มีเรื่องราวในอดีตมาเล่าสู่กันฟัง อ่านแล้วก็รบกวนพิจารณากันตามสบายนะครับ ผมจะไม่สรุป ไม่ชี้แนะอะไรทั้งนั้น
..............................................................................................................................................................................................
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ดินแดนแอฟริกาใต้ ราวๆ ศตวรรษที่ 19 ในกลุ่มชนพื้นเมือง Bantu Tribes ซึ่งเผ่าที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่ม คือ เผ่า Xhosa และก็แน่นอนตามวิถีชีวิตของขนแอฟริกาใต้ คือ ทำเกษตรกรรม เลี้ยงปศุสัตว์ และเป็นกรรมกรรับจ้างทำงานให้กับชนผิวขาวผู้รุกราน
ytjfg.gif 223.29K 15 ดาวน์โหลด
ภาพประกอบจาก Google ไม่เกี่ยวกับเนื่อหา
ราวๆ ปี ค.ศ.1778 บริเวณ Fish River ทางตะวันออกของเขต Cape Province ก็เริ่มมีปัญหากันระหว่างชนเผ่า กับชนผิวชาว บวกกับทุพภิกขภัยแล้ง เกิดความอดอยากล้มตายไปทั่ว หัวหน้าเผ่านาม Ndlambe ได้นำชนเผ่าเข้าโจมตีเพื่อปล้นสะดมคนขาว ด้วยเชื่อว่าน้ำมนต์ของหมอผีประจำเผ่าที่ชื่อ Makana ทำให้ สามารถหยุดกระสุนปืนของพวกคนขาวได้ ผลคือ นักรบเผ่า Xhosa ตายไปนับพันคนในปี ค.ศ.1819
ก็ระหองระแหงกันมา จนวันหนึ่งในเดือน พฤษภาคม ค.ศ.1856 สองสาวน้อยชาว Xhosa นามว่า Nongqawuse(16ปี) ส่วนอีกคนไม่ถูกระบุชื่อ เพราะเป็นแค่ตัวประกอบเท่านั้น เด็กทั้งสองได้ไปที่แอ่งน้ำใหญ่ของหมู่บ้านใกล้แม่น้ำ Gxara แล้วก็ได้พบร่างภูตวิญญาณในรูปชายผิวดำหุ่นกำยำ 5 ตนโผล่ขึ้นมาจากน้ำ พร้อมกล่าวว่า พวกตนเป็นตัวแทนของบรรพบุรุษของเผ่า จะมาช่วยกอบกู้สถานภาพของลุกหลาน พร้อมทั้งขับไล่ขนผิวขาวออกไปจากดินแดน และจะเนรมิตความอุดมสมบูรณ์ของพืชพรรณ ธัญญาหารให้กลับมาอีกครั้งแต่มีข้อแม้ว่า ทั้งเผ่าต้องฆ่าสัตว์เลี้ยงทั้งหมดทิ้ง ทำลายพืชพรรณรวมถึงยุ้งฉางให้หมด แล้วพวกตนจะบอกวีเอาชนะคนขาวให้
07-limba-devil-ghongorli-sierra-leone-670.jpg 77.11K 17 ดาวน์โหลด
ภาพประกอบจาก Google ไม่เกี่ยวกับเนื่อหา
สองสาวได้ฟังก็ต๊กกะใจวิ่งปรู๊ดกลับหมุ่บ้าน สาว Nongqawuse ก็รีบไปเล่าให้ลุงของตนเองฟัง ซึ่งลุง Mhlakaza ซึ่งเป็นหมอผีประจำเผ่าได้ฟังก็หัวเราะกลิ้ง วันรุ่งขึ้นสองสาวก็ไปที่แอ่งน้ำอีก ซึ่งวิญญาณภูตเหล่านั้นก็มาปรากฏตัว พร้อมกับกล่าวซ้ำเดิมให้สองสาวฟังอีก แต่สองสาวก็บอกไปว่า ไปเล่าแล้วแต่ไม่มีใครฟัง วิญญาณภูตเลยให้ไปแจ้งกับ Mhlakaza ว่า ให้มาฟังด้วยตัวเอง โดยต้อง ทำการฆ่าวัวทิ้งก่อนหนึ่งตัว แล้วชำระล้างร่างกายตัวเองให้สะอาด จากนั้นอีก 4 วันก็ให้มาที่แอ่งน้ำนี้ ... ซึ่ง Mhlakaza ก็ทำตาม เมื่อมาถึงแอ่งน้ำพร้อมคนอื่นๆ ในเผ่า วิญญาณภูตก็ไม่ได้ปรากฏตัวให้เห็น แต่ใช้การสื่อสารผ่านหญิงสาว Nongqawuse ซึ่งก็ยืนยันเรื่องเดิมๆ ให้ฆ่าสัตว์ทุกตัวทิ้ง ให้ทำลายพืชไร่ ให้ทำลายยุ้งฉาง
ทางพ่อหมอ Mhlakaza ก็ได้ถามว่า แล้วทุกคนจะเอาอะไรกิน วิญญาณภูตตอบว่า ให้สร้างคอกสัตว์ใหม่ สร้างยุ้งฉางใหม่ ให้กลับไปบอกทุกคน และกราบทูลกษัตริย์ของทุกเผ่าให้ทำตาม เมื่อทุกอย่างพร้อมจะมีพายุใหญ่พัดมากวาดล้างคนขาวและผู้ที่ไม่เชื่อถือทำตามลงทะเลไป จากนั้นก็จะปรากฏสัตว์เลี้ยงเต็มคอก พืชพรรณเต็มยุ้งฉางเอง พืชพรรณต่างๆ ก็จะงอกมาจนเต็มผืนดิน อุดมสมบูรณ์ด้วยอำนาจแห่งบรรพบุรษ
กษัตริย์ Saili เมื่อได้ฟังคำของหมอผี Mhlakaza ยืนยันว่า นี่เรื่องจริงพระเจ้าค่า ก็ทรงมีรับสั่งโดยมิทรงลังเล ให้สังหารปศุสัตว์และทำลายพืชพันธุ์จนสิ้น ... แต่ก็อย่างว่า ของแบบนี้ก็ต้องมีผู้ไม่ทำตาม ไม่เชื่อถือ สาวน้อย Nongqawuse ก้อ้างว่าได้รับสื่อใหม่ คือ พื้นดินรอบแอ่งน้ำสั่นสะเทือน แล้วเห็นวิญญาณบรรพบุรุษกำลังกวาดต้อนฝูงสัตว์ขนาดใหญ่ขึ้นมาจากแอ่งน้ำ แต่ขึ้นไม่ได้ เพราะมีคนไม่ทำตาม งานนี้ตามรายงาน มีการอ้างว่ามีชาวบ้านเห็นกันหลายคน บางคนก็เห็นบรรพบุรุษที่ตนรู้จัก แต่งตัวนักรบเตรียมทำสงครามกับคนขาวบ้าง ก็ว่ากันไป สุดท้ายส่วนใหญ่ก็ต้องทำตาม
image.jpg 79.7K 21 ดาวน์โหลด
ภาพประกอบจาก Google ไม่เกี่ยวกับเนื่อหา
Charies Browntree ผู้นำของฝั่งคนผิวขาว ได้ออกมาตักเตือน แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ ยังคงตั้งหน้าฆ่าสัตว์เลี้ยงต่อไป
แล้วก็มาถึงตอนสำคัญ สาวน้อย Nongqawuse ก็ประกาศว่า วิญญาณบรรพบุรุษจะจัดการคนขาวในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 1857 โดยจะมีสัญญาณให้รู้ คือ พระอาทิตย์จะเป็นสีแดงโลหิต เมื่อถึงเวลาเที่ยงตรง ดวงอาทิตย์จะลอยนิ่งอยู่เหนือหัว จากนั้นจะเกิดพายุใหญ่พัดเอาคนขาว และคนที่ไม่เชื่อถือลงทะเลไป จากนั้นดวงอาทิตย์จะถอยกลับไปทางทิศตะวันออก ลาลับหมดวันไป แล้วจะลอยขึ้นมาใหม่พร้อมความอุดมสมบูรณ์ (ประมาณวันใหม่ชีวิตใหม่ ทำนองนี้มั้ง)
พอวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 1857 ทุกคนที่ยังมีแรงเหลืออยู่ก็ลุกขึ้นมาประดับประดาร่างกายพร้อมออกมาเต้นรำบวงสรวงแบบหมดแรง (แต่ส่วนใหญ่คงจะนั่งซึมกะทือเพราะหิวเป็นแน่-เดี๋ยวเฉลยให้ฟังว่าทำไมถึงหิวกันนัก) จนเช้า ทุกคนก็เฝ้ามองดวงอาทิตย์ด้วยความหวัง ซึ่งแน่นอนท่านสุริยะเทพก็ไม่ได้ทำให้ใครผิดหวัง ทรงเสด็จมาตามปกติ สุกสว่างจ้าทางทิศตะวันออกด้วยเครื่องทรงสีปกติ แผดร้อนสูงขึ้นไปตามลำดับจนถึงกลางหัว แล้ว...ก็เลยลงไปอัสดงที่ฝั่งตะวันตกเหมือนอย่างที่เคยๆ เป็นมาทุกวัน
ฝูงชนที่สิ้นหวัง ส่วนที่ไม่มีแรงก็เสาะหาทุกอย่างมากิน เปลือกไม้ รากไม้ กระดูกสัตว์ หนังสัตว์ที่เขาฆ่าทิ้ง สุดท้ายก็ตกเป็นภาระของคนขาวที่ต้องเอาอาหารมาแบ่งปันให้ ... ส่วนคนที่ยังมีแรง ก็ออกเสาะหาตัวการซึ่งก็หนีหัวซุก หัวซุนไปอาศัยพึ่งคนขาวที่ตัวเองต้องการจะมาปราบ คนอื่นไม่มีรายงานว่าประสบชะตากรรมอย่างไร แต่สาวน้อย Nongqawuse ต้นเรื่อง ถูกผู้ปกครองนิคมอังกฤษจับกุมและส่งตัวไปเป็นคนงานในฟาร์มที่เกาะ Robben Island และเสียชีวิตในปี 1898
ประมาณกันว่า จากจำนวนประชากรเผ่า Xhosa ในเดือนมกราคม 1857(คำทำนายสุดท้าย) จำนวนประมาณ 105,000 คน เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง เหตุการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน จำนวนคนลดลงเหลือประมาณ 37,500 คนเท่านั้น ล้มหายตายจากด้วยความอดอยาก และโรคภัยไข้เจ็บที่ตามมาไป 67,500 คน พูดง่ายๆ หายไป 2 ใน 3 กันเลย และประมาณว่า มีการฆ่าสัตว์เลี้ยงอย่างบ้าคลั่งไปอย่างน้อย(ย้ำ-อย่างน้อย) 400,000 ตัว
..............................................................................................................................................................................................
ไม่ได้คิดจะประนาม หรือตำหนิใคร แต่เหตุการณ์แบบนี้มีจริงในประวัติศาสตร์ และมีบันทึกไว้เป็นตัวอย่างในตำราเรียนด้วย
พออ่านแบบนี้แล้ว ทำให้ยิ่งยินดีกับตัวเองอย่างที่สุด ที่ได้ทำบุญมาดี ได้เกิดในพระพุทธศาสนาที่ยึดเหตุผลเป็นหลัก มหาปูชนียาจารย์ของพวกเราถึงได้เมตตากล่าวย้ำกับพวกเรานักหนาว่า เวลาทำบุญให้อธิษฐานว่าให้ได้เกิดในพระพุทธศาสนา ให้คิด ให้สอนตัวเองได้ หนทางในการสร้างบารมีจึงจะสะดวกราบรื่น ถ้าหลุดไปเกิดในประเทศที่มีความเชื่อแบบไม่ถูกต้อง คิดเอง สอนตัวเองไม่ได้ ป่านนี้ก็ไม่รู้ไปวนเวียนอยู่ขุมไหนแล้ว เสียเวลาไปอีกอื้อเลย
บทเรียนในอดีต มีไว้ศึกษา และพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นนะครับ