห์อดอาหารเฝ้าดูแลพระสัมมาสัมพุทธเจ้า, สุนัขเห่าไล่สัตว์อื่นมิให้มารบกวนเส้นทางพระปัจเจกพุทธเจ้า,วานรนำรังผึ้งโดยช้างนำน้ำมาถวายพระสัมมาสัมพุทธเจ้า, นกบินนำผลมะม่วงหย่อนในบาตรของพระพุทธองค์ ล้วนส่งผลให้หมดกรรมและได้ไปเกิดในภพภูมิของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ซึ่งในปัจจุบันเนื้อนาบุญอันยิ่งดั่งเช่นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอัครสาวก หรือพระปัจเจกพุทธเจ้านั้นได้ดับขันธปรินิพพานแล้ว กำลังบุญที่ได้รับถ้าสัตว์นั้นรับรู้ถึงบุญและมีความเลื่อมใสในพระรัตนไตยกำลังบุญที่ได้รับจึงจึงต่างกัน
*สัตว์เดรัจฉานทั้งหลายเมื่อตายไปก็ล้วนดำเนินไปสู่เส้นทางของสังสารวัฎ คือเป็นไปตามวัฎจักรของกรรม
เช่น ถ้าแมวนั้นตายไปเกิดเป็นคนก็จะมาเป็นผู้หญิงโสเภณีหลายชาติ เป็นกระเทย เกย์ ทอม ดี้ เป็นต้น
จนกระทั่งกรรมเบาบางมาเกิดเป็นผู้หญิงที่สามีเจ้าชู้ขี้เมา ซึ่งเป็นภาพในอดีตของตนที่เคยทำมาส่งผล
เมื่อกรรมเบาบางจึงมาเกิดเป็นผู้หญิงธรรมดา->ผู้หญิงที่ประพฤติพรหมจรรย์->เกิดเป็นผู้ชาย แต่ถ้าทำผิดศีลทำบาปอกุศลอีกก็จะย้อนเข้าสู่วงจรเดิม
---ส่วนตัวผมเองก็เคยเลี้ยงแมวครับ(แมวมาจากไหนก็ไม่รู้เอามาเลี้ยง) เลี้ยงได้แค่2วัน ชอบความน่ารักของแมวจึงให้อาหารแมวกินเพราะเอ็นดู หลังจากนั้นแมวก็มารออยู่หน้าบ้านผมจนเข้าไปหลังบ้าน มาวิ่งเล่น มองไปก็เพลินดีที่มันวิ่งไล่จับกัน แต่พอหลังๆแมวมาอุจจาระส่งกลิ่นเหม็น ทำข้าวของตกเลอะเทอะ ในใจก็คิดว่าผลดีก็มีนะ แต่ผลเสียนั้นมีมากกว่า ทำให้จิตมีความเป็นห่วงเป็นใย ตอนนั้นผมก็คิดว่าเอาเวลานั้นมานั่งหลับตาดีกว่า นับตั้งแต่วันนั้นผมจึงตัดสินใจให้แมวอยู่ตามภาษาแมวไปตามธรรมชาติครับ ...กมฺมุนา วตฺตตี โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
#4
โพสต์เมื่อ 22 September 2009 - 11:50 PM
QUOTE
ทำอะไรถึงได้มาเป็นแมว
- เดรัฐฉานภูมิ เป็นผลจากอำนาจอกุศล ด้านโมหะเป็นใหญ่ ราคะเป็นรอง- มีทุกข์เพราะเรื่องหาอาหารใส่ท้องเป็นสำคัญ
- เรื่องของแมว เป็นตัวอย่างของผลจากความดื้อรั้นต่อบุพการี
QUOTE
แล้วทำไมถึงต้องมาเลี้ยงแมว
- ความมีวินัย...เลยต้องจับต้อนแมวที่เขาเกิดมาตามธรรมชาติ มาเลี้ยงดูเพื่อไม่ให้เขาไปเดินเกะกะในสถานที่- ความเมตตากรุณา....พอเลี้ยงแล้วก็เอ็นดูเค้า แต่ก็อดสงสารไม่ได้ อยากให้เขาพ้นจากกายหยาบที่เป็นแมว
- ความผูกพันธ์ในอดีตชาติ.....
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC
#5
โพสต์เมื่อ 23 September 2009 - 11:44 PM
แมวอาจเคยเกิดเป็นญาติ ลูก หลาน บริวาร ฯลฯ
เพราะชีวิตในสังสารวัฏคนที่ไม่เคยเป็นญาติกันนั้นไม่มีครับ
เพราะชีวิตในสังสารวัฏคนที่ไม่เคยเป็นญาติกันนั้นไม่มีครับ