ทำไมอากาศร้อนมากๆ
#1
โพสต์เมื่อ 07 April 2006 - 02:36 PM
5 ปี คนไทยจะอยู่ได้อย่างไรแค่เดินผ่านแดด ก้เหมือน
อยู่ในเตาอบร้อนๆ
#2
โพสต์เมื่อ 07 April 2006 - 02:45 PM
อุนณหภูมิโลกเพิ่มสูงขึ้นทุกวันๆ ต่อไปอีกสัก 20 ปีจะเป้นยังไงกันครับนี่ ไม่อยากคิดเลย
แต่ไม่เป็นไร ร้อนนอก แต่เย็นใน ก็แล้วกันครับ
#3
โพสต์เมื่อ 07 April 2006 - 03:19 PM
100 กว่าบาทเช่นกัน ทั้งๆที่ปัจจัยอื่นเท่าเดิม เป็นเพราะอากาศร้อนหรือเปล่าหนอ
ช่วยตอบที
#4
โพสต์เมื่อ 07 April 2006 - 03:33 PM
ดูดีมาหน่อยก็ไอติมสเวนเซ่นส์เลยครับ
พุทธพยากรณ์ที่ผมเคยอ่านมานานแล้วพระพุทธองค์ทรงเคยทำนายว่าช่วงที่ใกล้จะสิ้นอายุพระศาสนา
จะบังเกิดพระอาทิตย์ ดวงที่ 2 3 4 5 ตามมาเป็นลำดับครับ น้ำในมหาสมุทรทั้ง 4 จะหืดแห้งและอื่นๆ จะตามมาครับ
ต้องลองไปหาอ่านกันเอาเองครับ เพราะเรื่องมันยาววววววววววครับ
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#5
โพสต์เมื่อ 07 April 2006 - 05:44 PM
#6
โพสต์เมื่อ 07 April 2006 - 06:11 PM
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#7
โพสต์เมื่อ 07 April 2006 - 07:17 PM
#8
โพสต์เมื่อ 07 April 2006 - 07:26 PM
#9
โพสต์เมื่อ 07 April 2006 - 07:34 PM
ยืมคำพี่โน๊ต อุดม แต้พาณิชมาใช้ก่อนนะค่ะ
หยุดนั่นเองเป็นตัวสำเร็จ
ทั้งทางโลกและทางธรรม สำเร็จหมด
#10
โพสต์เมื่อ 07 April 2006 - 07:43 PM
ง่ายๆเลยก็น้ำหวานรสที่ชอบคะ
อาหารที่ทำง่ายแล้วดับร้อนได้ เอาเต้าหู้หลอดแช่เย็นไว้
แล้วเราปรุงรสน้ำยำหรือโดยใช้แค่ซอสพริก น้ำมะนาว งาขาวคั่ว
น้ำตาลนิดหน่อย น้ำกระเทียมดอง ทุกอย่างผสมกันเคี่ยวพอเดือด
เอาเต้าหู้มาหั่นแว่นใส่จานไว้ แล้วราดด้วยน้ำยำ โรยขึ้นฉ่ายซอย
คิดเองทำเองออกจีนนิดๆดับร้อนได้ดีคะมีประโยชน์ต่อร่างกาย
#11
โพสต์เมื่อ 07 April 2006 - 10:16 PM
#12
โพสต์เมื่อ 08 April 2006 - 01:26 AM
#13
โพสต์เมื่อ 08 April 2006 - 06:34 AM
***เมื่อโลกพินาศด้วยไฟ จะเริ่มต้นด้วยการมีมหาเมฆชนิดหนึ่งชื่อ "กัปปวินาสมหาเมฆ" ตั้งขึ้น ครั้นแล้วจะเกิดฝนตกห่าใหญ่ทั่งทั้งแสนโกฏิจักรวาล บรรดามนุษย์ทั้งหลายย่อมพากันดีใจปลูกข้าวกล้า เมื่อต้นข้าวโตขึ้นขนาดโคพอกัดกินใด กัปปวินาสมหาเมฆจะส่งเสียมคำรามลั่นดุจลาร้อง ต่อแต่นั้นมาก็จะไม่มีฝนตกลงมาอีกเลย นับเป็นร้อยปี พันปี หมื่นปี แสนปี บรรดาสรรพสัตว์ทั้งหลายที่อาศัยน้ำฝนเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงชีวิตก็จะพากันล้มตาย แม้แต่สัตว์ที่ปฏิสนธิบังเกิดขึ้นในจตุราบายภูมิทั้ง ๔ ก็จะพากันจุติเกิดขึ้นมาเป็นมนุษย์ แล้วบำเพ็ญกุศลด้วยการเจริญฌานให้เกิดขึ้น เพื่อเข้าสู่พรหมภูมิที่พ้นจากการถูกทำลายด้วยไฟ แต่มิใช่ว่าจุติจากกำเนิดแห่งอบายสัตว์แล้วเข้าสู่พรหมภูมิโดยตรงนั้นหามิได้
***ครั้นไม่มีฝนตกมาเป็นเวลาช้านาน