การตำหนิผู้อื่นทุกวันเป็นเหตุให้ตกนรก
#1
โพสต์เมื่อ 26 October 2008 - 04:09 PM
" นักปฏิบัติธรรมทั้งหลาย อย่าได้ประมาทไปทำความชั่วเล็กๆน้อยๆโดยไปตำหนิกรรมผู้อื่น ภายใต้สถานการณ์บ้านเมืองแบบนี้
โดยสรุปคือ...ถ้าเราไม่ระวังความคิด ระวังกายกรรม ไปตำหนิกรรมผู้อื่นไปเรื่อยๆ โดยประมาทว่า เราเองก็ทำความดี ทำกรรมฐานประจำอยู่แล้ว ไม่น่าจะเป็นไรมั๊ง แต่ถ้าประมาท สร้างกรรมคิดตำหนิ กล่าววาจาตำหนิกรรมผู้อื่น ก็จะเป็นอาจิณกรรม มีอำนาจในจิตมีกำลังแรงกว่ากำลังกรรมฐาน เวลาตายอำนาจอาจิณกรรมด้านชั่วนี้ก็พาจิตตกอเวจีมหานรกได้
ผู้ปฏิบัติธรรมที่ไม่ประมาทตามคำสอนพุทธองค์จึงควร ตั้งใจไว้เสมอทุกวัน ทุกเช้า ว่าเราจะใช้สติระวังความคิดตลอดทั้งวัน ไม่ให้ไปคิดชั่ว พูดชั่ว ตำหนิกรรมผู้อื่น ถ้าเค้าทำไม่ถูก ก็อย่าไปตำหนิด้วยความเกลียดชัง แต่ให้ใช้หลักคิดเมตตาสงสาร ว่าถ้าเค้ายังเป็นแบบนั้นอยู่ ก็น่าสงสารยิ่ง เพราะเป็นการสร้างอกุศลกรรมเป็นอาจิณนำเค้าไปสู่อเวจีมหานรกได้ เราพึงหวังดีว่า วันนึงเค้าคงคิดได้ เค้าจะได้รอดพ้นภัยในวัฏสงสาร ไปสู่พระนิพพานได้ในที่สุด
ถ้าของหยาบแค่นี้ เราทำไม่ได้ การปฏิบัติกรรมฐานก็จะไม่มีผลเพราะอารมณ์ใจเราไม่มีความประณีต ละเอียดพอ ที่จะเข้าถึงภูมิธรรมสูง ๆ ขึ้นจากการทำสมถะวิปัสสนาได้
*****************************************
เมื่อได้อ่านแล้วเห็นว่า....ผลแห่งการอนุโมทนาบาป หรือการมีปฏิฆะ ความขัดเคือง ไม่พอใจ อยู่ในกระแสจิตเสมอ ๆ สามารถทำให้ตกนรกได้ ทั้งยังเป็นการผูกเวร จอเวรแก่กันและกันอีก เมื่อยังไม่หมดเชื้อ ยังต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีก หากต้องโคจรมาพบกัน จะทำให้มีแต่ความไม่พอใจ และจองล้างจองผลาญกันไม่จบสิ้น
เมื่อพิจารณาแล้ว ท่านทั้งหลายที่สนใจการเมืองอยู่ในขณะนี้ โปรดอย่าลืมหลักปฏิบัติในการปฏิบัติจิต หลักของพระโยคาวจร ที่ผู้ปรารถนาการพ้นทุกข์ว่าควรรักษาใจอย่างไร หากอยากจะทำหน้าที่ ใช้หนี้แผ่นดิน แสดงออกอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ไม่ใช่ว่าความร้อนเท่านั้นที่จะสามารถแก้ปัญหาได้ โปรดระลึกเสมอว่าการแก้ปัญหาด้วยความร้อนย่อมมีแต่การพินาศย่อยยับ แต่หากแก้ปัญหาด้วยปัญญา ด้วยธรรมนำหน้าอย่างแท้จริง ย่อมได้รับชัยชนะทั้งด้านรูปธรรม และนามธรรม
การแสดงออกทางการเมืองตามหน้าที่ของประชาชนคนไทยเป็นสิทธิที่จะสามารถทำได้ เป็นสิ่งถูกต้อง การเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมาก่อนประโยชน์ส่วนตนก็เป็นแนวทางของพระโพธิสัตว์ ช่วยคนอื่นก่อนช่วยเหลือตนเอง หากจะเดินอยู่ในทางสายนี้ก็อย่าลืมเดินบนแนวทาง แห่งบารมี คือ
1.) ทานะ หรือการเสียสละ
2.) บนพื้นฐานของศีล ไม่สร้างความเดือดร้อนกายใจของใคร
3.) เนกขัมมะ ออกจากเรือนทั้งเรือนครัว เรือนกาย ด้วยสมาธิจิต
4.) ปัญญานำหน้าอารมณ์เสมอ
5.) เพียร พยายาม วิริยะไม่ท้อถอย เลิกลาเสียก่อนสำเร็จ
6.) อดทนรอผลแห่งชัยชนะได้
7.) มีสัจจะในการแก้ปัญหา
8.) อธิษฐาน จิตตั้งหมั่น ยกจิตขึ้นเหนือเครื่องฉุดยึดทั้งปวง
9.) บนหลักเมตตา ไม่คิดทำร้าย ทำลายใคร แม้แต่ตนเอง
10.) อุเบกขา วางเฉยได้