ยามนั้นเอง ดวงอาทิตย์ดวงที่ ๒ ย่อมปรากฏเกิดขึ้นในเวลากลางคืน พอดวงแรกลับขอบฟ้า ดวงที่สองย่อมส่องสว่างแทน นับแต่นั้นมา โลกก็มีแต่กลางวันเพียงอย่างเดียว และเนื่องจากดวงอาทิตย์ดวงที่ ๒ ไม่มีสุริยเทพบุตรประจำอยู่ จึงส่องแสงร้อนแรงกว่าปกติ เพราะสุริยเทพบุตรก็ได้เจริญฌานเพื่อเข้าสู่พรหมภูมิที่พ้นจากการทำลายล้างด้วยเช่นกัน ในครานี้ แม่น้ำน้อยใหญ่ย่อมเหือดแห้งไปทุกหนแห่ง เว้นเพียงแต่ปัญจมหานที (คงคา ยมุนา อจิรวดี มหิมา และสรภู)
ล่วงกาลช้านาน ดวงอาทิตย์ดวงที่ ๓ จึงบังเกิดขึ้น เมื่อนั้น ปัญจมหานทีก็พากันเหือดแห้ง
เมื่อดวงอาทิตย์ดวงที่ ๔ ปรากฏเกิด สระใหญ่ ๗ สระในป่าหิมพานต์ อันได้แก่ อโนดาต กุณาละ รถกาละ มัณฑากิณี สีหปปาตะ กัณณมุณฑะ และฉัททันตะ ย่อมถึงกาลเหือดแห้ง น้ำในมหาสมุทรลึก ๘๔,ooo โยชน์ก็งวดลงตามลำดับ
เมื่อดวงอาทิตย์ดวงที่ ๕ ปรากฏเกิด น้ำในทะเลหลวงและมหาสมุทรต่างแห้งเหือดไปจนหมดสิ้นไม่เหลือติดแม้สักองคุลี
เมื่อดวงอาทิตย์ดวงที่ ๖ ปรากฏเกิด โลกธาตุทั้งหลายก็มีอันกลายเป็นควันคลุ้งตลบไปหมดทั่วแสนโกฏิจักรวาล แผ่นดินและภูเขาทั้งหลายย่อมสิ้นยาง (ความชุ่มชื้น) แหลกเป็นกลุ่มควันฟุ้งตลบไปทั่วนานนับเดือนนับปีมิได้
เมื่อดวงอาทิตย์ดวงที่ ๗ ปรากฏเกิด ในเวลาที่โลกธาตุฟุ้งตลบเป็นควันกลบอยู่นั้น ก็พลันลุกโชนด้วยไฟประลัยกัลป์รุ่งโรจน์โชตนาการขึ้นพร้อมกัน มีเสียงระเบิดอึกทึกกึกก้องโกลาหลน่าสะพรึงกลัว ยอดเขาสิเนรุราชก็ถึงกาลพินาศหลุดลุ่ยถอดถอนกระจัดกระจายหายไปในนภากาศ เปลวไฟประลัยกัลป์นี้เกิดขึ้นจากพื้นมนุษย์ก่อน แล้วจึงค่อยลามไปยังฉกามาวจรภูมิทั้ง ๖ ชั้น ไปจนกระทั่งถึงรูปพรหมภูมิขั้น "ปฐมฌาน" ได้แก่
ปาริสัชชา ปุโรหิตา มหาพรหมา แล้วจึงหยุดอยู่แค่นั้น ไม่ลุกลามต่อไปอีก
***บรรดาสังขารโลกทั้งปวงที่ถูกไฟประลัยกัลป์ผลาญเผานั้น ย่อมไม่เหลือแม้เถ้าถ่าน ไหม้เป็นจุณวิจุณ ดุจไฟไหม้น้ำมัน หากยังค้างอยู่แม้เพียงอณูเดียว ไฟก็ไม่หยุดไหม้ ลุกโพลงอยู่เนืองนิจเช่นนั้น จนไม่มีสิ่งใดเหลือว่างเปล่ากายเป็นอากาศไปหมดสิ้นจึงดับลง ครั้งนั้นอากาศเบื้องล่างและเบื้องบนก็ต่อเนื่องเป็นแผ่นผืนเดียวกันโล่งตลอดถึงกัน มีแต่ความมือมนอนธการเป็นเวลาช้านานอย่างหาประมาณมิได้ กระทั่งถึงเวลาก่อตัวเกิดขึ้นใหม่ของจักรวาล
เอกสารอ้างอิง
ถวิล วัติรางกูล. (๒๕๓o). เราคือใคร. หน้า ๙๑-๙๒. โรงพิมพ์กรุงเทพ.
#14
โพสต์เมื่อ 08 April 2006 - 10:33 AM
#15
โพสต์เมื่อ 08 April 2006 - 11:57 AM
#16
โพสต์เมื่อ 08 April 2006 - 03:13 PM
น้ำใบบัวบกมันแก้ช้ำในไม่ใช่หรอครับ
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#17
โพสต์เมื่อ 08 April 2006 - 03:55 PM
แล้วก็ เท ไห้สุนัขกินครับ
#18
โพสต์เมื่อ 10 April 2006 - 01:35 AM
ทั้งเย็นนอกและเย็นใน
แม้ชีวิตนี้ก็ให้ได้