จำไว้เสมอว่าอกุศลกรรม 10 กายกรรม 3 วจีกรรม 4 มโนกรรม 3 นำท่านสู่อบายเสมอ เมื่อสร้างกรรมนี้เป็นอาจิณ จนกำลังมันมากกว่าฝ่ายกุศลกรรม ต้องสำรวจจิตของท่านให้ดีนะครับอย่าให้ชินกับจิตปฏิฆะ จนจิตท่านใกล้เคียงกับเดรัจฉาน อสุรกาย สัตว์นรกเข้าไปทุกที ๆ
ข้อมูลจาก สาวกพระพุทธศาสนา ชื่อ พอแล้ว
เพิ่มเติม
คำว่า การตำหนิ ....นั้น มันก็อาจมีได้หลายลักษณะ เช่น
1.ตำหนิ ในลักษณะ เตือนทักท้วงด้วยธรรม เป็นลักษณะ ติเพื่อก่อ ...เช่น เตือนสติผู้ที่ใช้ความรุนแรงให้หยุดใช้ความรุนแรง... ใน กรณีนี้ อาจเป็นบุญเสียด้วยซ้ำ ถ้าตั้งจิตไว้ชอบ. หรือ กล้าที่จะทักท้วงต่อครอบครัวก่อนที่ครอบครัวจะล่มสลาย. ใน กรณีเช่นนี้ ถ้ารักษาใจตนเองไม่ให้เศร้าหมองได้ และ ไม่ตกไปในอคติ ก็มีประโยชน์ในบางแง่มุม
2.ตำหนิ ในลักษณะ บริภาส ด่า ว่า ไม่ใช่ลักษณะกล่าวด้วยธรรม....เป็นลักษณะ ด่าเช้า ด่าเย็น ....ด่าเอาสนุก ...ถ้า เป็นลักษณะนี้ ก็เป็นปัญหาแล้ว. ผู้ที่ติผู้อื่น จิตจะเศร้าหมองง่ายจริง. แต่ วจีกรรม ในลักษณะนี้ จะถึงขนาดนำไปสู่ อเวจีมหานรก หรือไม่ .มันก็คงจะมีปัจจัยอื่นๆมาประกอบอีก เช่น การตำหนินั้นๆ นำไปสู่ การประกอบอกุศลกรรมที่หนักกว่านั้นไหม. เพราะ ลำพังวจีกรรมในการตำหนิผู้อื่นที่หนัก ที่สามารถนำไปสู่นรกได้นั้น ต้องเป็นลักษณะ อริยูปวาโท คือ มุ่งตำหนิพระอริยเจ้า
จะอย่างไร ก็ตาม การตำหนิผู้อื่น เป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวัง จริงๆ ครับ... เกิดโทษได้ง่าย
สู้ หันมาเพ่งโทษ ตำหนิตนเองกันดีกว่า... มี ประโยชน์ชัดเจน
ขอบคุณข้อมูลจาก สาวกพระพุทธศาสนา ชื่อ (ตรงประเด็น)
#2
โพสต์เมื่อ 26 October 2008 - 05:06 PM
#3
โพสต์เมื่อ 26 October 2008 - 06:24 PM
#4
โพสต์เมื่อ 26 October 2008 - 09:36 PM
ทำดีต้องทำจริง ต้องตัวจริงเท่านั้นที่ทำได้
และนั่นคือพวกเรา ได้รวมพลังยิ่งใหญ่
เป็นดาวแห่งความดี ต้องดีจริงต้องตัวจริง
#5
โพสต์เมื่อ 27 October 2008 - 08:50 AM
สาธุ
#6
โพสต์เมื่อ 27 October 2008 - 09:49 AM
อ่านแล้ว ต้องหมั่นระวัง กายใจอีกเยอะเลย เน้อ
จะพยายามค่ะ
#7
โพสต์เมื่อ 27 October 2008 - 05:11 PM
...SMILE.... SMILE.... SMILE...
...ยิ้ม... ใส... ปิ๊ง...
#8
โพสต์เมื่อ 27 October 2008 - 05:24 PM
อย่าเผลอ..
เพราะเวลา ..เราทำร้ายใครด้วยกาย(กายกรรม)
พอเราหยุด การทำร้ายก็หยุด ลงด้วยกัน
...
แต่ถ้าเป็น คำพูด ที่กล่าวออกไป แล้วไปทำร้ายจิตใจเขา
แม้หยุดพูดแล้ว..
คำพูดนั้น ก็ยังสามารถ ตามเบียดเบียน
ตามเชือดเฉือน ผู้ถูกกระทำ
อีกนาน...แสนนาน ทุกครั้งที่ เขาย้อนคิดขึ้นมา
...
วจีกรรม ทำง่าย คือ พูดง่าย เกิดได้ง่าย..
เราต้องตั้งสติ คือวางใจ ไว้ที่ 072 จนคุ้น
องค์พระในตัว ท่านจะรักษาใจเรา
ให้ใส จึงมีเวลาพอ ที่พอกระทบอะไรๆ ก็ดับลงได้ทันเสียก่อน..
ก่อนที่จะ..
...หนึ่งก้อนหินมา สองก้อนหินกลับไป...
อย่างพระเดชพระคุณท่านชอบเย้าลูกๆของท่าน...จ้า
#9
โพสต์เมื่อ 27 October 2008 - 10:23 PM
#10
โพสต์เมื่อ 28 October 2008 - 06:45 AM
#11
โพสต์เมื่อ 28 October 2008 - 10:09 AM
#12
โพสต์เมื่อ 28 October 2008 - 05:55 PM
สาธู๊
ขออนุญาต นำไปส่งต่อเช่นกันค่ะ
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
#13
โพสต์เมื่อ 31 October 2008 - 10:38 PM
#14
โพสต์เมื่อ 22 November 2008 - 10:24 AM
#15
โพสต์เมื่อ 02 September 2009 - 03:09 PM